สรุปงบล่าสุด SGF

บริษัท เอสจีเอฟ แคปปิตอล จำกัด (มหาชน)
สรุปงบการเงิน
ไตรมาสที่ 4 ปี 2567
สรุปสั้น
ยังไม่มีรายละเอียด อยู่ระหว่างการจัดทำข้อมูล
สรุปด้วย AI(O) BOT
## สรุปผลประกอบการ SGF ปี 2567: ท่ามกลางความท้าทายทางเศรษฐกิจ
**สรุปสั้น:** บริษัท เอสจีเอฟ แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) (SGF) เผชิญกับปี 2567 ที่ท้าทาย โดยมีผลขาดทุนสุทธิ 170.85 ล้านบาท เนื่องจากการหดตัวของพอร์ตสินเชื่อและความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อใหม่ NIM ยังไม่ได้ระบุในบทความนี้ NPL อยู่ที่ 12.90% และ Coverage Ratio ยังไม่ได้ระบุในบทความนี้ บริษัทมีการตั้งสำรองหนี้เสียเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญจากปีก่อนหน้า อันเป็นผลมาจากราคารถยนต์มือสองที่ลดลงและหนี้เสียที่เพิ่มขึ้นในอุตสาหกรรม
**เศรษฐกิจ:** ภาวะเศรษฐกิจไทยในปี 2567 ยังคงเผชิญกับความท้าทายจากหนี้ครัวเรือนที่สูงและกำลังซื้อที่ฟื้นตัวช้า การเปลี่ยนผ่านไปสู่รถยนต์ไฟฟ้า (EV) ส่งผลให้ราคารถยนต์สันดาปมือสองลดลง กระทบต่อธุรกิจสินเชื่อเช่าซื้อและจำนำทะเบียนรถยนต์มือสอง บริษัทจึงดำเนินนโยบายคัดกรองสินเชื่อใหม่อย่างเข้มงวด เพื่อลดความเสี่ยงด้านเครดิต ไม่มีข้อมูลการเปิดสาขาใหม่ในบทความนี้
**การเปลี่ยนแปลงของกำไร:** รายได้รวมของ SGF ลดลง 16.9% จาก 570.76 ล้านบาท เป็น 474.21 ล้านบาท โดยรายได้ดอกเบี้ยจากการให้สินเชื่อรายย่อยซึ่งเป็นรายได้หลัก ลดลง 14.4% เนื่องจากการหดตัวของพอร์ตสินเชื่อ ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานลดลง 11.1% แต่บริษัทฯมีการตั้งสำรองผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นเพิ่มขึ้น 29.4% เนื่องจากราคารถยนต์มือสองที่ลดลงและหนี้เสียที่เพิ่มขึ้น ต้นทุนทางการเงินลดลง 5.9% อย่างไรก็ตาม ผลกระทบจากการตั้งสำรองหนี้เสียที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้บริษัทฯ ขาดทุนสุทธิเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
**สินเชื่อและสัดส่วน:** สินเชื่อรวมของบริษัทฯ ลดลง โดยสินเชื่อใหม่ในปี 2567 อยู่ที่ 245.61 ล้านบาท ลดลง 76.1% จากปี 2566 NPL เพิ่มขึ้นเป็น 12.90% สะท้อนถึงคุณภาพสินเชื่อที่ด้อยลงในภาวะเศรษฐกิจที่ไม่เอื้ออำนวย NIM และ Coverage Ratio ไม่ได้ระบุในบทความนี้
**ปัจจัยความเสี่ยงและโอกาสการลงทุน:**
* **ความเสี่ยง:** ความเสี่ยงหลักคือภาวะเศรษฐกิจที่ยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ หนี้ครัวเรือนสูง ราคารถยนต์มือสองที่ลดลง และการแข่งขันที่รุนแรงในตลาดสินเชื่อ
* **โอกาส:** บริษัทฯ มุ่งเน้นการบริหารความเสี่ยงเชิงรุกและการช่วยเหลือลูกหนี้อย่างยั่งยืน เพื่อรักษาสมดุลระหว่างการเติบโตของธุรกิจและการรักษาคุณภาพพอร์ตสินเชื่อ อย่างไรก็ตาม บทความนี้ไม่ได้กล่าวถึงโอกาสการลงทุนไว้อย่างชัดเจน
**สรุปสั้นท้ายสุด:** ผลประกอบการของ SGF ในปี 2567 ได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอกหลายประการ ทั้งภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ราคารถยนต์มือสองที่ลดลง และหนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูง ปัจจัยเหล่านี้ส่งผลให้บริษัทฯ ต้องดำเนินนโยบายการปล่อยสินเชื่อที่เข้มงวดขึ้น ซึ่งส่งผลกระทบต่อการเติบโตของสินเชื่อและรายได้ แม้ว่าบริษัทฯ จะพยายามควบคุมค่าใช้จ่ายและลดต้นทุนทางการเงิน แต่การตั้งสำรองหนี้เสียที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก ส่งผลให้ผลประกอบการขาดทุนสุทธิ NIM ที่ต่ำ (หากมี) จำนวนสินเชื่อที่ลดลง สัดส่วน NPL ที่เพิ่มขึ้น และ Coverage Ratio ที่ยังไม่ชัดเจน ล้วนเป็นปัจจัยที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด อย่างไรก็ตาม การที่บริษัทยังสามารถรักษาสภาพคล่องและบริหารจัดการหนี้สินได้ตามเกณฑ์ที่กำหนด แสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งในระดับหนึ่งในการรับมือกับความท้าทายต่างๆ
(19.25%)
(28.40%)
(13.13%)
(27.90%)
(7.57%)
(0.70%)
(15.34%)
(15.86%)
(0.00%)
(923.47%)
(11.39%)
(665.44%)