สรุปงบล่าสุด SALEE

บริษัท สาลี่อุตสาหกรรม จำกัด (มหาชน)
สรุปงบการเงิน
ไตรมาสที่ 4 ปี 2567
สรุปสั้น
ยังไม่มีรายละเอียด อยู่ระหว่างการจัดทำข้อมูล
สรุปด้วย AI(O) BOT
## บทวิเคราะห์ผลประกอบการ บริษัท สาลี่อุตสาหกรรม จำกัด (มหาชน) (SALEE) ประจำปี 2567
บทความนี้สรุปและวิเคราะห์ผลประกอบการของ บริษัท สาลี่อุตสาหกรรม จำกัด (มหาชน) (SALEE) ประจำปี 2567 โดยอ้างอิงจากข้อมูลที่เผยแพร่เมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2568
**1. สรุปรายได้รวมและกำไรสุทธิ:**
* **รายได้รวม:** ปี 2567 บริษัทมีรายได้รวม 1,284 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อน (1,303 ล้านบาท) คิดเป็นร้อยละ 1 โดยมีสาเหตุหลักมาจากยอดขายที่ลดลงในกลุ่มธุรกิจรับจ้างผลิตชิ้นส่วนพลาสติก ซึ่งได้รับผลกระทบจากภาวะชะลอตัวของอุตสาหกรรมชิ้นส่วนยานยนต์และอิเล็กทรอนิกส์
* **กำไรสุทธิ:** กำไรสุทธิรวมของปี 2567 อยู่ที่ 6.58 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 60 เมื่อเทียบกับปีก่อน (16.65 ล้านบาท) สาเหตุหลักมาจากการลดลงของรายได้รวม
**2. สถานการณ์เศรษฐกิจ:**
จากข้อมูลที่ให้มา ไม่มีรายละเอียดเกี่ยวกับสถานการณ์เศรษฐกิจในช่วงปี 2567 ที่ส่งผลกระทบต่อบริษัทโดยตรง อย่างไรก็ตาม บริษัทได้ระบุถึงผลกระทบจากภาวะชะลอตัวของอุตสาหกรรมชิ้นส่วนยานยนต์และอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งเป็นปัจจัยภายนอกที่ส่งผลต่อรายได้
**3. การเปลี่ยนแปลงในรายได้และกำไร:**
* **กำไรขั้นต้น:** ปี 2567 บริษัทมีกำไรขั้นต้น 252 ล้านบาท ลดลงเล็กน้อยจากปีก่อน (ประมาณ 6 ล้านบาท) ซึ่งเป็นผลมาจากการลดลงของยอดขาย
* **อัตราส่วนต้นทุนขายต่อยอดขาย:** ปี 2567 อยู่ที่ร้อยละ 80 ซึ่งใกล้เคียงกับปีก่อน
* **ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร:** เพิ่มขึ้นจาก 243 ล้านบาท เป็น 265 ล้านบาท คิดเป็นอัตราเพิ่มขึ้นร้อยละ 9 โดยมีอัตราส่วนค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารต่อยอดขายเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 19 เป็นร้อยละ 21 เนื่องจากสัดส่วนค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารของธุรกิจที่มีการเติบโตมีอัตราที่สูงกว่า
* **ต้นทุนทางการเงิน:** ดอกเบี้ยจ่ายลดลงจาก 2.97 ล้านบาท เป็น 2.25 ล้านบาท เนื่องจากเงินกู้ยืมจากธนาคารลดลงจากการทยอยคืนเงินกู้ดังกล่าว โดยอัตราดอกเบี้ยสำหรับเงินกู้ยืมจากธนาคารทั้งระยะสั้นและระยะยาวอยู่ที่ประมาณ 3.5 - 5.5% ต่อปี
* **ภาษีเงินได้นิติบุคคล:** ในปี 2567 กลุ่มบริษัทมีภาษีเงินได้นิติบุคคลเป็นบวกจำนวน 25.46 ล้านบาท เนื่องจากการตั้งกลับรายการจากการใช้ประโยชน์ทางภาษีจากขาดทุนที่เกิดขึ้นในอดีต
**4. สินทรัพย์และหนี้สิน:**
* **สินทรัพย์รวม:** ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2567 สินทรัพย์รวมของบริษัทอยู่ที่ 1,710 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 4 เมื่อเทียบกับปีก่อน
* **เงินฝากประจำธนาคาร:** ลดลงจาก 251 ล้านบาท เป็น 214 ล้านบาท
* **ลูกหนี้การค้าและลูกหนี้อื่น:** ลดลงเล็กน้อยจาก 322 ล้านบาท เป็น 315 ล้านบาท คิดเป็นอัตราส่วนลูกหนี้การค้าต่อสินทรัพย์รวมเท่ากับร้อยละ 18.44
* **สินค้าคงเหลือ:** ลดลงจาก 171 ล้านบาท เป็น 140 ล้านบาท คิดเป็นอัตราส่วนสินค้าคงเหลือต่อสินทรัพย์รวมเท่ากับร้อยละ 8.22
* **ที่ดิน อาคาร และอุปกรณ์ และสินทรัพย์ไม่มีตัวตน:** ลดลงจาก 760 ล้านบาท เป็น 702 ล้านบาท คิดเป็นอัตราส่วนต่อสินทรัพย์รวมเท่ากับร้อยละ 41.04
* **หนี้สินรวม:** ลดลงจาก 231 ล้านบาท เป็น 199 ล้านบาท โดยมีอัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (D/E Ratio) ลดลงจาก 0.15 เท่า เป็น 0.131 เท่า
* **ส่วนของผู้ถือหุ้น:** ลดลงจาก 1,553 ล้านบาท เป็น 1,511 ล้านบาท เนื่องจากการจ่ายเงินปันผลประจำปี
**5. การเปลี่ยนแปลงในกระแสเงินสด:**
* บริษัทมีกระแสเงินสด ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2567 จำนวน 96 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนประมาณ 33 ล้านบาท
* บริษัทมีกระแสเงินสดสุทธิได้มาจากกิจกรรมดำเนินงานประมาณ 143 ล้านบาท
* ใช้เงินสดสุทธิสำหรับกิจกรรมลงทุนประมาณ 17 ล้านบาท (ส่วนใหญ่เป็นการซื้อเครื่องจักรใหม่)
* ใช้เงินสดสุทธิสำหรับกิจกรรมจัดหาเงินประมาณ 95 ล้านบาท (ส่วนใหญ่เป็นการจ่ายเงินปันผลและการจ่ายคืนเงินกู้ยืมจากธนาคาร)
**6. ปัจจัยความเสี่ยงและโอกาสในการลงทุน:**
จากข้อมูลที่ให้มา ไม่มีการระบุถึงปัจจัยความเสี่ยงและโอกาสในการลงทุนอย่างชัดเจน อย่างไรก็ตาม บริษัทได้กล่าวถึงภาวะชะลอตัวของอุตสาหกรรมชิ้นส่วนยานยนต์และอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งอาจเป็นปัจจัยเสี่ยงที่ต้องพิจารณา
**7. สรุป:**
SALEE มีรายได้และกำไรลดลงในปี 2567 เนื่องจากภาวะชะลอตัวของอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง แม้ว่าบริษัทจะสามารถลดต้นทุนทางการเงินและภาษีเงินได้นิติบุคคลได้ แต่ก็ไม่สามารถชดเชยรายได้ที่ลดลงได้ ฐานะทางการเงินของบริษัทยังคงแข็งแกร่ง โดยมีอัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้นต่ำ และมีกระแสเงินสดเพียงพอในการชำระหนี้และปฏิบัติตามเงื่อนไขในการกู้ยืม
**หมายเหตุ:** บทวิเคราะห์นี้อ้างอิงจากข้อมูลที่ให้มาเท่านั้น การตัดสินใจลงทุนควรพิจารณาข้อมูลและปัจจัยอื่นๆ ประกอบด้วย
(4.48%)
(0.62%)
(43.71%)
(27.92%)
(41.08%)
(27.48%)
(0.87%)
(16.93%)
(190.89%)
(24.58%)
(30.07%)
(120.69%)