S
บริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน)

สรุปงบการเงิน
ไตรมาสที่ 2 ปี 2567

สรุปสั้น

ยังไม่มีรายละเอียด อยู่ระหว่างการจัดทำข้อมูล


ผู้เขียน

สรุปด้วย AI(O) BOT

บริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) หรือ SINGHA ESTATE มีผลประกอบการไตรมาส 2 ปี 2567 เติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยมีรายได้จากการขายและบริการรวม 7,798 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้น 14% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า และกำไรสุทธิอยู่ที่ 24 ล้านบาท พลิกฟื้นจากขาดทุน 76 ล้านบาท ในช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า โดยรายได้หลักมาจากธุรกิจที่พักอาศัย ธุรกิจโรงแรม และธุรกิจนิคมอุตสาหกรรม โดยเฉพาะธุรกิจที่พักอาศัย มีการเติบโตของรายได้อย่างมาก ส่วนธุรกิจโรงแรม แม้ว่าจำนวนห้องพักที่ขายได้จะลดลง 3% จากปีก่อนหน้า แต่ผลประกอบการภาพรวมสามารถรักษาได้ในระดับใกล้เคียงกับปีก่อนหน้า

บริษัทฯ มีแผนที่จะรับรู้รายได้จากการโอนกรรมสิทธิ์ประมาณ 45% ของยอดขายรอรับรู้รายได้ (Backlog) ในช่วงครึ่งหลังของปี ซึ่งโดยหลักมาจากโครงการตันติบุรี เดอะ เรสซิเดนเซส และโครงการโท6 วต0 พญาไทรรางน้้า และยังมีแผนเปิดตัวโครงการใหม่เพิ่มเติมอีก 4 แห่ง ซึ่งมีกำหนดเริ่มในไตรมาสที่ 4 ปี 2567 เพื่อรองรับสัญญาณบวกของดีมานด์ในเซกเมนต์ที่แข็งแกร่ง บนทำเลที่มีศักยภาพและการเติบโตที่ดี

SINGHA ESTATE มีลักษณะธุรกิจเป็นการพัฒนาและลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ ประกอบด้วย 3 ธุรกิจหลัก ได้แก่ ธุรกิจที่พักอาศัย ธุรกิจโรงแรม และธุรกิจนิคมอุตสาหกรรม ผลประกอบการไตรมาสล่าสุด แสดงให้เห็นถึงความสามารถในการสร้างรายได้ที่เติบโตอย่างต่อเนื่องจากทั้งสามธุรกิจ โดยเฉพาะธุรกิจที่พักอาศัยมีการเติบโตของรายได้อย่างมาก ส่วนธุรกิจโรงแรม แม้ว่าจำนวนห้องพักที่ขายได้จะลดลง 3% จากปีก่อนหน้า แต่ผลประกอบการภาพรวมสามารถรักษาได้ในระดับใกล้เคียงกับปีก่อนหน้า อัตราส่วนทางการเงินย้อนหลังสะท้อนถึงความแข็งแกร่งทางการเงินของบริษัทฯ โดย D/E อยู่ที่ 2.29 ซึ่งแม้จะสูงกว่า 1 แต่ก็แสดงให้เห็นว่าบริษัทฯ มีความสามารถในการกู้เงินเพื่อขยายกิจการได้ ในแง่ของการลงทุน SINGHA ESTATE มีโอกาสเติบโตในอนาคต ทั้งจากการขยายธุรกิจในไทยและต่างประเทศ **โอกาส** ได้แก่ 1. ความต้องการอสังหาริมทรัพย์ยังคงมีอยู่ โดยเฉพาะในกลุ่มที่พักอาศัย 2. ธุรกิจโรงแรมคาดว่าจะฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องจากการเปิดประเทศ 3. การลงทุนในนิคมอุตสาหกรรมจะมีความต้องการมากขึ้นจากการขยายตัวของธุรกิจ **ความเสี่ยง** ได้แก่ 1. สถานการณ์เศรษฐกิจโลกที่ผันผวน 2. อัตราดอกเบี้ยที่ปรับตัวสูงขึ้น 3. การแข่งขันในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ P/E ปัจจุบันอยู่ที่ 16.56 ซึ่งต่ำกว่า 35 จึงแสดงให้เห็นว่าความคาดหวังของนักลงทุนอยู่ในระดับที่สมเหตุสมผล อย่างไรก็ตาม ราคาหุ้นเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปี ลดลงจาก 4.56 บาท ในปี 2560 มาอยู่ที่ 0.74 บาท ในปี 2567 ข้อมูล P/BV เท่ากับ 0.29 ซึ่งต่ำกว่า 1 สะท้อนว่าราคาหุ้นอยู่ในระดับที่ถูกเมื่อเทียบกับมูลค่าสินทรัพย์ต่อหุ้น YIELD อยู่ที่ 2.08% ซึ่งต่ำกว่า 4% จึงถือว่าไม่น่าสนใจลงทุนเพื่อรับเงินปันผล ข้อมูลวงจรเงินสด ที่ติดลบ สะท้อนถึงประสิทธิภาพในการบริหารจัดการเงินสดที่ดี โดยบริษัทฯ สามารถเรียกเก็บเงินสดจากลูกหนี้การค้าได้ ก่อนที่จะต้องจ่ายเงินสดนั้นออกไปให้กับเจ้าหนี้การค้า SINGHA ESTATE จึงเหมาะสำหรับนักลงทุนระยะยาว ที่ต้องการลงทุนในบริษัทที่มีพื้นฐานแข็งแกร่ง และมีความสามารถในการเติบโตในอนาคต

ข้อมูลเพิ่มเติมจากส่วนของธุรกิจนิคมอุตสาหกรรม และโครงสร้างพื้นฐาน

* รายได้จากการขายที่ดินนิคมอุตสาหกรรม เอส อ่างทอง จํานวน 209 ล้านบาท ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2567
* มีพื้นที่ขายรวม 992 ไร่ และมีแผนจะขายที่ดินได้ประมาณ 20% ของพื้นที่ขายรวมต่อปี
* บริษัทฯ อยู่ระหว่างการเจรจาขายที่ดินให้กับลูกค้าจากหลายอุตสาหกรรม อาทิ อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์, ยานยนต์, อาหารและเครื่องดื่ม
* บริษัทฯ ยังได้รับรายได้จากสัญญาจัดหาและขายสาธารณูปโภค และบริการให้เช่าพื้นที่คลังสินค้า
* บริษัทฯ มีส่วนแบ่งกำไรจากธุรกิจร่วมค้า จากสัดส่วนการลงทุน 30% ในโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วม จํานวน 3 แห่ง ขนาดกำลังการผลิตรวมกว่า 400 เมกะวัตต์

ข้อมูลฐานะทางการเงินรวมและโครงสร้างเงินลงทุนของบริษัทฯ

* ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2567 บริษัทฯ มีสินทรัพย์รวม 75,185 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1% จาก ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2566
* สินทรัพย์หมุนเวียน ลดลง 856 ล้านบาท ส่วนใหญ่เกิดจากเงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสดที่ลดลง
* สินทรัพย์ไม่หมุนเวียน เพิ่มขึ้น 1,443 ล้านบาท ส่วนใหญ่เกิดจากการเพิ่มขึ้นของที่ดิน อาคารและอุปกรณ์ สุทธิ
* หนี้สินรวม ลดลง 1% จากการชำระคืนเงินต้นตามกำหนดระยะเวลาการใช้เงินกู้
* ส่วนของผู้ถือหุ้น เพิ่มขึ้นจากผลกำไรที่เกิดขึ้นในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2567
* สัดส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยสุทธิต่อส่วนของผู้ถือหุ้น อยู่ที่ 1.33 เท่า

โดยรวมแล้ว SINGHA ESTATE มีศักยภาพในการเติบโตในอนาคต ทั้งจากการขยายธุรกิจที่พักอาศัย ธุรกิจโรงแรม และธุรกิจนิคมอุตสาหกรรม แต่ควรพิจารณาความเสี่ยง เช่น สถานการณ์เศรษฐกิจโลกที่ผันผวน อัตราดอกเบี้ยที่ปรับตัวสูงขึ้น และการแข่งขันในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ก่อนตัดสินใจลงทุน เหมาะสำหรับนักลงทุนระยะยาว ที่ต้องการลงทุนในบริษัทที่มีพื้นฐานแข็งแกร่ง และมีความสามารถในการเติบโตในอนาคต


รายได้รวม
3,821.53 ล้านบาท
268.32ล้านบาท
(6.56%)
ไตรมาสก่อนหน้า
313.37ล้านบาท
(8.93%)
ช่วงเดียวกันของปีก่อน
ยังไม่มีรายละเอียด อยู่ระหว่างการจัดทำข้อมูล
กำไรขั้นต้น
1,236.27 ล้านบาท
337.09ล้านบาท
(21.43%)
ไตรมาสก่อนหน้า
257.23ล้านบาท
(26.27%)
ช่วงเดียวกันของปีก่อน
ยังไม่มีรายละเอียด อยู่ระหว่างการจัดทำข้อมูล
อัตรากำไรขั้นต้น(%)
32.35 ล้านบาท
6.12ล้านบาท
(15.91%)
ไตรมาสก่อนหน้า
4.44ล้านบาท
(15.91%)
ช่วงเดียวกันของปีก่อน
ยังไม่มีรายละเอียด อยู่ระหว่างการจัดทำข้อมูล
ค่าใช้จ่ายรวม
875.07 ล้านบาท
121.37ล้านบาท
(12.18%)
ไตรมาสก่อนหน้า
72.80ล้านบาท
(9.07%)
ช่วงเดียวกันของปีก่อน
ยังไม่มีรายละเอียด อยู่ระหว่างการจัดทำข้อมูล
อัตราค่าใช้จ่าย(%)
22.90 %
ยังไม่มีรายละเอียด อยู่ระหว่างการจัดทำข้อมูล
กำไรสุทธิ
-52.12 ล้านบาท
114.33ล้านบาท
(183.78%)
ไตรมาสก่อนหน้า
50.18ล้านบาท
(49.05%)
ช่วงเดียวกันของปีก่อน
ยังไม่มีรายละเอียด อยู่ระหว่างการจัดทำข้อมูล
อัตรากำไรสุทธิ(%)
-1.36 %
ยังไม่มีรายละเอียด อยู่ระหว่างการจัดทำข้อมูล
กระแสเงินสด
483.29 ล้านบาท
257.73ล้านบาท
(114.26%)
ไตรมาสก่อนหน้า
640.53ล้านบาท
(407.36%)
ช่วงเดียวกันของปีก่อน
ยังไม่มีรายละเอียด อยู่ระหว่างการจัดทำข้อมูล