PSH
บริษัท พฤกษา โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน)

สรุปงบการเงิน
ไตรมาสที่ 4 ปี 2567

สรุป OPPDAY

```html สรุป Oppday พฤกษา Holding (PSH) ปี 2567: โอกาสและความท้าทายในธุรกิจอสังหาฯ และ Healthcare

สรุป Oppday พฤกษา Holding (PSH) ปี 2567: โอกาสและความท้าทายในธุรกิจอสังหาฯ และ Healthcare

1. ภาพรวมผลกระทบต่อธุรกิจ (Business Impact Overview)

ในปี 2567 พฤกษา Holding เน้นการขยายธุรกิจไปใน 2 แกนหลัก คือ อสังหาริมทรัพย์และ Healthcare โดยมีโครงการใหม่ที่สนับสนุน Recurring Income และเชื่อมต่อ Health to Home เพื่อให้ลูกบ้านมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น

ในส่วนของอสังหาริมทรัพย์ มีการเปิดโครงการบ้านระดับราคา 10-30 ล้านบาทมากขึ้น เช่น The Palm บางนา-วงแหวน 2 ที่เป็น Passive Home ออกแบบด้วย Universal Design ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดี มียอดจอง 30% ตั้งแต่เปิดจอง นอกจากนี้ยังมีโครงการ Thive Wellness Residence ตรงประชาชื่น ซึ่งเป็น Wellness เต็มรูปแบบ ร่วมมือกับวิมุต ให้บริการสุขภาพแก่ลูกบ้าน

ธุรกิจ Healthcare ได้รับการรับรอง JCI ทำให้สามารถรับคนไข้ต่างชาติได้มากขึ้น มีการขยายบริการ เช่น เปิดศูนย์ปรับรูปหน้า Basic และนำเทคโนโลยี UROLift มาใช้รักษาโรคต่อมลูกหมาก โรงพยาบาลเทพธารินทร์มีการ Rebrand เป็นวิมุตเทพธารินทร์ และขยายอาคารเพื่อรองรับผู้ป่วย

รายได้รวมอยู่ที่ 21,000 ล้านบาท ลดลง 20% จากปีก่อน เนื่องจากตลาดอสังหาฯ ได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจ กำลังซื้อลูกค้าลดลง และถูกปฏิเสธสินเชื่อ อย่างไรก็ตาม ธุรกิจโรงพยาบาลมีรายได้และกำไรเติบโตต่อเนื่อง กำไรขั้นต้นอยู่ที่ 31.3% ลดลงจาก 35.1% ในปีก่อน

2. โอกาสทางธุรกิจ (Business Opportunities)

  1. ขยายโครงการบ้านระดับราคา 10-30 ล้านบาท
  2. พัฒนาโครงการ Wellness Residence ร่วมกับโรงพยาบาลวิมุต
  3. ขยายบริการ Healthcare และรับคนไข้ต่างชาติเพิ่มขึ้น
  4. ร่วมมือกับ Capital Land สร้างบ้านตามมาตรฐาน TPO Home ประหยัดพลังงาน 50%
  5. ก่อสร้าง Warehouse ย่านบางนา ร่วมกับ Capital Land และ ALP ไต้หวัน

กลยุทธ์คือการ Synergy ธุรกิจอสังหาฯ และ Healthcare เพื่อออกแบบโครงการที่สะท้อนแนวคิด Wellness Living ให้ชัดเจน

3. ความเสี่ยงที่กำลังเผชิญ (Risks and Challenges)

  1. ผลกระทบจากเศรษฐกิจที่ชะลอตัวต่อตลาดอสังหาริมทรัพย์
  2. กำลังซื้อของลูกค้าระดับล่างลดลง
  3. การถูกปฏิเสธสินเชื่อจากธนาคาร
  4. นโยบายกระตุ้นอสังหาฯ ของภาครัฐยังไม่ได้รับผลตอบรับที่ดี

ความเสี่ยงเหล่านี้อาจส่งผลกระทบต่อยอดขายและผลประกอบการของบริษัท

4. วิธีการแก้ไขปัญหาผลกระทบ (Problem-Solving and Mitigation)

  1. ปรับสัดส่วนบ้านไปที่ระดับราคากลางถึงบนมากขึ้น
  2. ใช้กลยุทธ์ด้านราคาและส่งเสริมการขายเพื่อเร่งยอดขาย
  3. ปรับพอร์ตการลงทุนกลับมา Re-Focus ใน Core Business (อสังหาฯ และ Healthcare)
  4. สร้าง Recurring Income จากธุรกิจให้เช่าและบริการ
  5. เลือกใช้วัสดุก่อสร้างที่ประหยัดพลังงานและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

5. แนวโน้มและอนาคต (Outlook and Future Trends)

บริษัทมีเป้าหมายรายได้รวมในปี 2568 อยู่ที่ 23,500 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นอสังหาฯ 18,700 ล้านบาท และ Healthcare 2,600 ล้านบาท มีแผนลงทุน 8,500 ล้านบาท สำหรับซื้อที่ดินและขยายธุรกิจ Healthcare

บริษัทจะขับเคลื่อนองค์กรด้วยกลยุทธ์ Wellness Living โดยส่งมอบบ้านที่ช่วยประหยัดพลังงานและเพิ่มมูลค่าในอนาคต

6. ช่วงถาม-ตอบ (Q&A Session) [เริ่ม Q&A นาทีที่ 41:05]

  1. บริษัทร่วมทุนใดที่ทำกำไร?
    • กลุ่มธุรกิจ P-Cash และบริษัทร่วมทุนในกลุ่ม Healthcare ในปี 2567

  2. กลยุทธ์การรักษาสภาพคล่องและกระแสเงินสด?
    • เตรียมวงเงินกับธนาคารทั้งในและต่างประเทศ 23,000 ล้านบาท และมีวงเงินที่ยังไม่เบิกอีก 13,000 ล้านบาท

  3. EBITDA ของวิมุต Holding เป็นบวกหรือยัง?
    • เป็นบวกแล้ว 112 ล้านบาทในปี 2567 และมั่นใจในการขยายธุรกิจโรงพยาบาลเนื่องจากรัฐบาลสนับสนุนให้ไทยเป็น Medical Hub

  4. จุดเด่นของโรงพยาบาลวิมุตในการแข่งขัน?
    • มีศูนย์เด็กที่ให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง, OPD เด็กเปิดถึงเที่ยงคืน และมีทีมแพทย์เฉพาะทางหลายสาขา

  5. เป้าหมายรายได้ปีนี้และการเปิดโครงการใหม่?
    • เป้าหมายรายได้รวม 23,500 ล้านบาท (อสังหาฯ 18,700 ล้านบาท, โรงพยาบาล 2,600 ล้านบาท) เตรียมเปิด 22 โครงการใหม่ มูลค่า 23,400 ล้านบาท และมีงบลงทุนซื้อที่ดิน 5,000 ล้านบาท

  6. แผนของโรงพยาบาลสุขุมวิท?
    • สร้างบนถนนสุขุมวิท (สุขุมวิท 54) งบลงทุน 1,300 ล้านบาท เปิด 100 เตียงแรก และจะพิจารณาว่าเป็นโรงพยาบาลเฉพาะทางหรือทั่วไปตามความต้องการของตลาด

  7. Backlog ของบริษัท?
    • มี Backlog 3,670 ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นคอนโดมิเนียม (77%) และบ้านเดี่ยว (เกือบ 20%)

สรุป

พฤกษา Holding ยังคงมุ่งเน้นการเติบโตในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และ Healthcare โดยมีกลยุทธ์ที่ชัดเจนในการรับมือกับความท้าทายและคว้าโอกาสใหม่ๆ รวมถึงการ Synergy ธุรกิจที่มีอยู่เพื่อสร้างความแข็งแกร่งและยั่งยืนในระยะยาว

```