สรุปด้วย AI(O) BOT

## บทสรุปผลประกอบการบริษัท เพิ่มสินสตีลเวิคส์ จำกัด (มหาชน) (PERM) ปี 2567 และการวิเคราะห์

บริษัท เพิ่มสินสตีลเวิคส์ จำกัด (มหาชน) (PERM) รายงานผลประกอบการปี 2567 โดยมีผลขาดทุนสุทธิ 336.60 ล้านบาท ลดลง 14.20% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้าที่มีผลขาดทุน 392.29 ล้านบาท แม้ว่ารายได้รวมจะเพิ่มขึ้นเล็กน้อย 1.75% เป็น 3,686 ล้านบาท โดยหลักมาจากรายได้จากการขายและบริการที่เพิ่มขึ้น 0.92% เป็น 3,643.33 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลจากราคาสินค้าที่เพิ่มขึ้นตามการบริโภคเหล็กภายในประเทศและการลงทุนภาคเอกชนที่ขยายตัว อย่างไรก็ตาม ต้นทุนขายและบริการก็เพิ่มขึ้น 1.79% ตามยอดขายที่เพิ่มขึ้น ในขณะที่ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารลดลงอย่างมีนัยสำคัญ 17.02% เนื่องจากการบริหารจัดการค่าใช้จ่ายที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น แต่ต้นทุนทางการเงิน (ดอกเบี้ยจ่าย) กลับเพิ่มขึ้น 14.37% เนื่องจากการใช้เงินกู้ระยะสั้นและวงเงินกู้ระยะยาวที่เพิ่มขึ้น

ในด้านฐานะการเงิน ณ สิ้นปี 2567 บริษัทมีสินทรัพย์รวม 4,057.25 ล้านบาท ลดลง 4.58% จากปีก่อนหน้า โดยสินทรัพย์ที่ลดลงส่วนใหญ่มาจากสินค้าคงเหลือ ในขณะที่ลูกหนี้การค้าเพิ่มขึ้น 78.56% ตามยอดขายที่เพิ่มขึ้น หนี้สินรวมเพิ่มขึ้น 3.57% เป็น 3,610.49 ล้านบาท เนื่องจากการใช้เงินกู้ยืมระยะสั้นเพื่อซื้อสินค้าจากต่างประเทศ ส่วนของผู้ถือหุ้นลดลง 41.19% เหลือ 437.79 ล้านบาท จากผลขาดทุนสุทธิในปี 2567

สำหรับแผนธุรกิจและกลยุทธ์ในอนาคต รวมถึงการคาดการณ์ที่สำคัญและการตั้งเป้ารายได้หรือยอดขายนั้น ข้อมูลที่ให้มาไม่ได้ระบุถึงรายละเอียดเหล่านี้ อย่างไรก็ตาม จากลักษณะธุรกิจของ PERM ที่เกี่ยวข้องกับการแปรรูปและจำหน่ายเหล็ก ซึ่งเป็นวัสดุสำคัญในอุตสาหกรรมก่อสร้างและอุตสาหกรรมอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง การฟื้นตัวของเศรษฐกิจและการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ น่าจะเป็นปัจจัยบวกต่อความต้องการผลิตภัณฑ์ของบริษัท

## โอกาสและความเสี่ยงในการลงทุน

การพิจารณา PERM เป็นโอกาสในการลงทุนนั้น ต้องพิจารณาปัจจัยหลายด้านประกอบกัน แม้ว่าผลประกอบการในปี 2567 จะยังคงขาดทุน แต่การขาดทุนที่ลดลงเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า และการเพิ่มขึ้นของรายได้ แสดงให้เห็นถึงสัญญาณของการปรับตัวที่ดีขึ้น อย่างไรก็ตาม ตัวเลข D/E ที่สูง บ่งชี้ถึงภาระหนี้สินที่มาก ซึ่งอาจเป็นความเสี่ยงหากบริษัทไม่สามารถสร้างกระแสเงินสดได้อย่างเพียงพอ

**โอกาส:**

* **การฟื้นตัวของเศรษฐกิจ:** การฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศและการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน จะช่วยกระตุ้นความต้องการเหล็ก ซึ่งเป็นปัจจัยบวกต่อรายได้ของ PERM
* **การบริหารจัดการค่าใช้จ่าย:** ความสามารถในการลดค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร แสดงให้เห็นถึงศักยภาพในการปรับปรุงประสิทธิภาพในการดำเนินงาน ซึ่งจะส่งผลดีต่อกำไรในอนาคต
* **P/BV ต่ำ:** ราคาหุ้นปัจจุบันเมื่อเทียบกับมูลค่าทางบัญชี (P/BV) ที่ 0.59 เท่า บ่งชี้ว่าหุ้นอาจมีราคาถูกกว่ามูลค่าที่แท้จริง

**ความเสี่ยง:**

* **ภาระหนี้สินที่สูง:** อัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (D/E) ที่สูง เป็นความเสี่ยงที่สำคัญ เนื่องจากบริษัทอาจมีปัญหาในการชำระหนี้หากผลประกอบการไม่เป็นไปตามเป้าหมาย
* **ความผันผวนของราคาเหล็ก:** ราคาเหล็กในตลาดโลกมีความผันผวน ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อต้นทุนและกำไรของบริษัท
* **P/E ติดลบ:** การที่บริษัทขาดทุนต่อเนื่อง ทำให้ค่า P/E ติดลบ แสดงให้เห็นถึงความไม่แน่นอนของผลกำไรในอนาคต

## ข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อประกอบการพิจารณา

* **ราคาหุ้น:** ราคาหุ้นเฉลี่ยในช่วงไตรมาส 4 ปี 2567 อยู่ที่ 0.70 บาท ซึ่งต่ำกว่าช่วงต้นปีอย่างมาก (ไตรมาส 1 ปี 2564 ราคาหุ้นเฉลี่ยอยู่ที่ 1.65 บาท)
* **YIELD:** อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผล (YIELD) ล่าสุดอยู่ที่ 0% เนื่องจากบริษัทไม่มีการจ่ายเงินปันผลในช่วงที่ผ่านมา
* **วงจรเงินสด:** วงจรเงินสด (Cash Cycle) ที่ยาวนาน บ่งชี้ว่าบริษัทต้องใช้เวลานานในการเปลี่ยนสินค้าคงเหลือและลูกหนี้การค้าเป็นเงินสด ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อสภาพคล่อง

การตัดสินใจลงทุนใน PERM ควรพิจารณาข้อมูลเหล่านี้อย่างรอบคอบ และประเมินความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นควบคู่ไปกับโอกาสในการเติบโตในอนาคต