สรุป OPPDAY หุ้น PRINC
Oppday
สรุป OPPDAY
```html
PRINC สรุปผลประกอบการ Q3/2568: ฝ่าวิกฤตเศรษฐกิจ โรคระบาด สู่การเติบโตอย่างยั่งยืน
PRINC หรือบริษัท Principal Capital จำกัด (มหาชน) ผู้ดำเนินธุรกิจโรงพยาบาลและบริหารจัดการโรงพยาบาลเอกชน ได้จัดงาน Opportunity Day (Oppday) ประจำไตรมาส 3 ปี พ.ศ. 2568 เพื่อรายงานผลประกอบการและแนวโน้มธุรกิจให้แก่นักลงทุน โดยมีทีมผู้บริหารเข้าร่วมนำเสนอข้อมูล ได้แก่ นายแพทย์วิชญ์เวช รักษากุลชร และคุณคณัส ศิริสุวัตถ์ Co-Chief Executive Officer, คุณธารินทร์ เอี่ยมเพชราพงษ์ Chief Financial Officer และคุณปรียาพร อภิวัฒนวิทย Executive Director
1. ภาพรวมผลกระทบต่อธุรกิจ (Business Impact Overview)
ผลประกอบการในไตรมาส 3/2568 ได้รับผลกระทบจาก 3 ปัจจัยหลัก:
- สภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว (Slowdown Economy) ส่งผลต่อการตัดสินใจเข้ารับบริการทางการแพทย์ โดยเฉพาะโรคที่ไม่รุนแรงมากนัก
- ปัญหาชายแดน (Border Issues) ทำให้โรงพยาบาลตามแนวชายแดนไม่สามารถให้บริการผู้ป่วยจากประเทศเพื่อนบ้านได้
- การระบาดของโรค (Disease Outbreak) ที่มาช้ากว่าปกติ ทำให้การเติบโตในไตรมาส 3 ไม่เป็นไปตามเป้าหมาย
ถึงแม้จะมีปัจจัยลบดังกล่าว แต่จำนวนผู้ป่วยนอก (Outpatient Department: OPD) โดยเฉลี่ยต่อวันยังคงเติบโตขึ้น 6% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว (Year-on-Year) โดยมีค่าใช้จ่ายต่อหัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อย 1-2% คิดเป็น 2,400 บาทต่อคน
อย่างไรก็ตาม จำนวนผู้ป่วยใน (Inpatient Department: IPD) และอัตราการครองเตียง (Average Daily Census: ADC) ลดลง 11% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว โดยมีระยะเวลาการนอนโรงพยาบาลเฉลี่ย 2.41 วัน
สัดส่วนผู้ชำระค่ารักษาพยาบาล (Payers) หลักยังคงเป็น Self-pay และ Insurance คิดเป็นสัดส่วนใกล้เคียงกันที่ 40% และ 30% ปลายๆ ตามลำดับ
รายได้รวมลดลง 1.6% เมื่อเทียบกับไตรมาส 3 ของปีที่แล้ว แต่หากพิจารณา 9 เดือนแรกของปี พบว่ารายได้ยังคงเติบโต 3.6%
อัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (Debt to Equity Ratio) ลดลงจาก 0.8 เท่า เหลือ 0.4 เท่า เนื่องจากการขายธุรกิจ Property Business
2. โอกาสทางธุรกิจ (Business Opportunities)
PRINC วางกลยุทธ์ในการเติบโตโดยมุ่งเน้น 4 ด้านหลัก:
- Organic Growth: มุ่งเน้นการเก็บเกี่ยวผลประโยชน์จากการลงทุนขยายโรงพยาบาลที่ผ่านมา และพัฒนาศักยภาพในการรักษาโรคยากและซับซ้อน เพื่อเพิ่มมูลค่าการรักษา
- Partnership: สร้างเครือข่ายความร่วมมือกับพันธมิตร เพื่อเพิ่ม Campus Visits และ Referrals
- Mergers and Acquisitions (M&A): ขยายจำนวนโรงพยาบาลและเตียงรวม ผ่านการควบรวมกิจการและการลงทุน Green Field ใหม่ โดยพิจารณาจากโอกาสและความเหมาะสม
- Efficiency: ปรับโครงสร้างภายในองค์กรและโครงสร้างต้นทุน เพื่อเพิ่ม Cost Efficiency และ Margin
3. ความเสี่ยงที่กำลังเผชิญ (Risks and Challenges)
ความเสี่ยงหลักที่ PRINC เผชิญ ได้แก่:
- สภาวะเศรษฐกิจที่ผันผวน (Economic Volatility) อาจส่งผลต่อกำลังซื้อของผู้บริโภค
- การแข่งขันที่รุนแรง (Intense Competition) ในธุรกิจโรงพยาบาล
- ความไม่แน่นอนของสถานการณ์โรคระบาด (Uncertainty of Disease Outbreaks)
4. วิธีการแก้ไขปัญหาผลกระทบ (Problem-Solving and Mitigation)
PRINC มีแผนรับมือกับความเสี่ยงต่างๆ ดังนี้:
- มุ่งเน้นการเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการต้นทุน (Cost Management)
- พัฒนาบริการทางการแพทย์ให้มีคุณภาพและครอบคลุม (Quality and Comprehensive Services)
- สร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับพันธมิตร (Partnership Relations)
5. แนวโน้มและอนาคต (Outlook and Future Trends)
PRINC ยังคงมองเห็นโอกาสในการเติบโตในธุรกิจโรงพยาบาล โดยเฉพาะในกลุ่มโรงพยาบาลขนาดกลางและขนาดเล็กในต่างจังหวัด บริษัทมีวิสัยทัศน์ที่จะเป็นผู้นำในด้านการให้บริการทางการแพทย์ที่มีคุณภาพและเข้าถึงได้ง่าย โดยให้ความสำคัญกับ ESG (Environmental, Social, and Governance) และการสร้างคุณค่าให้กับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกฝ่าย
6. ช่วงถาม-ตอบ (Q&A Session) [เริ่ม Q&A นาทีที่ 46:58]
ผลประกอบการไตรมาส 4 ปี 2568
ผู้บริหารตอบว่า แนวโน้มผลประกอบการในไตรมาส 4 อาจแตกต่างจากปีก่อนๆ เนื่องจากโรคระบาดมาในช่วงครึ่งหลังของเดือนกันยายน ทำให้ทั้งอุตสาหกรรมอาจเห็นการเติบโตที่ไม่เหมือนเดิม
สถานการณ์ผู้ป่วย OPD และ อัตราการครองเตียง
ผู้บริหารตอบว่า ถึงแม้จะมีวิกฤตเศรษฐกิจ แต่จำนวนผู้ป่วยนอกยังเติบโตอยู่ ส่วนแนวโน้มผู้ป่วยในน้อยลงกว่าปีก่อน แต่อัตราการครองเตียงจะดีขึ้นหรือไม่ ต้องรอดูผลจากสถานการณ์โรคระบาด
ทิศทางของ PRINC ในปี 2569
ผู้บริหารตอบว่า คีย์หลักอยู่ที่สภาวะเศรษฐกิจ โดยจะเน้น Organic Growth เป็นหลัก และให้ความสำคัญกับการเติบโตของโรงพยาบาลใหม่ รวมถึงโรงพยาบาลเดิมที่ Renovate ไป นอกจากนี้ ยังคงมองหา Opportunity ในการขยายกิจการ โดยพิจารณาจากความคุ้มค่า
ศักยภาพและโอกาสในการลงทุนที่โรงพยาบาลกำแพงเพชร
ผู้บริหารตอบว่า โรงพยาบาลกำแพงเพชรจะอยู่ในกลุ่มโรงพยาบาลพิษณุเวช ซึ่งมีศักยภาพในการดูแลรักษาโรคยากและซับซ้อน โดยมีโรงพยาบาลลูกข่าย เช่น พิษณุเวชอุตรดิตถ์ และพิษณุเวชพิจิตร นอกจากนี้ กำแพงเพชรยังเป็นพื้นที่ Cashment Area ของโรงพยาบาลพิษณุเวชอยู่แล้ว การลงทุนจึงเป็นการปิด Gap และรองรับการเติบโตในพื้นที่
ผลกระทบจากกฏเกณฑ์ใหม่เรื่องการเปิดเผยราคายา
ผู้บริหารตอบว่า PRINC ได้ทำเรื่องนี้มานานแล้ว และการทำ MOU ครั้งนี้ก็สอดคล้องกับสิ่งที่เคยปฏิบัติอยู่ จึงไม่มีผลกระทบใดๆ
นโยบายการจ่ายเงินปันผล
ผู้บริหารตอบว่า การจ่ายเงินปันผลเป็นความตั้งใจของทีมบริหารที่จะทำอย่างต่อเนื่อง แต่การจ่ายเพิ่มขึ้นหรือไม่ ต้องดูปัจจัยหลายอย่างประกอบกัน ทั้งเงินที่จะจ่ายและเงินที่จะเก็บไว้ขยายกิจการ โดยจะประกาศให้ทราบหลังจากการประชุมบอร์ด
โอกาสของศูนย์มะเร็งที่พิษณุเวช
ผู้บริหารตอบว่า ก่อนหน้านี้พิษณุเวชรักษาได้ทั้งการวินิจฉัย ผ่าตัด และให้เคมีบำบัด แต่ยังขาดการฉายรังสีรักษา ซึ่งมีความต้องการในพื้นที่สูง การเติม Product นี้เข้ามาจึงทำให้เกิดความครบวงจรมากขึ้น นอกจากนี้ยังมีการ Refer In Case จากโรงพยาบาลลูกข่าย เช่น ปากน้ำโพ ทำให้สามารถดูแลผู้ป่วยมะเร็งได้อย่างครบถ้วนสมบูรณ์
ผลกระทบจากโรคระบาดใน Q3
ผู้บริหารตอบว่า โดยปกติโรคระบาดจะมาพร้อมกับหน้าฝน แต่ปีนี้มาช้า ทำให้มีผลกระทบต่อผลประกอบการในไตรมาส 3 อย่างไรก็ตาม วัคซีนในปีนี้ให้ผลค่อนข้างดี ทำให้มีภูมิคุ้มกันยาวนานขึ้น และโรคระบาดมาช้ากว่าปกติ
แผนการเพิ่มโรงพยาบาลเป็น 20 แห่ง
ผู้บริหารตอบว่า ยังคงเป้าหมายที่จะขยายโรงพยาบาลให้ครบ 20 แห่ง เพื่อให้เกิด Economy of Scale โดยจะพิจารณาจาก Opportunity ที่เข้ามา ว่ามีความคุ้มค่าและสร้างการเติบโตจริงหรือไม่
โดยสรุป PRINC ยังคงมุ่งมั่นที่จะเติบโตอย่างยั่งยืน โดยให้ความสำคัญกับการพัฒนาศักยภาพในการรักษา การบริหารจัดการต้นทุน และการสร้างเครือข่ายความร่วมมือ เพื่อส่งมอบบริการทางการแพทย์ที่มีคุณภาพและตอบสนองความต้องการของผู้รับบริการอย่างครบวงจร
```