สรุปด้วย AI(O) BOT

บริษัท เพิ่มสินสตีลเวิคส์ จำกัด (มหาชน) (PERM) ประกาศผลประกอบการไตรมาส 2 ปี 2567 โดยมีรายได้รวม 1,089.36 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 25.83% เมื่อเทียบกับไตรมาส 2 ปี 2566 และมีผลขาดทุนสุทธิ 81.30 ล้านบาท ลดลง 15.63% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน สาเหตุหลักที่ทำให้รายได้เพิ่มขึ้นมาจากการที่ราคาเหล็กปรับตัวสูงขึ้น และความต้องการของลูกค้าเพิ่มมากขึ้น บริษัทมีแผนที่จะปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตและการบริหารจัดการ เพื่อลดต้นทุนการผลิตและควบคุมค่าใช้จ่ายให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น รวมถึงการขยายตลาดไปยังกลุ่มลูกค้าใหม่และเพิ่มช่องทางการจัดจำหน่าย โดยบริษัทตั้งเป้ารายได้รวมในปี 2567 อยู่ที่ 4,500 ล้านบาท

ผลประกอบการของบริษัทในไตรมาส 2 ปี 2567 สะท้อนให้เห็นถึงความท้าทายในตลาดเหล็กที่ยังคงมีการแข่งขันสูง บริษัทมีแผนที่จะปรับกลยุทธ์เพื่อรับมือกับสภาวะตลาดและเพิ่มโอกาสในการทำกำไรในอนาคต อย่างไรก็ตาม บริษัทมีอัตรากำไรขั้นต้นที่สูงถึง 29.05% ในงวด 3 เดือน แสดงให้เห็นถึงความสามารถในการบริหารจัดการต้นทุนและการควบคุมราคาขายได้ดี อัตราส่วนทางการเงินของบริษัทในไตรมาส 2 ปี 2567 แสดงให้เห็นถึงสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง D/E อยู่ที่ 2.75 แสดงให้เห็นว่า บริษัทมีการก่อหนี้สินน้อย และสามารถใช้หนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

PERM อาจเป็นโอกาสการลงทุนที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุนที่มองหาการลงทุนในระยะยาว โดยราคาหุ้นเฉลี่ยย้อนหลัง 1 ปี อยู่ที่ 1.38 บาท P/E ล่าสุดอยู่ที่ -100 P/BV ล่าสุดอยู่ที่ 0.91 YIELD ล่าสุดอยู่ที่ 0% แสดงให้เห็นว่า หุ้น PERM ถูกประเมินราคาต่ำกว่ามูลค่าพื้นฐาน อีกทั้ง บริษัทยังมีแผนการลงทุนเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตและการขยายตลาด ซึ่งคาดว่าจะส่งผลดีต่อผลประกอบการในอนาคต อย่างไรก็ตาม นักลงทุนควรติดตามผลประกอบการและแนวโน้มตลาดอย่างใกล้ชิด เพื่อประกอบการตัดสินใจลงทุน โอกาสการลงทุนสำหรับ PERM อาจเหมาะสำหรับนักลงทุนที่เน้นการลงทุนระยะยาวและสามารถรับความเสี่ยงได้ในระดับหนึ่ง เนื่องจากผลประกอบการยังไม่คงที่ และบริษัทยังอยู่ในช่วงฟื้นตัว โอกาสสำคัญสำหรับ PERM คือ การขยายตลาดในประเทศและต่างประเทศ รวมทั้งการเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิต และความเสี่ยงสำคัญสำหรับ PERM คือ ความผันผวนของราคาเหล็กในตลาดโลก และการแข่งขันที่รุนแรง