SCAP
บริษัท ศรีสวัสดิ์ แคปปิตอล 1969 จำกัด (มหาชน)

Oppday

ไตรมาสที่ 3 ปี 2568

สรุป OPPDAY

SCAP เผยผลประกอบการ Q3/2568 พร้อมเดินหน้าสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน

สวัสดีนักลงทุนทุกท่าน S Capital 1969 หรือ SCAP มี Mission หลักคือ สนับสนุนให้คนไทยมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น โดยมีผลิตภัณฑ์หลัก 2 อย่างคือ สินเชื่อเช่าซื้อมอเตอร์ไซค์ใหม่ และสินเชื่อส่วนบุคคล ธุรกิจทั้งหมดเริ่มต้นหลักๆ ในปี 2565 มี transaction เกิดขึ้น จากเดิม BFit ได้เปลี่ยนชื่อเป็น SCAP แนวธุรกิจเปลี่ยนจาก BFit หลังคืนใบอนุญาตสถาบันการเงิน (Finance License) ให้กับธปท. แล้วเริ่มประกอบกิจการให้เช่าซื้อมอเตอร์ไซค์ใหม่ และสินเชื่อส่วนบุคคล สินเชื่อส่วนบุคคลยังอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของธนาคารแห่งประเทศไทย และเร็วๆ นี้ เช่าซื้อมอเตอร์ไซค์ใหม่ก็กำลังจะถูกกำกับโดยธนาคารแห่งประเทศไทยเช่นกัน บริษัททราบล่วงหน้าแล้ว 3 ปี ตั้งแต่วันที่ สคบ. กำหนด Cap Ceiling Rate ที่ 23% บริษัทได้เตรียมพร้อมและรายงานตัวกับธนาคารแห่งประเทศไทยแล้ว เนื่องจากเป็นหนึ่งในผู้ประกอบการรายใหญ่ที่ทำธุรกิจเช่าซื้อมอเตอร์ไซค์ใหม่

โครงสร้างของกลุ่ม SCAP คือ ศรีสวัสดิ์ Capital เป็น Listed Company และ Holding Company ทำกิจการผ่านลูกๆ 3 บริษัท กิจการหลักคือ S Leasing (เช่าซื้อมอเตอร์ไซค์ใหม่) และสินเชื่อส่วนบุคคลแบบไม่มีหลักประกันที่ศรีสวัสดิ์ Capital 1969

บริษัทมีพนักงานนั่งให้บริการลูกค้าที่ Dealer ต่างๆ ทั่วประเทศ ดูแลลูกค้าที่ต้องการเดินเข้ามาต้องการความสนับสนุนทางการเงินออกไปซื้อสินเชื่อรถมอเตอร์ไซค์ ทำงานร่วมกับ 4,500 Dealer ทั่วประเทศ นอกจากนี้ยังมีระบบ EKYC นำระบบต่างๆ มาใช้เพื่อให้การอนุมัติสินเชื่อมีประสิทธิภาพสูงสุด

Unsecured Loan ของกลุ่มบริษัทอยู่ภายใต้การควบคุมของธนาคารแห่งประเทศไทย Target ของบริษัทคือลูกค้าที่มีรายได้ประจำ 30,000 บาทขึ้นไป เป็นพนักงานประจำ Rate ที่ธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนดคือ 25% Max ต่อปี ระยะเวลา 12-60 เดือน ให้บริการทั่วประเทศ สินเชื่อแบบมีหลักประกันคือเช่าซื้อมอเตอร์ไซค์ใหม่ ให้บริการทั้งพนักงาน, ลูกจ้าง และเจ้าของกิจการ หรืออาชีพอิสระ โดยมีเงื่อนไขตามที่บริษัทกำหนด ให้บริการทั่วประเทศเช่นกัน

ต้นปี 2568 ที่ผ่านมา กลุ่ม SCAP ได้รับจัดอันดับ Fitch Rating A- แสดงถึงความมั่นคงในหลายๆ ด้านของกลุ่ม SCAP และยังได้ 5 ดาวใน CGR Rating แสดงถึงความมั่นคงของกลุ่มบริษัท

ภาพรวมผลกระทบต่อธุรกิจ

  • รายได้รวมของกลุ่มบริษัทเพิ่มขึ้น 2.32% เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 2
  • Other Income เพิ่มขึ้นเกือบ 50% เนื่องจากมีกำไรจากการเปลี่ยนแปลงมูลค่าเงินลงทุน (หุ้นกู้แปลงสภาพเป็นหุ้นสามัญและเข้าเทรดในตลาด) ประมาณ 85 ล้านบาท
  • Interest Income ลดลงเล็กน้อย สอดคล้องกับพอร์ตเช่าซื้อหลักของบริษัทที่หดตัว
  • ECL (ค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญ) ลดลง แสดงให้เห็นว่าบริษัทควบคุมคุณภาพหนี้ได้ดีขึ้น
  • ค่าใช้จ่ายลดลง เนื่องจากบริษัทพยายามจัดระบบการทำงานให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
  • Cost of Fund ของบริษัทลดลง เนื่องจากบริษัทนำเงินสภาพคล่องส่วนเกินไปใช้คืนหนี้

เมื่อเทียบ Year-on-Year (ไตรมาส 3 ปีนี้กับไตรมาส 3 ปีที่แล้ว) แม้ว่ารายได้ดอกเบี้ยจะลดลง 20% แต่ค่าใช้จ่ายก็ลดลงอย่างมีนัยสำคัญถึง 32% รายได้ Other Income ที่เพิ่มขึ้นหลักๆ มาจากกำไรจากการปรับมูลค่าเงินลงทุน Cost of Fund ก็ลดลง อาจเป็นเพราะได้รับการปรับ Upgrade Rating และนำสภาพคล่องส่วนเกินไปใช้หนี้คืน หากเทียบผลงาน 9 เดือน กำไรสุทธิก็ยังเติบโตขึ้นเล็กน้อย Cost of Fund ลดลงค่อนข้างมีสาระสำคัญ และค่าใช้จ่ายในการขายและบริการลดลงอย่างมีสาระสำคัญ ซึ่งเป็นผลมาจากการพยายามทำทุกอย่างให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น

โอกาสทางธุรกิจ

บริษัทมองเห็นโอกาสในการเติบโตจากจำนวนสัญญาเช่าซื้อใหม่ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าพอร์ตจะยังลดลง แต่จำนวนสัญญาที่เพิ่มขึ้นแสดงถึงการเติบโตของกลุ่มบริษัท

ความเสี่ยงที่กำลังเผชิญ

NPL (หนี้เสีย) ดูเหมือนจะเพิ่มขึ้นจาก 4.6% เป็น 5.08% แต่จริงๆ แล้ว Absolute Number เพิ่มขึ้นเพียง 33 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นตัวเลขการเพิ่มขึ้นแบบปกติ บริษัทมั่นใจว่าสามารถควบคุมได้ แต่เนื่องจากพอร์ตของบริษัทหดตัวลง เมื่อเอามาคำนวณเป็น Percentage ทำให้ดูเหมือนเพิ่มเยอะ แต่จริงๆ เพิ่มไม่เยอะ

วิธีการแก้ไขปัญหาผลกระทบ

  • บริษัทเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อ โดยขอให้ลูกค้าวางเงินดาวน์
  • บริษัทพยายามจัดระบบการทำงานให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
  • บริษัทนำเงินสภาพคล่องส่วนเกินไปใช้คืนหนี้
  • บริษัทพยายามหา Product ใหม่ๆ ที่มี High Yield เพื่อเพิ่มรายได้

แนวโน้มและอนาคต

  • บริษัทคาดว่าพอร์ตอาจจะหยุดหดตัวในปีหน้า และจะค่อยๆ Stable ขึ้น
  • บริษัทจะยังคงเข้มงวดนโยบายในการปล่อยสินเชื่อ
  • บริษัทจะพยายามดูแล Portfolio ให้สุขภาพดีที่สุด ตัดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นออก และให้โครงสร้างของบริษัท Lean ที่สุด

Portfolio

  • 10% เป็น Unsecured Loan (สินเชื่อให้กู้ยืมแบบไม่มีหลักประกัน)
  • 90% เป็นสินเชื่อเช่าซื้อมอเตอร์ไซค์ใหม่

Balance Sheet

  • สินทรัพย์ปรับขนาดลดตัวลงเล็กน้อย จาก 35,000 ล้านบาท เหลือ 29,000 ล้านบาท
  • เป็นผลมาจากการที่บริษัทเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อรถมอเตอร์ไซค์ใหม่ และขอให้ลูกค้าวางเงินดาวน์
  • ณ สิ้นไตรมาส 3 บริษัทยังมีเงินสดอยู่ในบัญชีธนาคารประมาณ 1,600 ล้านบาท
  • ROA ปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อย ROE ค่อนข้างคงที่

ช่วงถาม-ตอบ (Q&A Session) [เริ่มใน นาทีที่ 22:02]

  1. Admin Expense ที่ลดลง

    คำถาม: Admin Expense ที่ลดลงประมาณ 32% หลักๆ มาจากตัวใด

    คำตอบ: มาจากค่าคอมมิชชั่น และ Impairment on Repossessed Asset สินทรัพย์รอการขายลดลงอย่างมีสาระสำคัญ ทำให้การตั้งค่าเผื่อ Impairment ลดลงด้วย

  2. ระยะเวลาที่ NPL จะนิ่ง

    คำถาม: บริษัทคาดว่าจะใช้เวลาอีกกี่ไตรมาสในการไหลของลูกหนี้ Stage 2 ไป Stage 3 จะนิ่ง เพราะว่า NPL Year-on-Year +7% สวนทางกับขนาดพอร์ต

    คำตอบ: เป็นนโยบายของผู้บริหารที่เข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อ Ticket Size 1:1 ลดลง 20% คาดว่าช่วงไตรมาส 1-2 ปีหน้า (อีก 1-2 ไตรมาส) สภาพพอร์ตจะกลับมาอยู่ในสภาพปกติ

  3. สินเชื่อ Top-Up เติบโต

    คำถาม: สินเชื่อ Top-Up มีการเติบโตอย่างไรบ้าง

    คำตอบ: เติบโตเรื่อยๆ ประมาณ 10% แต่ช่วงนี้บริษัทเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อมาก

  4. NPL

    คำถาม: NPL อยู่ที่ประมาณกี่เปอร์เซ็นต์

    คำตอบ: ประมาณ 5% ซึ่งเป็น Rate ที่บริษัทรับได้และควบคุมได้

  5. การขายประกันพร้อมมือถือ

    คำถาม: มีการขายประกันพร้อมมือถือไปด้วยไหม

    คำตอบ: ไม่ได้เป็นภาคบังคับ ถ้าลูกค้าอยากซื้อก็มีบริการจำหน่าย

Product ใหม่

ผู้บริหารพยายามหา Product ใหม่ๆ ที่มี High Yield เพื่อเพิ่มรายได้ แต่ไม่ว่าจะ High Yield ยังไง นโยบายของผู้บริหารและคณะกรรมการยังเน้นถึงความระมัดระวังเป็นหลัก

ประมาณการพอร์ต

จากการพูดคุยและแผนการประมาณการ คาดว่าพอร์ตอาจจะหยุดหดตัวแล้ว ประมาณปีหน้า ไตรมาส 4 อาจหดตัวอีกนิดหน่อย แล้วปีหน้าจะค่อยๆ Stable ขึ้น ซึ่งเกิดจากการปรับลด Loan to Value

โดยรวมแล้ว SCAP มีผลประกอบการที่น่าสนใจในไตรมาส 3 ปี 2568 โดยมีการเติบโตในหลายด้าน และบริษัทกำลังดำเนินงานตามแผนที่วางไว้เพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืนในอนาคต