SCAP
บริษัท ศรีสวัสดิ์ แคปปิตอล 1969 จำกัด (มหาชน)

สรุปงบการเงิน

ไตรมาสที่ 3 ปี 2568

สรุปสั้น

ยังไม่มีรายละเอียด อยู่ระหว่างการจัดทำข้อมูล


ผู้เขียน

สรุปด้วย AI(O) BOT

**สรุปผลประกอบการของ หุ้น SCAP บริษัท ศรีสวัสดิ์ แคปปิตอล 1969 จำกัด (มหาชน) ในไตรมาส 3 ปี 2568**

**สรุปสั้น:**
SCAP มีกำไรสุทธิในไตรมาส 3 ปี 2568 ที่ 303.73 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 31.08% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อนหน้า และเพิ่มขึ้น 62.28% จากไตรมาสก่อนหน้า ผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นนี้เป็นผลมาจากการปรับปรุงคุณภาพพอร์ตสินเชื่อและการบริหารค่าใช้จ่ายที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น NPL อยู่ที่ 1,346.18 ล้านบาท และมี NPL Coverage Ratio อยู่ที่ร้อยละ 64.47 (อ้างอิง: หน้า 1, 3)

**เศรษฐกิจ:**
ในช่วงครึ่งปีหลัง 2568 เศรษฐกิจโลกอยู่ในภาวะชะลอตัว แต่เริ่มมีสัญญาณทรงตัวและฟื้นตัวในช่วงปลายปี IMF คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจโลกจะขยายตัวราว 2.8-3.0% แนวโน้มอัตราดอกเบี้ยโลกเริ่มปรับลดลงหลังจาก FED ส่งสัญญาณลดอัตราดอกเบี้ย ซึ่งเป็นผลดีต่อการลงทุนและสภาพคล่องของตลาดการเงิน สำหรับเศรษฐกิจในประเทศยังคงฟื้นตัวแต่ช้ากว่าที่คาดการณ์ไว้ โดย GDP คาดว่าจะขยายตัวราว 2.5-3.0% (อ้างอิง: หน้า 1) กนง. ได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 3 ครั้งในปี 2568 มาอยู่ที่ 1.50% เพื่อลดต้นทุนทางการเงินในภาคประชาชนและตลาดทุน (อ้างอิง: หน้า 1)

**การเปลี่ยนแปลงของกำไร:**
กำไรสุทธิในไตรมาส 3 ปี 2568 เพิ่มขึ้น 31.08% จากปีก่อนหน้า และ 62.28% จากไตรมาสก่อนหน้า รายได้ดอกเบี้ยลดลงเนื่องจากพอร์ตสินเชื่อที่ลดลง แต่รายได้อื่นเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญจากการวัดมูลค่ายุติธรรมของตราสารทุนจดทะเบียน (อ้างอิง: หน้า 1, 2)

**สินเชื่อและสัดส่วน:**
เงินให้สินเชื่อแก่ลูกหนี้และดอกเบี้ยค้างรับลดลง 19.68% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า มาอยู่ที่ 26,516.63 ล้านบาท (อ้างอิง: หน้า 2, 3) สินเชื่อที่มีการด้อยค่าด้านเครดิต (NPL) เพิ่มขึ้นเป็น 1,346.18 ล้านบาท (อ้างอิง: หน้า 3) โดยมี NPL Coverage Ratio อยู่ที่ 64.47% (อ้างอิง: หน้า 3)

**ปัจจัยความเสี่ยงและโอกาสการลงทุน:**
บริษัทยังคงเผชิญกับความเสี่ยงจากสภาวะเศรษฐกิจที่เปราะบางทั้งภายในและภายนอกประเทศ อย่างไรก็ตาม การปรับปรุงกระบวนการทำงานและการเพิ่มความเข้มงวดในการให้สินเชื่อจะช่วยลดความเสี่ยงด้านเครดิตในอนาคต การได้รับการจัดอันดับ Credit Rating ที่ A- “Stable” จาก Fitch Rating (Thailand) เปิดโอกาสให้บริษัทเพิ่มวงเงินสินเชื่อใหม่ ๆ เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการเติบโตในอนาคต (อ้างอิง: หน้า 2, 3)

**สรุปสั้นท้ายสุด:**
ปัจจัยสำคัญที่มีผลกระทบต่อรายได้และกำไรในช่วงรายงาน ได้แก่ การลดลงของพอร์ตสินเชื่อเนื่องจากนโยบายสินเชื่อที่เข้มงวดขึ้น และการเพิ่มขึ้นของรายได้อื่น ๆ จากการวัดมูลค่ายุติธรรมของตราสารทุนจดทะเบียน บริษัทมีการจัดการความเสี่ยงโดยการปรับปรุงคุณภาพสินเชื่อและการบริหารค่าใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพ แม้ว่า NPL จะเพิ่มขึ้น แต่ Coverage Ratio ยังอยู่ในระดับที่เหมาะสม การที่บริษัทได้รับการจัดอันดับ Credit Rating ที่ดีขึ้นช่วยลดต้นทุนทางการเงินและเพิ่มโอกาสในการเติบโตในอนาคต (อ้างอิง: หน้า 2, 3)


รายได้รวม
1,653.63 ล้านบาท
37.49ล้านบาท
(2.32%)
ไตรมาสก่อนหน้า
245.86ล้านบาท
(12.94%)
ช่วงเดียวกันของปีก่อน
ยังไม่มีรายละเอียด อยู่ระหว่างการจัดทำข้อมูล
กำไรขั้นต้น
1,352.43 ล้านบาท
60.24ล้านบาท
(4.26%)
ไตรมาสก่อนหน้า
343.65ล้านบาท
(20.26%)
ช่วงเดียวกันของปีก่อน
ยังไม่มีรายละเอียด อยู่ระหว่างการจัดทำข้อมูล
อัตรากำไรขั้นต้น(%)
81.79 ล้านบาท
5.62ล้านบาท
(6.43%)
ไตรมาสก่อนหน้า
7.50ล้านบาท
(8.40%)
ช่วงเดียวกันของปีก่อน
ยังไม่มีรายละเอียด อยู่ระหว่างการจัดทำข้อมูล
ค่าใช้จ่ายรวม
426.12 ล้านบาท
3.89ล้านบาท
(0.90%)
ไตรมาสก่อนหน้า
203.40ล้านบาท
(32.31%)
ช่วงเดียวกันของปีก่อน
ยังไม่มีรายละเอียด อยู่ระหว่างการจัดทำข้อมูล
อัตราค่าใช้จ่าย(%)
25.77 %
ยังไม่มีรายละเอียด อยู่ระหว่างการจัดทำข้อมูล
กำไรสุทธิ
299.43 ล้านบาท
107.57ล้านบาท
(56.07%)
ไตรมาสก่อนหน้า
79.61ล้านบาท
(36.22%)
ช่วงเดียวกันของปีก่อน
ยังไม่มีรายละเอียด อยู่ระหว่างการจัดทำข้อมูล
อัตรากำไรสุทธิ(%)
18.11 %
ยังไม่มีรายละเอียด อยู่ระหว่างการจัดทำข้อมูล
D/E
1.63 เท่า
ยังไม่มีรายละเอียด อยู่ระหว่างการจัดทำข้อมูล
กระแสเงินสด
1,640.50 ล้านบาท
253.98ล้านบาท
(18.32%)
ไตรมาสก่อนหน้า
70.04ล้านบาท
(4.09%)
ช่วงเดียวกันของปีก่อน
ยังไม่มีรายละเอียด อยู่ระหว่างการจัดทำข้อมูล