สรุป OPPDAY หุ้น SABINA
Oppday
สรุป OPPDAY
SABINA ฝ่าวิกฤตเศรษฐกิจชะลอตัว โฟกัส OEM และรักษาสภาพคล่องแข็งแกร่ง
สวัสดีครับ พบกับ SABINA ในรอบปิดไตรมาส 3 ของปี 2568
ถึงแม้ว่ายอดขายจะไม่เติบโตและผลกำไรอาจจะลดลง แต่เรายังคงรักษางบการเงินให้แข็งแรงและดีขึ้นกว่าที่ผ่านมา
1. ภาพรวมผลกระทบต่อธุรกิจ (Business Impact Overview)
รายได้รวมของบริษัทในงวด 9 เดือนของปี 2568 อยู่ที่ 2,498 ล้านบาท ลดลง 7.2% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว
ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารอยู่ที่ 894 ล้านบาท คิดเป็น 35.8% ของรายได้
Gross Profit Margin อยู่ที่ 50.6% และ EBIT Margin อยู่ที่ 15%
กำไรสุทธิอยู่ที่ 300 ล้านบาท ลดลง 14.5% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว คิดเป็น 12% ของรายได้
การบริหารจัดการ Inventory เป็นไปอย่างดี ทำให้ Inventory ลดลงประมาณ 200 ล้านบาท
2. โอกาสทางธุรกิจ (Business Opportunities)
OEM เติบโตได้ดีในไตรมาสนี้และคาดว่าจะเติบโตต่อเนื่องในไตรมาสหน้าและปีหน้า
ได้รับอานิสงส์จากนโยบายของสหรัฐฯ ที่ทำให้จีนต้องการออเดอร์มากขึ้น ทำให้ SABINA มีอำนาจในการต่อรองมากขึ้น
ชื่อเสียงของบริษัทในด้าน ESG ทำให้ลูกค้าที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อมหันมาให้ความสนใจมากขึ้น
เทรนด์การย้ายฐานการผลิตออกจากจีน ทำให้ SABINA ได้รับออเดอร์มากขึ้น
3. ความเสี่ยงที่กำลังเผชิญ (Risks and Challenges)
การบริหารจัดการงบการตลาดให้มีประสิทธิภาพ เนื่องจาก Target Group และช่องทางที่หลากหลายมากขึ้น
Tariff ที่มีความผันผวน แต่อานิสงส์จาก Tariff เป็นไปในทิศทางที่ดีกับ SABINA
ยอดขายในประเทศ (Domestic) ลดลงเนื่องจากเศรษฐกิจฝืดเคืองและหนี้สินครัวเรือนที่สูงขึ้น
4. วิธีการแก้ไขปัญหาผลกระทบ (Problem-Solving and Mitigation)
ดูแล Inventory ให้ดีเพื่อรักษาสภาพคล่องและลดภาระการกู้ยืมระยะสั้น
เน้นการผลิต OEM ที่มี Margin สูงขึ้น
ควบคุมส่วนลดและดูแลเรื่องของส่วนลด
5. แนวโน้มและอนาคต (Outlook and Future Trends)
คาดว่า Gross Margin จะยังคงอยู่ที่ระดับ 50%
บริษัทจะพยายามดูแลค่าใช้จ่าย SG&A ให้ต่ำลง
พยายามหลีกเลี่ยงความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน โดยซื้อขายเป็นสกุลเงินท้องถิ่น
มุ่งเน้นการผลิต OEM ที่เป็น Sustainable มากขึ้น
6. ช่วงถาม-ตอบ (Q&A Session) [เริ่ม Q&A นาทีที่ 44:23]
Q: ไตรมาส 3 ถือเป็นจุดต่ำสุด (Bottom) แล้วหรือยัง?
A: ไตรมาส 4 น่าจะสูงกว่าไตรมาส 3 เพราะเป็น Trend ของการขาย แต่ถ้าไม่มีอะไร Surprise Q4 น่าจะปิดได้เยอะกว่า Q3 ตาม Forecast ของเรา
Q: แนวโน้มธุรกิจปีหน้าเป็นอย่างไร? จะกลับมาโตทางด้านยอดขายได้หรือไม่?
A: เราวางแผน Target ปีหน้าไปแล้ว ยังคาดหวังการเติบโต แต่ตัวเลขอาจจะไม่หวือหวามากนัก เชื่อว่ายังเติบโตได้ ช่องทางและรูปแบบบางเรื่องเปลี่ยนไป จะแจ้งแผนปีหน้าให้ทราบต้นปีหน้า เชื่อว่าน่าจะต้องเติบโต
Q: ขยายความสถานการณ์ในฟิลิปปินส์ ปีหน้าจะมีการขับเคลื่อนอย่างไร?
A: ปรับโครงสร้างการทำงานและสินค้าแล้ว ปีนี้เป็นจังหวะที่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ เพราะเจอภัยธรรมชาติเยอะ แต่จุดขายของเราไม่ได้เสียหายมากนัก ภัยธรรมชาติ Impact คนในพื้นที่ ทำให้ Spending ไปใช้เรื่องพื้นฐานและการซ่อมแซม ตอนนี้เดือน 11 เริ่มเห็น Signs ที่ดีขึ้น แต่ภาพอาจจะช้ากว่าปีที่แล้ว เพราะปีที่แล้ว Offline พีคตั้งแต่ต้นเดือน 11 ปีนี้มรสุมดันเข้ามะนิลาซึ่งเป็นจุดใหญ่ของเราด้วย สินค้า Festive พร้อมมาก เหลือแค่ถ้าทุกอย่างไม่ติดขัดก็จะ Festive ได้เหมือนปีที่แล้ว Trend พีคของฟิลิปปินส์คือเดือน 11-12 เชื่อว่าจะเก็บ Q4 นี้กลับมาได้
Q: คนละครึ่งพลัส มีผลดีกับเราหรือไม่?
A: โดยตรงคิดว่าไม่ได้ส่งเสริม เพราะเน้นรายย่อยและการจับจ่ายในแต่ละวัน แต่สิ่งที่ SABINA เกาะกระแสคือมันทำให้บางพื้นที่ Traffice ดีขึ้น เราได้ทางอ้อมในการปรับตัวให้เข้าอยู่บริเวณเหล่านั้น แค่นั้นเอง เป็นผลกระทบเชิงบวกทางอ้อม ไม่ได้ส่งเสริมยอดขายโดยตรง
Q: รายได้ OEM ปีหน้าจะเป็นอย่างไร?
A: คิดว่าดีขึ้น แต่จะดีขึ้นเทียบกับปีนี้มากน้อยเท่าไหร่ต้องรออีกที ปีนี้เราได้ Project บางอย่างซึ่งอาจจะไม่ใช่ Project ประจำ สิ่งที่ต้องทำคือ Drive OEM โดยเอา Sustrain เป็นตัว Lead หลัก ลูกค้าที่ทำพวกนี้มันยาก ถ้าทำได้แล้วคงไม่อยากย้ายไปเปลี่ยนที่อื่น อาจจะต้องใช้พลังงานเยอะหน่อย แต่เชื่อว่าไม่น่าจะน้อยหน้ากว่าปีนี้
Q: ยอดขายในช่องทาง TikTok เติบโตหรือไม่ และบอกได้ไหมว่ายอดขายต่อเดือนประมาณเท่าไหร่?
A: ตัวเลขอาจจะหาได้ไม่ยาก ลองไป Search หาดูนะคะ ว่ายอดขายต่อเดือนประมาณเท่าไหร่ แต่เติบโตมั้ย เติบโตเยอะมากค่ะ แต่การเติบโตเยอะ ไม่ได้แปลว่ากำไรเยอะนะคะ เพราะว่าภาพของแต่ละช่องทาง มันแล้วแต่ว่าเครื่องมือที่ใช้อยู่ในช่องทางนั้นๆ และ Main หลักในภาพของการทำน่ะ คืออะไร เพราะเราปฏิเสธไม่ได้อีกนะคะ ว่าปัจจุบันเนี่ยการสื่อสารหลักเนาะ ที่เราจะสื่อสารไปยังลูกค้าบางกลุ่มอ่ะ มันเป็นการสื่อสารผ่านช่องทาง TikTok จริงๆ นะคะ เพราะฉะนั้นภาพของช่องทางเนี้ย มันก็เลยจะดูภาพของ Spending ค่อนข้างเยอะนะคะ เพราะว่ารูปแบบของการสื่อสารมันก็เปลี่ยนไปในยุคปัจจุบันนะคะ แต่ก็เราก็ยังเชื่อว่ายังเป็นช่องทางที่สำคัญนะคะ แล้วก็เราก็ยังให้ความสำคัญช่องทางนี้อยู่ค่อนข้างเยอะค่ะ
Q: ที่ผ่านมามีที่ปิดด่านเขมร ทางด้านกัมพูชาน่ะ มีผลกระทบกับยอดขายเราในไตรมาส 3 หรือไม่? ในนี้เขาถามว่าประมาณเท่าไหร่ด้วยนะ?
A: ถ้าๆมองเป็น As a Total แบบ เอ่อภาพของเกิดกระทบกับช่องทางขาย ถ้าเป็น Offline จริงๆถามว่ากระทบมั้ย กระทบ แต่ว่าจุดที่กระทบไม่ได้เยอะมาก นะคะ แล้วพอเรามาเทียบกับทั้งๆหมดเลยอ่ะ สัดส่วนมันเลยไม่ได้ไม่ๆไม่ได้ดูมีนัยยะสำคัญอ่ะนะคะ แต่ว่าบางจุดขายมีพื้นมีๆเอ่อมีผลจริงจังใน 2-3 จังหวัดนั้นนะคะ ในปัจจุบันจริงๆตรงอีสาน Pickup แล้วนะคะ ตรงอีสานเริ่มดีขึ้นหมดแล้วจะเหลือแค่ตรงชายแดนสระแก้วนะ กลุ่มตรงชายชายแดนสระแก้วพวกนี้แหละที่ยังไม่สงบนะคะ แล้วก็ภาพของการขายเนี่ย เอ่อในจุดขายก็หายไปกว่าเอ่อต่อจุดขายก็หายไปเป็นครึ่งนะคะ แต่ว่ากระทบจุดขายไม่ได้เยอะนะคะ ก็คือถ้าๆมองเป็น Area เลยกระทบเยอะค่ะ แต่ว่าถ้ามอง As a Total ไม่ๆไม่ได้กระทบเยอะค่ะ
Q: วางแผนการใช้ค่าการตลาดในไตรมาส 4 และปีหน้าอย่างไร?
A: ใน Q4 จริงๆเราๆวางแผนจบไปหมดแล้วเนาะใน Q4 อ่ะ เอ่อปีนี้ทั้งปีจะเห็นได้ว่าเราไม่ได้เราไม่ได้ Spending แบบเป็นก้อนใหญ่ๆเยอะเท่าไหร่อ่ะนะคะ แต่ว่าเราเลือกที่จะ Promote หรือว่าลงสู่ช่องทางที่ค่อนข้างที่จะ Direct to Customer เลยนะคะ ก็คือสื่อสารตรงไปถึงแต่ละลูกค้านะคะ เพราะว่าเรารู้ว่าภาพของสภาวะเศรษฐกิจแบบนี้เนี่ย Spending ที่ใช้หลักๆเนี่ย มันเป็นเรื่องของ Promotion ไปค่อนข้างเยอะแล้วนะคะ เราก็เลยต้องการ Balancing นะคะ เพราะว่าถ้าภาพที่คุณชัยเอ่ออธิบายให้ฟังช่วงแรกเนาะ ว่า SG&A เราจริงๆแล้ว ถ้าเทียบกับปีที่แล้วจริงๆไม่ได้แตกต่างเยอะนะคะ แต่ว่าภาพสัดส่วนที่เพิ่มขึ้นเยอะเลย มันเป็นเพราะว่ายอดขายมันย่อตัวลงนะคะ ซึ่งภาพของเราเราก็เลยต้อง Balancing เหมือนกันในเรื่องของการขายนะคะ แต่ในปีหน้านะคะ เราก็มีแผนที่จะใช้วางไว้อ่ะนะคะ แต่ว่าเราก็อาจจะไม่ได้หวือหวามากนะคะ ซึ่งงบจริงๆในส่วนของการใช้งบของการตลาดเนี่ย ก็น่าจะสูสีนะคะ หรืออาจจะเยอะกว่าปีนี้นิดหน่อยนะคะ ก็ไม่ๆไม่ๆไม่ได้เอ่อมีๆภาพของการที่วางแพลนจะทำตัวอะไรที่ใหญ่จนเกินไปอ่ะค่ะ เพราะว่าเราอยากรู้ถึงความแน่แล้วก็ความนิ่งของของภาพของเศรษฐกิจโดยรวมก่อนนะคะ
โดยสรุป SABINA ยังคงเผชิญกับความท้าทายจากเศรษฐกิจที่ชะลอตัว แต่บริษัทได้ปรับกลยุทธ์โดยมุ่งเน้นไปที่ OEM และการรักษาสภาพคล่องที่แข็งแกร่ง นอกจากนี้ SABINA ยังให้ความสำคัญกับการสร้างแบรนด์ที่ยั่งยืนและปรับตัวให้เข้ากับพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป