สรุปงบล่าสุด PIN
บริษัท ปิ่นทอง อินดัสเตรียล ปาร์ค จำกัด (มหาชน)
สรุปงบการเงิน
ไตรมาสที่ 3 ปี 2567
สรุปสั้น
ยังไม่มีรายละเอียด อยู่ระหว่างการจัดทำข้อมูล
สรุปด้วย AI(O) BOT
## บริษัท ปิ่นทอง อินดัสเตรียล ปาร์ค จำกัด (มหาชน) (PIN): โอกาสการลงทุนที่น่าจับตา
บริษัท ปิ่นทอง อินดัสเตรียล ปาร์ค จำกัด (มหาชน) หรือ PIN มีผลประกอบการไตรมาส 3 ปี 2567 ที่โดดเด่น โดยมีรายได้จากการดำเนินงาน 924.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20.5% และมีกำไรสุทธิ 476.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 31.8% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน แสดงให้เห็นถึงความสามารถในการบริหารจัดการต้นทุนและค่าใช้จ่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงไตรมาสนี้ บริษัทฯ มีการโอนที่ดินทั้งสิ้น 181.8 ไร่ เพิ่มขึ้นจากไตรมาส 3 ปี 2566 และมี backlog ในปี 2567 อีก 195.3 ไร่ ซึ่งคาดว่าจะสามารถโอนรับรู้รายได้ภายในปีนี้ นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังได้ลงทุนซื้อที่ดินเพิ่มเติมประมาณ 2,000 ไร่ เพื่อรองรับความต้องการของนักลงทุนและเพิ่มความสามารถในการสร้างรายได้อย่างยั่งยืนในอนาคต
บริษัทฯ มีแผนธุรกิจที่มุ่งเน้นการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยตั้งเป้าหมายยอดโอนที่ดินในปี 2567 ไม่ต่ำกว่า 800 ไร่ ซึ่งมากกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ที่ 750 ไร่ ทั้งนี้ บริษัทฯ ยังได้ลงนามในสัญญาร่วมดําเนินงานโครงการนิคมฯ ปิ่นทอง 7 บนพื้นที่มากกว่า 1,059 ไร่ ในจังหวัดชลบุรี เพื่อรองรับการขยายตัวของการลงทุนใน EEC และคาดว่าจะสามารถลงนามในสัญญาร่วมดําเนินงานกับกนอ. สำหรับที่ดินที่ซื้อเพื่อนํามาพัฒนาโครงการนิคมฯ ปิ่นทองโครงการใหม่และพื้นที่ส่วนขยาย รวมทั้งสิ้น 2,000 ไร่ ได้ภายในสิ้นปี 2567 นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังได้เดินสายโรดโชว์พร้อมคว้ารางวัลใหญ่ 3 รายการ ซึ่งจะช่วยเสริมภาพลักษณ์ของบริษัทฯ ให้แข็งแกร่งมากขึ้น และดึงดูดนักลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศได้มากขึ้น
PIN เป็นโอกาสการลงทุนที่น่าสนใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของกำไรสุทธิที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ และราคาหุ้นเฉลี่ยย้อนหลังที่ปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในปี 2567 ราคาหุ้นเฉลี่ยอยู่ที่ 5.61 บาท และในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา ราคาหุ้นเฉลี่ยอยู่ที่ 4.93 บาท อีกทั้ง อัตราส่วน P/E ล่าสุดอยู่ที่ 3.64 และ P/BV ล่าสุดอยู่ที่ 1.8 สะท้อนถึงการประเมินมูลค่าที่ค่อนข้างต่ำ และความสามารถในการสร้างกำไรที่สูง นอกจากนี้ อัตราส่วน D/E อยู่ที่ 0.69 แสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของฐานะการเงินของบริษัทฯ และมีโอกาสในการกู้ยืมเงินจากสถาบันการเงิน และ YIELD ล่าสุดอยู่ที่ 9.83% ซึ่งถือว่าสูง และน่าสนใจสำหรับนักลงทุนที่มองหาผลตอบแทนจากเงินปันผล
**ข้อมูลเพิ่มเติมด้านการเงิน:**
* **รายได้รวม:** ปี 2566 = 1,146.00 ล้านบาท, ปี 2567 = 3,029.19 ล้านบาท (งวด 9 เดือนแรก)
* **กำไรสุทธิ:** ปี 2566 = 324.73 ล้านบาท, ปี 2567 = 1,354.79 ล้านบาท (งวด 9 เดือนแรก)
* **เงินสดสุทธิจากกิจกรรมดำเนินงาน:** ปี 2566 = -1,198.30 ล้านบาท, ปี 2567 = 2,664.52 ล้านบาท (งวด 9 เดือนแรก)
* **เงินสดสุทธิจากกิจกรรมการลงทุน:** ปี 2566 = -113.69 ล้านบาท, ปี 2567 = -261.38 ล้านบาท (งวด 9 เดือนแรก)
* **อัตรากำไรขั้นต้น:** ไตรมาส 3/2566 = 55.7%, ไตรมาส 3/2567 = 55.7%
* **อัตรากำไรสุทธิ:** ไตรมาส 3/2566 = 46.4%, ไตรมาส 3/2567 = 49.7%
* **D/E:** ปี 2566 = 0.69, ปี 2567 = (ข้อมูลล่าสุดไม่ครบ)
**วิเคราะห์โอกาสและความเสี่ยง:**
**โอกาส:**
* **การเติบโตของธุรกิจนิคมอุตสาหกรรม:** PIN ได้ประโยชน์จากการย้ายฐานการผลิตของนักลงทุนต่างชาติ โดยเฉพาะนักลงทุนจากประเทศจีน ที่หันมาลงทุนในประเทศไทย โดยเฉพาะเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC)
* **ความสามารถในการบริหารจัดการต้นทุนและค่าใช้จ่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ:** อัตรากำไรขั้นต้นและกำไรสุทธิที่เพิ่มขึ้น แสดงถึงประสิทธิภาพในการบริหารจัดการต้นทุนและค่าใช้จ่าย
* **ฐานะการเงินที่แข็งแกร่ง:** D/E ที่ต่ำกว่า 1 สะท้อนถึงความแข็งแกร่งของฐานะการเงินและมีโอกาสในการกู้ยืมเงินจากสถาบันการเงิน
* **ผลตอบแทนจากเงินปันผลที่น่าสนใจ:** YIELD ล่าสุดอยู่ที่ 9.83% ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ย
**ความเสี่ยง:**
* **การชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก:** อาจส่งผลกระทบต่อความต้องการของนักลงทุน
* **การแข่งขันที่รุนแรงในอุตสาหกรรมนิคมอุตสาหกรรม:** PIN อาจต้องเผชิญกับการแข่งขันที่รุนแรงจากผู้ประกอบการรายอื่น
* **ความเสี่ยงด้านกฎหมายและระเบียบ:** อาจมีการเปลี่ยนแปลงกฎหมายและระเบียบที่ส่งผลกระทบต่อธุรกิจ
**เหมาะสำหรับนักลงทุนประเภทใด:**
PIN เหมาะสำหรับนักลงทุนที่มองหาการลงทุนระยะยาว เน้นรับเงินปันผล และรอการเติบโตของธุรกิจ โดยเฉพาะนักลงทุนที่สนใจในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และธุรกิจนิคมอุตสาหกรรม
(11.79%)
(23.03%)
(6.71%)
(20.50%)
(20.97%)
(2.04%)
(40.42%)
(13.86%)
(13.82%)
(31.82%)
(126.26%)
(91.82%)