สรุปงบล่าสุด PIN

บริษัท ปิ่นทอง อินดัสเตรียล ปาร์ค จำกัด (มหาชน)
สรุปงบการเงิน
ไตรมาสที่ 4 ปี 2567
สรุปสั้น
ยังไม่มีรายละเอียด อยู่ระหว่างการจัดทำข้อมูล
สรุปด้วย AI(O) BOT
## สรุปผลประกอบการ บริษัท ปิ่นทอง อินดัสเตรียล ปาร์ค จำกัด (มหาชน) (PIN) ปี 2567 (อัปเดต)
บริษัท ปิ่นทอง อินดัสเตรียล ปาร์ค จำกัด (มหาชน) มุ่งเน้นการเติบโตอย่างยั่งยืนและให้ความสำคัญกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกกลุ่ม ในปี 2567 บริษัทฯ ประสบความสำเร็จในการสร้างผลประกอบการสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยมีรายได้จากการดำเนินงาน 4,167.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 44.9% เมื่อเทียบกับปี 2566 และมีกำไรสุทธิ 1,733.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 28.0% ยอดโอนที่ดินรวม 836.4 ไร่ ปัจจัยหลักที่ขับเคลื่อนการเติบโตมาจากยอดขายอสังหาริมทรัพย์ที่เพิ่มขึ้น ซึ่งมีกำไรขั้นต้น 1,957.0 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 26.1% รวมถึงรายได้ค่าสาธารณูปโภคที่เพิ่มขึ้น ซึ่งมีกำไรขั้นต้น 27.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 104.9% ในไตรมาส 4/2567 บริษัทฯ เปิดให้บริการคลังสินค้าเฟสแรกในโครงการ Logistic Park ซึ่งตั้งอยู่ในทำเลทองใกล้ท่าเรือแหลมฉบัง
แม้ว่ารายได้รวมในไตรมาส 4/2567 จะลดลง 16.9% เมื่อเทียบกับไตรมาส 4/2566 และกำไรขั้นต้นลดลง 31.3% แต่ก็ยังเพิ่มขึ้น 20.5% และ 4.1% ตามลำดับ เมื่อเทียบกับไตรมาส 3/2567 บริษัทฯ ยังคงมุ่งมั่นที่จะแสวงหาโอกาสในการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ทั้งในธุรกิจหลักและธุรกิจที่เกี่ยวข้อง โดยมีแผนพัฒนาพื้นที่นิคมอุตสาหกรรม โรงงาน และคลังสินค้าให้เช่า เพื่อรองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้นของนักลงทุน นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังร่วมกับ กนอ. พัฒนานิคมอุตสาหกรรมปิ่นทอง 8 บนพื้นที่กว่า 1,100 ไร่ เพื่อรองรับอุตสาหกรรมเป้าหมายตามนโยบาย Thailand 4.0 ซึ่งคาดว่าจะเปิดดำเนินการได้ในช่วงกลางปี 2570 ในปี 2567 ค่าใช้จ่ายในการขายเพิ่มขึ้น 4.0% ในขณะที่ค่าใช้จ่ายในการบริหารลดลง 1.1% และต้นทุนทางการเงินลดลง 66.0%
การพิจารณาโอกาสในการลงทุนในหุ้น PIN ต้องพิจารณาถึงปัจจัยหลายด้าน บริษัทฯ มีการเติบโตของรายได้และกำไรที่น่าประทับใจในปี 2567 ซึ่งเป็นผลมาจากการลงทุนในประเทศไทยที่เพิ่มขึ้นจากนักลงทุนต่างชาติ และนโยบายส่งเสริมการลงทุนของภาครัฐ อย่างไรก็ตาม อัตรากำไรขั้นต้นของบริษัทฯ ลดลงเล็กน้อยในปี 2567 เนื่องจากลักษณะของโครงการที่ดินที่ขายแตกต่างกัน และการเริ่มรับรู้ค่าเสื่อมราคาคลังสินค้า นอกจากนี้ ราคาหุ้นของ PIN ยังมีความผันผวนในช่วงที่ผ่านมา แต่ Yield ยังอยู่ในระดับที่น่าสนใจ อัตราส่วนทางการเงินอื่นๆ เช่น อัตราส่วนเงินทุนหมุนเวียน, อัตราผลตอบแทนผู้ถือหุ้น, อัตราผลตอบแทนจากสินทรัพย์ และอัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (D/E Ratio) ก็ควรนำมาพิจารณาด้วย ปัจจัยที่ต้องพิจารณาเพิ่มเติมคือความเสี่ยงทางเศรษฐกิจและการเมืองที่อาจส่งผลกระทบต่อการลงทุนในประเทศไทย รวมถึงความสามารถของบริษัทฯ ในการบริหารจัดการต้นทุนและรักษาอัตรากำไรในอนาคต การตัดสินใจลงทุนควรพิจารณาข้อมูลเหล่านี้อย่างรอบคอบและสอดคล้องกับเป้าหมายการลงทุนของแต่ละบุคคล
**วิเคราะห์ความสัมพันธ์และปัจจัยสำคัญ:**
* **รายได้ vs. กำไร:** รายได้รวมของ PIN เติบโตอย่างก้าวกระโดดในปี 2566 และ 2567 ส่งผลให้กำไรสุทธิเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ แสดงถึงประสิทธิภาพในการดำเนินงานและความสามารถในการตอบสนองต่อความต้องการของตลาด
* **อัตรากำไรขั้นต้น:** แม้ว่ารายได้จะเพิ่มขึ้น แต่อัตรากำไรขั้นต้นลดลงเล็กน้อยในปี 2567 สาเหตุหลักมาจากการขายที่ดินในโครงการที่ต่างกัน และการเริ่มรับรู้ค่าเสื่อมราคาคลังสินค้า
* **อัตรากำไรสุทธิ:** อัตรากำไรสุทธิของ PIN ยังคงอยู่ในระดับสูง แสดงถึงความสามารถในการควบคุมค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน
* **D/E Ratio:** D/E Ratio ของ PIN ค่อนข้างคงที่ แสดงถึงโครงสร้างทางการเงินที่มั่นคง
* **ราคาหุ้น vs. P/E, P/BV, Yield:** ราคาหุ้นของ PIN มีความผันผวนในช่วงที่ผ่านมา P/E Ratio อยู่ในระดับที่น่าสนใจ เมื่อเทียบกับปี 2565 และ 2566 P/BV Ratio ก็ยังคงต่ำกว่า 2 เท่า และ Yield ยังคงอยู่ในระดับที่น่าดึงดูด
**โอกาส:**
* การลงทุนในประเทศไทยที่เพิ่มขึ้นจากนักลงทุนต่างชาติ โดยเฉพาะในกลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมาย
* นโยบายส่งเสริมการลงทุนของภาครัฐและสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI)
* การขยายตัวของนิคมอุตสาหกรรมและคลังสินค้าให้เช่า
* การร่วมมือกับ กนอ. ในการพัฒนานิคมอุตสาหกรรมแห่งใหม่
* ความสามารถในการบริหารจัดการต้นทุนทางการเงินอย่างมีประสิทธิภาพ
**ความเสี่ยง:**
* ความเสี่ยงทางเศรษฐกิจและการเมืองที่อาจส่งผลกระทบต่อการลงทุนในประเทศไทย
* ความผันผวนของราคาที่ดินและค่าเช่า
* การแข่งขันในตลาดนิคมอุตสาหกรรม
* ความเสี่ยงด้านสิ่งแวดล้อมและสังคม
* ความสามารถในการบริหารจัดการต้นทุน
ข้อมูลเพิ่มเติมสำหรับการวิเคราะห์:
* **อัตราส่วนทางการเงิน:** อัตราส่วนเงินทุนหมุนเวียน, อัตราส่วนเงินทุนหมุนเวียนเร็ว, อัตราผลตอบแทนผู้ถือหุ้น, อัตราผลตอบแทนจากสินทรัพย์, อัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (D/E Ratio), อัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยต่อส่วนของผู้ถือหุ้น
* **สินทรัพย์และหนี้สิน:** สินทรัพย์รวมเพิ่มขึ้น 42.3% ในขณะที่หนี้สินรวมเพิ่มขึ้น 61.4%
* **เงินกู้ยืม:** เงินกู้ยืมจากสถาบันการเงินเพิ่มขึ้นเนื่องจากการซื้อที่ดินเพื่อพัฒนานิคมอุตสาหกรรม
* **ส่วนของผู้ถือหุ้น:** ส่วนของผู้ถือหุ้นเพิ่มขึ้นเนื่องจากกำไรสุทธิ
* **ลักษณะธุรกิจ:** ประกอบธุรกิจพัฒนาและบริหารจัดการนิคมอุตสาหกรรม พร้อมระบบสาธารณูปโภค สิ่งอำนวยความสะดวกและพื้นที่พาณิชยกรรม และประกอบธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ประเภทอาคารโรงงานและคลังสินค้าเพื่อเช่าและขายสำหรับผู้ประกอบการอุตสาหกรรม รวมถึงลงทุนและได้รับแต่งตั้งเป็นผู้บริหารอสังหาริมทรัพย์ของกองทุนรวมสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ (PPF)
**หมายเหตุ:** บทความนี้เป็นเพียงการสรุปผลประกอบการและการวิเคราะห์เบื้องต้น ไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมและปรึกษาผู้เชี่ยวชาญก่อนตัดสินใจลงทุน
(15.39%)
(18.18%)
(4.15%)
(31.26%)
(9.76%)
(15.98%)
(4.73%)
(33.03%)
(18.99%)
(43.04%)
(1,594.95%)
(170.98%)