สรุป OPPDAY หุ้น SIRI

บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน)
สรุปงบการเงิน
ไตรมาสที่ 4 ปี 2567
สรุป OPPDAY
```html
```สรุป Oppday แสนสิริ: มองอนาคตอสังหาฯ ปี 2567
1. ภาพรวมผลกระทบต่อธุรกิจ (Business Impact Overview)
แสนสิริสรุปผลการดำเนินงานปี 2566 โดยมีการเปิดโครงการใหม่รวม 43 โครงการ มูลค่า 46,500 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการแนวราบ 23 โครงการ และคอนโดมิเนียม 20 โครงการ สัดส่วนโครงการในกรุงเทพฯ และปริมณฑลต่อต่างจังหวัดอยู่ที่ 60:40 ยอดขายสุทธิอยู่ที่ 40,800 ล้านบาท โตขึ้น 9% จากปีก่อน และยอดโอนรวม 43,700 ล้านบาท โตขึ้น 13% จากปีก่อน
โครงการที่เปิดใหม่ในต่างจังหวัดได้รับการตอบรับที่ดี ยอดจองมากกว่า 40% ตั้งแต่ช่วงเปิดตัว และบางโครงการมียอดจองสูงถึง 70-80% ในเวลาไม่กี่เดือน แสนสิริเน้นจังหวัดที่มีศักยภาพด้านการท่องเที่ยว เช่น เชียงใหม่ ภูเก็ต หัวหิน ชลบุรี และขอนแก่น ตัวอย่างโครงการศิรันสิริ เกาะแก้ว รีทรีต ที่ภูเก็ต มียอดจองถึง 95% ภูเก็ตเป็นโลเคชั่นที่แสนสิริให้ความสำคัญและมีประสบการณ์ในการพัฒนาโครงการมา 10 กว่าปี
สำหรับผลประกอบการของปี 2566 บริษัทมีรายได้รวม 39,205 ล้านบาท โตขึ้น 2% จากปีก่อน กำไรขั้นต้นจากการขายโครงการอยู่ที่ 31.7% ลดลงจากปีก่อนหน้าเนื่องจากการโอนโครงการนาราสิริ กรุงเทพกรีฑา ที่มีอัตรากำไรสูงได้ปิดโครงการไปแล้ว รวมถึงมีการทำโปรโมชั่นในช่วงไตรมาส 4 ท่ามกลางการแข่งขันที่รุนแรง ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร (SG&A) ปรับตัวเพิ่มขึ้นตามยอดโอนและกิจกรรมต่างๆ คิดเป็นสัดส่วน 19.9% ของรายได้รวม
ส่วนแบ่งกำไรจากโครงการ JV ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญถึง 188% มาอยู่ที่ 1,122 ล้านบาท มาจากการโอนโครงการในรูปแบบ JV ที่เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับปี 2565 กำไรสุทธิในปี 2566 อยู่ที่ 5,253 ล้านบาท ลดลง 13% จากปีก่อน สาเหตุมาจากต้นทุนและค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น รวมถึงกำไรจากการขายที่ดินและทรัพย์สินที่ลดลง หนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ย (Interest-Bearing Debt: IBD) ณ สิ้นปี 2566 ปรับตัวลดลงจากปีก่อนหน้ามาอยู่ที่ 75,985 ล้านบาท โดยสัดส่วนส่วนใหญ่ 57% มาจากหุ้นกู้ รองลงมาเป็น Project Loan 23% และ Short-Term Loan 20% อัตราส่วน Gearing และ Net Gearing ณ สิ้นปี 2566 ปรับตัวลดลงอย่างมาก อยู่ที่ 1.55 และ 1.45 เท่าตามลำดับ ต้นทุนทางการเงินเฉลี่ยอยู่ที่ 4.16%
2. โอกาสทางธุรกิจ (Business Opportunities)
แสนสิริวางแผนเปิด 29 โครงการใหม่ในปี 2568 มูลค่า 52,000 ล้านบาท แบ่งเป็นแนวราบ 14 โครงการ และคอนโดมิเนียม 15 โครงการ โดยจะมุ่งเน้นไปใน Segment Premium เป็นหลัก สัดส่วน Location ในกรุงเทพฯ และปริมณฑลเทียบกับต่างจังหวัดจะอยู่ที่ 85:15
กลยุทธ์สำหรับปีนี้มี 4 ข้อหลักๆ คือ:
- สานต่อความสำเร็จของโครงการระดับ Medium และ Premium
- เร่งเปิดตัวคอนโดมิเนียมในกรุงเทพฯ เพิ่มมากขึ้น
- เดินหน้าพัฒนาโครงการในต่างจังหวัดอย่างต่อเนื่อง
- ร่วมมือกับ Partner ในการพัฒนาโครงการร่วมกัน
โดยมี Partner ใหม่เพิ่มเติมนอกจาก BTS Group, Tokyu Development Thailand และกองทุนส่วนบุคคลที่บริหารโดย XSpring Asset Management คือ Mitsui Fudosan Group ที่จะมาร่วมทำโครงการ JV 2 โครงการแรก ได้แก่ บูราสิริ จตุโชติ และนาราสิริ บางนา กม.10
โครงการที่จะเปิดตัวในไตรมาส 1 ของปีนี้ มีทั้งหมด 11 โครงการ มูลค่า 13,340 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการแนวราบ 3 โครงการ และคอนโดมิเนียม 8 โครงการ
3. ความเสี่ยงที่กำลังเผชิญ (Risks and Challenges)
ความเสี่ยงหลักที่แสนสิริกำลังเผชิญอยู่คือการแข่งขันที่รุนแรงในตลาดอสังหาริมทรัพย์ โดยเฉพาะในกรุงเทพฯ ที่มีผู้เล่นหลายราย รวมถึงความไม่แน่นอนของภาวะเศรษฐกิจที่อาจส่งผลกระทบต่อกำลังซื้อของผู้บริโภค นอกจากนี้ ยังมีความเสี่ยงด้านต้นทุนที่อาจเพิ่มสูงขึ้นจากราคาวัสดุก่อสร้างที่ผันผวน
ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากความเสี่ยงเหล่านี้คือยอดขายที่อาจไม่เป็นไปตามเป้าหมาย อัตรากำไรที่ลดลง และภาระหนี้สินที่เพิ่มขึ้น หากบริษัทไม่สามารถบริหารจัดการความเสี่ยงเหล่านี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ อาจส่งผลกระทบต่อผลประกอบการและสถานะทางการเงินของบริษัท
4. วิธีการแก้ไขปัญหาผลกระทบ (Problem-Solving and Mitigation)
แสนสิริมีแผนการรับมือกับความเสี่ยงต่างๆ โดยมุ่งเน้นไปที่การบริหารต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ การสร้างความแตกต่างให้กับผลิตภัณฑ์ การรักษาความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้า การขยายฐานลูกค้าไปยังกลุ่มใหม่ๆ และการเพิ่มช่องทางการขาย นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังให้ความสำคัญกับการปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว
ตัวชี้วัดความสำเร็จที่ใช้ในการแก้ไขปัญหาคือยอดขายที่เพิ่มขึ้น อัตรากำไรที่สูงขึ้น ความพึงพอใจของลูกค้าที่เพิ่มขึ้น และส่วนแบ่งการตลาดที่เพิ่มขึ้น หากบริษัทฯ สามารถบรรลุเป้าหมายเหล่านี้ได้ จะถือว่าประสบความสำเร็จในการแก้ไขปัญหาและลดผลกระทบจากปัจจัยต่างๆ ที่กล่าวถึง
5. แนวโน้มและอนาคต (Outlook and Future Trends)
แนวโน้มของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในอนาคตยังคงมีความไม่แน่นอนสูง แต่แสนสิริเชื่อว่าตลาดยังมีโอกาสเติบโตได้ หากบริษัทฯ สามารถปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปได้อย่างรวดเร็ว และสามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างตรงจุด
วิสัยทัศน์ของแสนสิริคือการเป็นผู้นำในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของประเทศไทย โดยมุ่งเน้นไปที่การสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ การให้บริการที่เป็นเลิศ และการสร้างความยั่งยืนให้กับธุรกิจ
6. ช่วงถาม-ตอบ (Q&A Session) [เริ่ม Q&A นาทีที่ 43:25]
แนวโน้มผลการดำเนินงานในไตรมาส 1 ปี 2567
- ปกติไตรมาส 1 จะน้อยกว่าไตรมาส 4 แต่ปีนี้มีการเปิดตัวคอนโดหลายตัว
- เชื่อว่ายอด Presale จะได้ตามเป้า
- Q on Q ไตรมาส 1 สู้ไตรมาส 4 ไม่ได้ แต่ Year on Year น่าจะใกล้เคียงปีที่ผ่านมา
ปัจจัยบวกในช่วงครึ่งปีแรก
- ดอกเบี้ยเริ่มลดลง
- รัฐบาลพิจารณามาตรการกระตุ้นอสังหาฯ เช่น ลดค่าธรรมเนียมการโอน
- สมาคมอสังหาฯ พยายามขอผ่อนปรน LTV
- ไตรมาส 4 และ 1 เป็น High Season ของการท่องเที่ยว
ภาพรวมอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์
- ไตรมาส 1 ยังไม่เปลี่ยนแปลงจากไตรมาส 4
- มีแค่ดอกเบี้ยที่ลดลง
- รอแบงก์ลดดอกเบี้ย
- ติดตาม Geopolitics และ Trump 2.0
หุ้นกู้ครบกำหนดปี 2568
- มีหุ้นกู้ครบกำหนด 15,000 ล้านบาท
- Deal ไปแล้วในเดือน ก.พ. 6,000 ล้านบาท
- ออกหุ้นกู้ไปแล้ว 7,000 ล้านบาท
- เหลืออีก 9,000 ล้านบาท คาดว่าจะออกอีกครั้งปลายปี 7,000 ล้านบาท
- ไม่จำเป็นต้อง Roll หุ้นกู้ทั้งหมด เพราะมีสภาพคล่องพอสมควร
การตอบรับโครงการในภูเก็ตและพัทยา
- พัทยา (PTY) เปิดขาย Online โควต้าต่างชาติหมด 100% (ยอดจอง 45% ได้เงินจอง 2,000 ล้านบาท)
- ภูเก็ต (The Base เชิงทะเล) เปิดขายมาเดือนกว่า ขายไปแล้ว 60-70%
- ขอนแก่น (ดีคอนโด แคมปัส ขอนแก่น) ขายดีกว่าที่คาด
ทำไมปีนี้เน้น Product Premium?
- เห็น K-Shape ชัดเจน ตลาดบนเติบโตได้ ตลาดล่างมีปัญหาเรื่องการกู้
- ลูกค้าหนี้ครัวเรือน 90%
- ตลาด 3 ล้านบวกลบมีปัญหาเรื่องการกู้
- ปรับ Port มาเปิด Premium และ Medium (7-8 ล้านขึ้นไป)
- ปีที่ผ่านมาพิสูจน์แล้วว่าตลาด High End ได้รับการตอบรับดี
จังหวัดที่มีศักยภาพแบบภูเก็ต
- ชลบุรี (พัทยา) ไม่เกิน 2 ชม. จากกรุงเทพฯ
- ปลายเดือนนี้จะเปิดตลาดคนไทย PTY
- เชียงใหม่พอไปได้ ไม่หวือหวาเท่า
- ขอนแก่น เป็นเมืองการศึกษา
อสังหาฯ ภูเก็ต Over Supply?
- ต้องดูดีๆ Developer เข้าไปทำเยอะ
- แสนสิริอยู่ในภูเก็ตปีที่ 15 มีทีมงานตรวจสอบ Supply Demand ตลอด
- Brand แสนสิริเป็นที่รู้จักในแง่ของคุณภาพ
- มีทุก Segment พยายามกระจายความเสี่ยง
กำไรพิเศษก้อนใหญ่เหมือนปี 2566?
- มีกำไรพิเศษจากการมี Partner มาร่วมทำ JV
- ถ้ามี JV ใหม่ๆ เกิดขึ้นปีนี้ จะมีกำไรพิเศษแน่นอน
นโยบายซื้อหุ้นคืน?
- มีศึกษาไว้ เคยทำแล้ว
- ช่วงนี้หุ้น Under Price มี Study เรื่องนี้ แต่ยังไม่มี Conclusion
ธุรกิจใหม่เพิ่ม Recurring Income?
- Plus Property Management (Recurring 10%)
- ธุรกิจโรงแรม (4 แห่ง)
- นิคมอุตสาหกรรม (ร่วมกับ Prospect Development)
เป้ายอดขายต่างชาติปีนี้?
- ตั้งเป้าสูงกว่าปีที่แล้วเล็กน้อย (7,000 ล้านบาท)
- ยอดขาย PTY (ต่างชาติ) เข้ามาแล้ว 2,000 ล้านบาท
- ตอนนี้ขายให้ต่างชาติไปแล้ว 2,000-3,000 ล้านบาท
- รอครึ่งปีแล้วดูตัวเลขอีกที
โครงการ The Base โคราช?
- ตลาดโคราชยังไม่ค่อยดี
- The Base เคยมีแล้วหยุดโครงการไป
- ถ้าตลาดไม่ดี ยังไม่กล้าเสี่ยง
ดอกเบี้ยนโยบายลดลงมีผลอย่างไร?
- Cost of Debt ลดลงแน่นอน
- ดอกเบี้ยนโยบายลด 0.25% แต่แบงก์ลดแค่ 0.1%
- ต้นทุน Link กับ MLR มีแค่ 30%
- Total Cost of Debt ลง 0.03%
- Short Term Loan 15% ล้อไปกับดอกเบี้ยนโยบาย
- คาดว่าต้นทุนจะลดลงรวม 0.07%
ยอดขาย 2 เดือนแรกของปี
- 9,500 ล้านบาท
ความเชื่อมั่นในคุณภาพคอนโดแสนสิริ
- แสนสิริทำธุรกิจมา 40 ปี
- ธุรกิจแรกคือคอนโด
- ลูกค้าจะรู้จักในแง่ของคุณภาพ
- เน้นเรื่องคุณภาพ Product
- Complaint น้อยมาก
- มี Continuous Improvement เรื่องคุณภาพ
- Survey ลูกค้า
- แทบไม่เคยได้ยินเรื่องผนังเบา
- ยอมรับในเรื่องของคุณภาพแล้ว
- ลูกค้ารับผิดชอบและดูแลลูกค้ามาตลอด
เป้าหมายรายได้ปี 2568
- ยอดขายสุทธิ 46,000 ล้านบาท
- ยอดโอนรวม JV 46,000 ล้านบาท
- แสนสิริ 37,000 ล้านบาท
- JV 9,000 ล้านบาท
- ยังคงมาจากการขายอสังหาฯ เป็นหลัก (85-90%)
ตลาดอสังหาฯ ปีนี้จะดีขึ้นไหม?
- ดอกเบี้ยลดลง (คาดว่าจะลดเพิ่มใน Q3)
- หนี้ครัวเรือน ภาวะเศรษฐกิจ สงครามการค้า Trump 2.0
- หลายคน Forecast GDP ปีนี้ 2.5-3.0
- อสังหาฯ ขึ้นกับภาวะเศรษฐกิจ
- โดยรวมไม่น่าจะเปลี่ยนแปลงมาก คล้ายปีที่ผ่านมา
ดอกเบี้ยลด LTV ช่วยกระตุ้นยอดขาย?
- ช่วยให้ลูกค้าซื้อได้ง่ายขึ้น
- ทุก 1% ของดอกเบี้ยที่ลดลง อำนาจซื้อเพิ่ม 8-10%
- การผ่อนลดลง 8-10%
- ต้นทุนบริษัทลดลง
- กำลังรอแบงก์ชาติลด LTV
- ลูกค้าซื้อเพื่ออยู่จริง ลงทุนระยะยาว
ข้อดีของ LTV ที่ลดลง
- ลูกค้าหลายคนซื้อบ้านหลังที่ 3 (ให้ลูก ใกล้ที่เรียน/ออฟฟิศ)
- ไม่อยากควักเงิน 20-30%
- ถ้าปลด LTV ได้ คนที่มี Credit สามารถกู้ได้อีก 10 ล้าน ไม่ต้องควัก 3 ล้านออกมา
Leasehold
- ชาวต่างชาติมีความต้องการอสังหาฯ สูง แต่ซื้อไม่ได้
- ถ้าทำ Leasehold 90 ปี จะช่วยกระตุ้นอสังหาฯ ในเมืองท่องเที่ยวได้
คอนโดสร้างเสร็จใหม่ปี 2568
- 13 โครงการ มูลค่า 14,500 ล้านบาท
- ยอดขายเฉลี่ย 40% ขึ้นไป
- เมืองท่องเที่ยว Take Up Rate ดี 60-80%
แผนเปิดตัวโครงการใหม่ Q1
- 11 โครงการ มูลค่า 13,340 ล้านบาท (เปิดไปเกือบครบแล้ว)
กลยุทธ์หลักปีนี้
- เปิดตัว Medium และ Premium เพิ่มเติม
- เปิดตัวคอนโดในกรุงเทพฯ ชั้นในเพิ่มขึ้น
- พัฒนาโครงการตามต่างจังหวัด (เมืองท่องเที่ยว)
- จับมือกับ Partner ร่วมพัฒนาโครงการเพิ่มขึ้น
ทำไมปีนี้เปิดตัวคอนโดเยอะ?
- Stock เหลือแค่ 6,000 ล้านบาท
- ต้องเปิดคอนโดเพิ่ม โดยเฉพาะในเมืองท่องเที่ยว
- กรุงเทพฯ บาง Location เริ่มมีการดูดซับ Supply
- ฐานการเงินแสนสิริแข็งแกร่ง
- การขออนุญาต/EIA คอนโดใช้เวลา 16-18 เดือน
สรุปใจความสำคัญ
แสนสิริยังคงมุ่งเน้นการพัฒนาโครงการระดับพรีเมียมและมีเดียม รวมถึงขยายตลาดไปยังต่างจังหวัด และเน้นการเติบโตอย่างยั่งยืนโดยให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG) พร้อมทั้งมองหาโอกาสในการเติบโตผ่านความร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจ