สรุปงบล่าสุด SITHAI

บริษัท ศรีไทยซุปเปอร์แวร์ จำกัด (มหาชน)
สรุปงบการเงิน
ไตรมาสที่ 4 ปี 2567
สรุปสั้น
ยังไม่มีรายละเอียด อยู่ระหว่างการจัดทำข้อมูล
สรุปด้วย AI(O) BOT
## บทสรุปผลประกอบการ บมจ. ศรีไทยซุปเปอร์แวร์ (SITHAI) ปี 2567 (ฉบับปรับปรุง):
บทความนี้สรุปผลประกอบการของ บริษัท ศรีไทยซุปเปอร์แวร์ จำกัด (มหาชน) (SITHAI) สำหรับปี 2567 โดยเน้นที่กลุ่มผลิตภัณฑ์เพื่องานอุตสาหกรรม และวิเคราะห์ผลกระทบของปัจจัยต่างๆ ที่มีต่อผลการดำเนินงาน รวมถึงสรุปข้อมูลสำคัญด้านการเงินและเหตุการณ์สำคัญในปี
**1. สรุปรายได้รวม:**
ในปี 2567 กลุ่มบริษัท SITHAI มีรายได้จากการขายรวม 8,077 ล้านบาท ลดลง 5.5% เมื่อเทียบกับปีก่อน ปัจจัยหลักที่ส่งผลกระทบคือ:
* การชะลอตัวของเศรษฐกิจโดยรวม
* สถานการณ์ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์
* การปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ
* หนี้สินภาคครัวเรือนในประเทศที่อยู่ในระดับสูง
แม้รายได้รวมจะลดลง แต่บริษัทฯ สามารถรักษาอัตรากำไรขั้นต้นและกำไรจากการดำเนินงานได้ดี โดยมี EBITDA เท่ากับ 1,020 ล้านบาท คิดเป็น EBITDA Margin ร้อยละ 12.6 ลดลงเล็กน้อยจากปีก่อน
กำไรสุทธิส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ เท่ากับ 285 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อน 23.4% โดยรวมรายการตัดจ่ายสินทรัพย์ภาษีเงินได้รอตัดบัญชีสุทธิที่เกิดจากขาดทุนสะสมทางภาษีที่ไม่ได้ใช้จํานวน 48 ล้านบาท และมีกำไรต่อหุ้น 0.11 บาท
**ผลการดำเนินงานไตรมาส 4/2567:** รายได้จากการขาย 2,003 ล้านบาท ลดลง 3.8% เมื่อเทียบกับไตรมาส 4/2566 สาเหตุหลักมาจากการลดลงของรายได้จากกลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ในครัวเรือน กำไรขั้นต้นลดลง และกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ ลดลง 84.8% เหลือ 16 ล้านบาท เนื่องจากยอดขายรวมที่ลดลง ค่าแรงที่ปรับสูงขึ้น และรายการตัดจ่ายสินทรัพย์ภาษีเงินได้รอการตัดบัญชีสุทธิเพิ่มขึ้น
**2. สถานการณ์เศรษฐกิจ:**
สถานการณ์เศรษฐกิจโดยรวมในปี 2567 มีความท้าทายหลายด้าน ทั้งเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ อัตราดอกเบี้ยที่เปลี่ยนแปลง และหนี้สินครัวเรือนสูง สิ่งเหล่านี้ส่งผลกระทบต่อกำลังซื้อและการใช้จ่ายของผู้บริโภค
**3. การเปลี่ยนแปลงในรายได้และกำไร:**
แม้ว่ารายได้รวมจะลดลง แต่บริษัทฯ ยังคงสามารถบริหารจัดการต้นทุนและค่าใช้จ่ายได้ดี ทำให้อัตรากำไรขั้นต้นและอัตรากำไรจากการดำเนินงานยังอยู่ในระดับที่น่าพอใจ อย่างไรก็ตาม กำไรสุทธิลดลงเนื่องจากปัจจัยภายนอกต่างๆ เช่น การชะลอตัวของเศรษฐกิจ และรายการพิเศษจากการตัดจ่ายสินทรัพย์ภาษีเงินได้รอการตัดบัญชี
**4. ฐานะการเงิน:**
ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2567 กลุ่มบริษัทมี:
* **สินทรัพย์รวม:** 7,190 ล้านบาท (ลดลง 372 ล้านบาทจากสิ้นปี 2566) ประกอบด้วย:
* เงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสดและเงินลงทุนระยะสั้น: 736 ล้านบาท (ลดลง 34 ล้านบาท)
* ลูกหนี้การค้า: 1,423 ล้านบาท (ลดลง 93 ล้านบาท)
* สินค้าคงเหลือ: 1,028 ล้านบาท (ลดลง 12 ล้านบาท)
* ที่ดิน อาคารและอุปกรณ์: 2,981 ล้านบาท (ลดลง 220 ล้านบาท)
* **หนี้สินรวม:** 2,721 ล้านบาท (ลดลง 312 ล้านบาท) ประกอบด้วย:
* เจ้าหนี้การค้า: 792 ล้านบาท (ลดลง 53 ล้านบาท)
* ภาระหนี้เงินกู้ยืม: 1,275 ล้านบาท (ลดลง 224 ล้านบาท)
* **ส่วนของผู้ถือหุ้น:** 4,469 ล้านบาท (ลดลง 60 ล้านบาท)
**อัตราส่วนทางการเงินที่สำคัญ:** (สรุปจากตาราง)
* **อัตราส่วนสภาพคล่อง:** คงที่ที่ 1.7 เท่า
* **ความสามารถในการชำระดอกเบี้ย:** ลดลงจาก 20.7 เท่า เป็น 13.8 เท่า
* **ระยะเวลาเก็บหนี้จากลูกค้า:** เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจาก 63.9 วัน เป็น 65.5 วัน
* **ระยะเวลาของสินค้าคงเหลือ:** ลดลงจาก 54.0 วัน เป็น 53.4 วัน
* **อัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้น:** คงที่ที่ 0.6 เท่า
* **อัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยสุทธิต่อส่วนของผู้ถือหุ้น:** เพิ่มขึ้นจาก 0.1 เท่า เป็น 0.2 เท่า
**5. กระแสเงินสด:**
* เงินสดสุทธิจากกิจกรรมดำเนินงาน: 950 ล้านบาท (ลดลงเล็กน้อยจากปีก่อน)
* เงินสดใช้ไปในกิจกรรมลงทุน: 372 ล้านบาท (เพิ่มขึ้นจากการลงทุนในเครื่องจักรและอุปกรณ์)
* เงินสดใช้ไปในกิจกรรมจัดหาเงิน: 506 ล้านบาท (ลดลงจากการจ่ายชำระคืนเงินกู้และการซื้อหุ้นสามัญคืน)
**6. ปัจจัยความเสี่ยงและโอกาสในการลงทุน:**
**ปัจจัยความเสี่ยง:**
* ความผันผวนของราคาวัตถุดิบ
* ความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลก
* การแข่งขันที่รุนแรงในตลาด
**โอกาสในการลงทุน:**
* การพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ตอบสนองความต้องการของตลาด
* การขยายตลาดไปยังต่างประเทศ
* การพัฒนานวัตกรรมในอุตสาหกรรม
* โอกาสจากการกีดกันทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน (ส่งผลดีต่อยอดขายส่งออก)
**7. กลุ่มผลิตภัณฑ์เพื่องานอุตสาหกรรม:**
* **ปี 2567 เทียบกับปี 2566:** รายได้ลดลง 4.6% โดยเฉพาะในต่างประเทศ อันเป็นผลจากการปรับสัดส่วนของสินค้าที่ขายและการปรับราคาขายตามราคาวัตถุดิบที่ลดลง อย่างไรก็ตาม ตลาดในประเทศมีการเติบโตที่แข็งแกร่ง
* **EBITDA:** จำนวน 645 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 47 ล้านบาท (+7.9%) และ EBITDA Margin เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 8.5 เป็นร้อยละ 9.7 มาจากทั้งกิจการในประเทศและกิจการในต่างประเทศ
* **ไตรมาส 4/2567 เทียบกับไตรมาส 4/2566:** รายได้เพิ่มขึ้น 1.1% จากกิจการในประเทศ โดยเฉพาะยอดขายสินค้ากลุ่มผลิตภัณฑ์พลาสติกอุตสาหกรรม สินค้าที่เติบโตดี ได้แก่ พาเลทและลังบรรจุภัณฑ์, ถังขยะ, บรรจุภัณฑ์อาหาร, ถังสี, และเปลือกแบตเตอรี่
**8. เหตุการณ์สำคัญและแนวโน้มในอนาคต:**
* บริษัทฯ ได้รับการคัดเลือกเป็นหนึ่งในบริษัทกลุ่มหลักทรัพย์ ESG100 เป็นปีที่ 3
* ได้รับการประเมิน CGR 2024 ระดับ "ดีเลิศ" (5 ดาว) เป็นปีที่ 9 ติดต่อกัน
* ได้รับการประกาศเป็นหุ้นยั่งยืน SET ESG Ratings ในระดับ 4 (กลุ่มสินค้าอุตสาหกรรม) เป็นปีที่ 2 ติดต่อกัน
* บริษัทฯ ให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และตั้งเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอนภายในปี พ.ศ. 2593 และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี พ.ศ. 2608
* มีแผนขยายตลาดสินค้ากลุ่มผลิตภัณฑ์เพื่องานอุตสาหกรรม โดยมุ่งเน้นเข้าสู่กลุ่มธุรกิจรถยนต์ไฟฟ้า และกลุ่มธุรกิจพลาสติกในวงการแพทย์และการดูแลสุขภาพ
**9. สรุป:**
แม้ว่าผลประกอบการของ SITHAI ในปี 2567 จะได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอกหลายประการ โดยเฉพาะกลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ในครัวเรือนที่ยอดขายลดลง แต่บริษัทฯ ยังคงสามารถรักษาความสามารถในการทำกำไรได้ในระดับหนึ่ง โดยมี EBITDA Margin อยู่ที่ 12.6% กลุ่มผลิตภัณฑ์เพื่องานอุตสาหกรรมมีการเติบโตที่ดีในตลาดภายในประเทศ และบริษัทฯ กำลังวางแผนขยายธุรกิจไปยังอุตสาหกรรมที่มีศักยภาพ เช่น รถยนต์ไฟฟ้า และการแพทย์ บริษัทฯ ยังคงมุ่งมั่นที่จะพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ ขยายตลาด และพัฒนานวัตกรรม เพื่อรักษาความสามารถในการแข่งขันและสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนในอนาคต
**หมายเหตุ:** บทความนี้เป็นการสรุปและวิเคราะห์จากข้อมูลที่ให้มาเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาในการชี้นำการลงทุน ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมและพิจารณาอย่างรอบคอบก่อนตัดสินใจลงทุน
(7.47%)
(6.40%)
(12.04%)
(9.26%)
(4.24%)
(3.06%)
(16.16%)
(9.44%)
(69.94%)
(84.99%)
(16.43%)
(246.13%)