สรุปงบล่าสุด S
สรุปงบการเงิน
สรุปสั้น
ยังไม่มีรายละเอียด อยู่ระหว่างการจัดทำข้อมูล
สรุปด้วย AI(O) BOT
**บทสรุปผลประกอบการของ บริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) (S)**
**1. สรุปรายได้รวม:**
* ในไตรมาส 3 ปี 2568 บริษัทฯ มีรายได้รวม 3,615 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเล็กน้อย 0% เมื่อเทียบกับไตรมาส 3 ปี 2567 ที่มีรายได้ 3,633 ล้านบาท (หน้า 7)
* กำไรสุทธิสำหรับงวดอยู่ที่ 105 ล้านบาท เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญจาก 3 ล้านบาทในไตรมาสเดียวกันของปีก่อน (หน้า 7, 11)
* ในช่วงเก้าเดือนแรกของปี 2568 บริษัทฯ มีรายได้จากการขายและบริการรวม 10,480 ล้านบาท ลดลง 8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (หน้า 1)
* กำไรสุทธิช่วงเก้าเดือนแรกของปี 2568 อยู่ที่ 135 ล้านบาท เติบโตขึ้น 5 เท่าจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน (หน้า 1) ปัจจัยหลักมาจากการควบคุมค่าใช้จ่ายที่มีประสิทธิภาพ, ส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในการร่วมค้าและบริษัทร่วมที่เพิ่มขึ้น, และต้นทุนทางการเงินที่ลดลง (หน้า 1)
**2. สถานการณ์เศรษฐกิจ:**
* ภาพรวมเศรษฐกิจไทยในไตรมาส 3 ปี 2568 ชะลอตัวลงจากช่วงก่อนหน้า โดยหลักจากภาคอุตสาหกรรมที่ชะลอตัวลงจากการหยุดการผลิตชั่วคราว (หน้า 1)
* เศรษฐกิจโดยรวมมีแนวโน้มฟื้นตัวในช่วงเดือนกันยายนต่อเนื่องจนถึงสิ้นปี จากการท่องเที่ยวและการค้าที่ขยายตัว และภาคการผลิตที่คาดว่าจะขยายตัวตามคำสั่งซื้อ (หน้า 1)
* ภาคอสังหาฯ และก่อสร้างยังมีแนวโน้มคงตัวตามกำลังซื้อและปริมาณงานก่อสร้าง รวมถึงสถาบันการเงินที่ยังคงระมัดระวังการปล่อยสินเชื่อ (หน้า 1)
* กระทรวงการคลังประมาณการเศรษฐกิจไทยปี 2568 ขยายตัวที่ 2.4% ปรับเพิ่มจากประมาณการเดิมที่ 2.2% โดยมีปัจจัยหลักจากนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐ (หน้า 1)
**3. การเปลี่ยนแปลงในรายได้และกำไร:**
* รายได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์ในไตรมาส 3 ปี 2568 ลดลง 47% จากปีก่อน (หน้า 2, 7) และลดลง 31% ในช่วงเก้าเดือนแรกของปี (หน้า 1, 7) สาเหตุหลักมาจากการลดลงของการโอนโครงการ ดิ เอ็กซ์โทร พญาไท-รางน้า ซึ่งเริ่มรับรู้การโอนกรรมสิทธิ์ในช่วงต้นปี 2567 (หน้า 1, 8)
* รายได้จากการให้เช่าและการให้บริการในไตรมาส 3 ปี 2568 เพิ่มขึ้น 2% จากปีก่อน (หน้า 7, 9) แต่ลดลง 1% ในช่วงเก้าเดือนแรกของปี (หน้า 1, 7)
* ธุรกิจโรงแรมมีรายได้ลดลง 2% ในช่วงเก้าเดือนแรกของปี จากการชะลอตัวของรายได้ของกลุ่มโรงแรมในสหราชอาณาจักรจากการปิดปรับปรุง และผลกระทบจากความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน (หน้า 1, 9)
* ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อการค้ามีรายได้เพิ่มขึ้น 5% ในช่วงเก้าเดือนแรกของปี จากการทยอยส่งมอบพื้นที่เช่าของอาคาร เอส โอเอซิส (หน้า 1, 10)
* อัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นจาก 37% เป็น 40% ในไตรมาส 3 ปี 2568 และจาก 37% เป็น 39% ในช่วงเก้าเดือนแรกของปี (หน้า 7, 11) เป็นผลจากธุรกิจโรงแรมและอสังหาริมทรัพย์เพื่อการค้าที่มีระดับอัตราการทำกำไรดีขึ้น (หน้า 11)
* ค่าใช้จ่ายในการขายและการบริหารลดลง จากการลดลงของค่าธรรมเนียมในการโอนอสังหาริมทรัพย์ และการควบคุมการทำโปรโมชั่นทางการตลาด (หน้า 11)
* ต้นทุนทางการเงินลดลง จากการเจรจาลดดอกเบี้ยกับสถาบันการเงิน, การชำระคืนเงินกู้ก่อนกำหนด, และแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยที่ลดลง (หน้า 1, 11)
**4. สินทรัพย์และหนี้สิน:**
* ณ วันที่ 30 กันยายน 2568 บริษัทฯ มีสินทรัพย์รวม 71,107 ล้านบาท ลดลงจากสิ้นปี 2567 จำนวน 1,434 ล้านบาท (หน้า 12)
* หนี้สินรวม ณ วันที่ 30 กันยายน 2568 มีจำนวน 49,237 ล้านบาท คงที่ใกล้เคียงกับสิ้นปี 2567 (หน้า 12)
* ส่วนของผู้ถือหุ้น ณ วันที่ 30 กันยายน 2568 มีจำนวน 21,870 ล้านบาท ลดลงจากสิ้นปี 2567 (หน้า 12)
* สัดส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยสุทธิต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (net IBD/E ratio) ในไตรมาส 3 ปี 2568 ปรับตัวขึ้นเล็กน้อยจาก 1.38 เท่า มาอยู่ที่ระดับ 1.39 เท่า (หน้า 12)
**ประเด็นสำคัญเพิ่มเติม:**
* **ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อการพักอาศัย:** บริษัทฯ เปิดตัวโครงการใหม่อย่างเป็นทางการ 4 โครงการ (หน้า 2) และมียอดขายรอรับรู้รายได้ (Backlog) จำนวน 902 ล้านบาท (หน้า 2)
* **ธุรกิจโรงแรม:** SHR ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัทฯ มีโรงแรมทั้งหมด 33 แห่ง 4,033 ห้อง (หน้า 2) RevPAR ของโรงแรมที่บริหารจัดการเองในประเทศไทยเติบโตขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ (หน้า 4)
* **ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อการค้า:** อัตราการปล่อยเช่าเฉลี่ยของอาคารสำนักงานที่เปิดให้บริการมานานแล้วอยู่ที่ 80% (หน้า 6) อาคาร S-OASIS มีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น และคาดว่าจะสามารถปิดอัตราการเช่าสำหรับปี 2568 ได้ตามเป้าที่ 50% (หน้า 6)
* **ธุรกิจนิคมอุตสาหกรรม:** บริษัทฯ ดำเนินการโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินให้แก่บริษัท ด๋าลี่ ฟู้ดส์ (ไทยแลนด์) จำกัด จำนวน 75 ไร่ และบรรลุข้อตกลงการขายที่ดิน 9 ไร่ ให้แก่บริษัท เพียวสตรอง จำกัด (หน้า 6)
* **โรงไฟฟ้า:** บริษัทฯ รับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วม (Associates) จำนวน 160 ล้านบาท และรับรู้เงินปันผลจำนวน 21 ล้านบาท (หน้า 7)
(3.42%)
(0.00%)
(17.64%)
(9.17%)
(13.76%)
(9.20%)
(1.40%)
(0.11%)
(215.45%)
(145.53%)
(36.81%)
(33.31%)