สรุป OPPDAY หุ้น SAV

บริษัท สามารถ เอวิเอชั่น โซลูชั่นส์ จำกัด (มหาชน)
สรุปงบการเงิน
ไตรมาสที่ 4 ปี 2567
สรุป OPPDAY
SAV สรุปผลประกอบการปี 67 โตต่อเนื่อง มองอนาคตสดใส ขยายฐานธุรกิจสู่ลาว
1. ภาพรวมผลกระทบต่อธุรกิจ (Business Impact Overview):SAV หรือ สามารถ Aviation Solution เป็นหนึ่งในบริษัทของสามารถกรุ๊ป โดยมีสัดส่วนการถือหุ้น 74.22% ผ่านการถือหุ้นของ สามารถ U-Tran (60%) และสามารถ Inter Holding (14.06%) รวมถึงสามารถแม่ (0.16%)
บริษัทถือหุ้น 100% ใน CATS (Cambodia Air Traffic Service) ซึ่งเป็นบริษัทที่ operate การจัดการจราจรทางอากาศในกัมพูชา โดยมี exclusive right ในการจัดการน่านฟ้ากัมพูชาทั้งหมด
สัญญา Concession ของ CATS เหลืออีก 26 ปี (ถึงปี 2051) รายได้หลักมาจากการเก็บค่าบริการจากสายการบินและแบ่งให้กับรัฐบาลกัมพูชา โดยมีการแบ่งสัดส่วนรายได้แตกต่างกันตามประเภทเที่ยวบิน (Take-off/Landing และ Overflight)
สัดส่วนการแบ่งรายได้: Take-off/Landing แบ่งให้รัฐบาล 50%, Overflight แบ่งให้รัฐบาล 30% จนถึง 27 ล้านเหรียญแรก หลังจากนั้นจะปรับเป็น 60:40 (บริษัท:รัฐบาล)
อัตราค่าบริการ (Tariff Rate) แตกต่างกันตามประเภทเครื่องบิน (เช่น Boeing 747, 777) โดยมีอัตรา Take-off/Landing ที่ 850 ดอลลาร์ และ Overflight ที่ 515 ดอลลาร์
บริษัทได้ต่อสัญญาสัมปทานมาอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดได้ต่อสัญญาอีก 10 ปีในเดือนสิงหาคม 2022 ทำให้สัญญาสัมปทานรวมทั้งหมด 49 ปี สิ้นสุดในปี 2051
SAV เริ่มเข้าเทรดในตลาดหลักทรัพย์ฯ (SET) วันแรกในช่วงเดือนกันยายน 2023 (26 กันยายน)
พื้นที่ที่ SAV ดูแลครอบคลุม 19 International Route และ 21 Domestic Route รวมถึง 3 International Airports และ 3 Domestic Airports (มีแผนเพิ่ม International Airport ในปีนี้)
2. โอกาสทางธุรกิจ (Business Opportunities):การเติบโตของนักท่องเที่ยวจีนที่กลับเข้ามาในกัมพูชามากขึ้น (ปีที่แล้วเติบโต 55%) ทำให้มีแนวโน้มการเติบโตที่ดีในอนาคต แม้จะยังไม่เท่าช่วงก่อนโควิด (1.5-1.8 ล้านคน) แต่ก็มีแนวโน้มที่ดี
การเปิดสนามบินใหม่ (Techo International Airport) ในช่วงเดือนกรกฎาคม 2025 ซึ่งมี capacity รองรับผู้โดยสารได้มากขึ้น (เฟสแรก 13 ล้านคน, เฟส 2 30 ล้านคน, เฟส 3 50 ล้านคน) และสามารถรองรับเครื่องบินขนาดใหญ่ (A380, Boeing 777)
รัฐบาลกัมพูชามุ่งเน้นการส่งเสริมการท่องเที่ยว (Tourism) โดยมีการพูดคุยกับหลายภาคส่วน (เช่น ฟิลิปปินส์) เพื่อส่งเสริม Direct Flight และพูดคุยกับ Middle East (เช่น Qatar, Emirates) เพื่อเพิ่มเที่ยวบิน
การที่ ANA (All Nippon Airways) จะกลับมาเปิด Route บิน Direct จากญี่ปุ่นมายังพนมเปญในช่วงไตรมาส 2
จำนวนนักท่องเที่ยวที่มายังเสียมเรียบ (อังกอร์วัด) เพิ่มขึ้น 26% ในเดือนมกราคมที่ผ่านมา
3. ความเสี่ยงที่กำลังเผชิญ (Risks and Challenges):ปัจจัยที่อาจส่งผลกระทบต่อ Flight Schedule ได้แก่ โรคระบาด, สงครามโลก, และภาวะเศรษฐกิจที่ไม่ดี ซึ่งอาจทำให้นักท่องเที่ยวลดน้อยลง
ความเสี่ยงจากการถูกยกเลิกสัญญาสัมปทาน (แต่บริษัทมีความสัมพันธ์ที่ดีกับรัฐบาลและ operate มานาน)
ความเสี่ยงในการจัดการบริหารการบินที่ผิดพลาด (เช่น เครื่องบินเฉี่ยวชน) แต่บริษัทมีประกันความเสี่ยงที่ครอบคลุม
4. วิธีการแก้ไขปัญหาผลกระทบ (Problem-Solving and Mitigation):บริษัทมีการทำประกันความเสี่ยง (Insurance) ครอบคลุมความเสี่ยงทั้งหมด โดยมีมูลค่าประมาณ 12 ล้านเหรียญ
บริษัทมีทีมงานบริหารที่มีประสบการณ์จากวิทยุการบินฝั่งไทย รวมถึงบุคลากรในระดับปฏิบัติการที่เป็นชาวกัมพูชา
บริษัทได้จับมือร่วมกับ Dan Thai Equipment ในการทำ FOD (Foreign Object Debris) Project เพื่อยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยของสนามบินสุวรรณภูมิ
5. แนวโน้มและอนาคต (Outlook and Future Trends):บริษัทคาดการณ์ว่า SAV น่าจะเติบโตขึ้นอีกในปีนี้ และมีรายได้ประมาณ 1,900 ล้านบาท โดยเฉพาะในส่วนของวิทยุการบินที่กัมพูชา
บริษัทคาดว่าจะมีการเติบโตของกำไรในหลัก Double Digit และมี Flight Movement เติบโตอีกประมาณ 5,000 Flight
บริษัทมีแผนที่จะขายอุปกรณ์ให้กับวิทยุการบินไทย รวมถึง FOD Project ที่สนามบินสุวรรณภูมิ (มูลค่า 1,280 ล้านบาท)
บริษัทมีแผนขยายธุรกิจไปยังประเทศลาว โดยได้เปิดบริษัท LSAV และพูดคุยเรื่อง MOU แล้ว (รอการอัพเดทจากรัฐบาลลาว)
6. ช่วงถาม-ตอบ (Q&A Session): [เริ่ม Q&A นาทีที่ 39.08]
- ประมาณการรายได้และกำไรปี 68 และปัจจัยที่ต้องระมัดระวัง
ปัจจัยที่ต้องระมัดระวังคือ โรคระบาด, สงครามโลก และภาวะเศรษฐกิจที่ไม่ดี ซึ่งอาจกระทบต่อจำนวนเที่ยวบิน
- คู่แข่งของ SAV ในกัมพูชาและการเติบโตของบริษัท
SAV ดำเนินธุรกิจในรูปแบบสัมปทานและไม่มีคู่แข่ง เป็นการ joint venture กับรัฐบาลกัมพูชา โดยการเติบโตมาจาก 3 ส่วนหลัก: การเติบโตตามธรรมชาติ (Organic Growth) ในกัมพูชา, โครงการพิเศษ (Special Projects) ในประเทศไทย (เช่น FOD), และการขยายธุรกิจ (Expansion) ไปยังประเทศลาว
- ความเสี่ยงของบริษัทและแนวทางป้องกัน
ความเสี่ยงคือการถูกยกเลิกสัญญาสัมปทาน แต่บริษัทมีความสัมพันธ์ที่ดีกับรัฐบาลและต่อสัญญาสัมปทานมาเรื่อยๆ รวมถึงการบริหารจัดการที่ CATS กัมพูชา โดยมีทีมงานไทยและกัมพูชา
- สัดส่วนพนักงานไทยและกัมพูชาที่ CATS และความสามารถทางธุรกิจที่ทำให้รัฐบาลกัมพูชาไม่ทำเอง
ระดับบริหารเป็นคนไทย ส่วนระดับปฏิบัติการเป็นคนกัมพูชา (ratio ประมาณ 98%) กรณีจัดการบริหารการบินผิดพลาด บริษัทมีประกันความเสี่ยง
- โอกาสที่สำนักงานการบินพลเรือนของกัมพูชาจะปรับเพิ่มส่วนแบ่งรายได้ (Revenue Sharing)
มีความเป็นไปได้ แต่โดยทั่วไปจะเกิดขึ้นเมื่อมีการขอต่อสัญญาและมีการลงทุนเพิ่มเติม ซึ่งรัฐบาลอาจขอปรับ Revenue Sharing ในส่วนของ Overflight
- การทำ MOU กับลาวต้องมีคู่เทียบหรือไม่
ตั้งแต่ทำ Work กับ Partner และรัฐบาลลาวมา ไม่ได้มีคู่แข่ง โดยบริษัทเข้าไปนำเสนอด้วยประสบการณ์, ทีมงาน และสิ่งที่ต้องการปรับปรุงให้ดีขึ้น รวมถึงผลประโยชน์ที่รัฐบาลลาวจะได้รับ
SAV สรุปผลประกอบการปี 2567 มีกำไร 464 ล้านบาท มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยปัจจัยหลักมาจากจำนวนเที่ยวบินที่เพิ่มขึ้นและแผนการขยายธุรกิจทั้งในและต่างประเทศ ถึงแม้จะมีความเสี่ยงที่ต้องเฝ้าระวัง แต่บริษัทก็มีแผนรองรับและพร้อมที่จะเติบโตอย่างยั่งยืนต่อไป