สรุปด้วย AI(O) BOT

## บริษัท เพิ่มสินสตีลเวิคส์ จำกัด (มหาชน) (PERM): ผลประกอบการไตรมาส 3 ปี 2567

บริษัท เพิ่มสินสตีลเวิคส์ จำกัด (มหาชน) (PERM) มีผลประกอบการโดยรวมในไตรมาส 3 ปี 2567 และงวดเก้าเดือนที่ผ่านมา โดยในงวดสามเดือนมีผลขาดทุนสุทธิจำนวน 94.85 ล้านบาท เมื่อเปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนซึ่งมีผลขาดทุนสุทธิจำนวน 89.27 ล้านบาท และงวดเก้าเดือนมีผลขาดทุนสุทธิจำนวน 256.17 ล้านบาท เมื่อเปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนซึ่งมีผลขาดทุนสุทธิจำนวน 261.26 ล้านบาท ลดลงจำนวน 5.09 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 1.95 สาเหตุหลักมาจากรายได้จากการขายและบริการลดลง เนื่องจากภาวะอุตสาหกรรมเหล็กเกิดความผันผวน ราคาเหล็กลดลง และลูกค้าชะลอการสั่งซื้อเพื่อรอดูสถานการณ์ราคา ส่งผลให้ยอดขายลดลง ต้นทุนขายและบริการลดลงตามราคาขายเหล็กในตลาด และค่าใช้จ่ายขายและบริหารลดลง เนื่องจากบริษัทมีมาตรการการควบคุมและการบริหารงานอย่างมีประสิทธิภาพ

แผนธุรกิจและกลยุทธ์ในอนาคตของ PERM ยังคงเน้นไปที่การปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิต การบริหารต้นทุน การควบคุมค่าใช้จ่าย และการขยายตลาดไปยังกลุ่มลูกค้าใหม่ เพื่อเพิ่มผลกำไรและสร้างความยั่งยืนให้กับธุรกิจ โดยบริษัทฯ ได้ศึกษาแนวโน้มการเติบโตของตลาดเหล็กทั้งในประเทศและต่างประเทศ รวมถึงการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมเข้ามาช่วยในการผลิตเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ การตั้งเป้ารายได้ในอนาคตจะต้องพิจารณาจากปัจจัยด้านเศรษฐกิจและกำลังซื้อของผู้บริโภค รวมถึงการแข่งขันในตลาดเหล็ก

**วิเคราะห์โอกาสการลงทุนใน PERM:**

จากผลประกอบการไตรมาสล่าสุด และอัตราส่วนทางการเงินย้อนหลัง แสดงให้เห็นว่า PERM กำลังประสบปัญหาในช่วงนี้ โดยมีผลขาดทุนสุทธิต่อเนื่องในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ราคาหุ้นเฉลี่ยในช่วงไตรมาสที่ผ่านมาอยู่ในระดับต่ำ อัตราส่วน P/E เป็นลบ ซึ่งหมายความว่านักลงทุนไม่คาดหวังผลกำไรจากบริษัทในอนาคต และอัตราส่วน P/BV ที่ต่ำกว่า 1 แสดงว่าราคาหุ้นต่ำกว่ามูลค่าสินทรัพย์สุทธิของบริษัท อาจเป็นโอกาสสำหรับการลงทุนแบบ Value Investing หากเชื่อมั่นว่าบริษัทจะฟื้นตัวกลับมาทำกำไรได้ในอนาคต อย่างไรก็ตาม อัตราส่วน D/E ที่สูงกว่า 1 สะท้อนถึงภาระหนี้สินที่สูงของบริษัท ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อผลประกอบการ หากบริษัทมีปัญหาในการชำระหนี้

**โอกาสการลงทุน:**

* **ราคาหุ้นต่ำกว่ามูลค่าสินทรัพย์สุทธิ:** อาจเป็นโอกาสสำหรับการลงทุนแบบ Value Investing
* **ธุรกิจเหล็กมีแนวโน้มเติบโตในระยะยาว:** โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มลูกค้าที่เป็นโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่

**ความเสี่ยงการลงทุน:**

* **ภาวะเศรษฐกิจถดถอย:** อาจส่งผลกระทบต่ออุปสงค์ของเหล็ก
* **ราคาเหล็กผันผวน:** อาจส่งผลกระทบต่อผลกำไรของบริษัท
* **ภาระหนี้สินสูง:** อาจส่งผลกระทบต่อความสามารถในการชำระหนี้

**การลงทุนใน PERM เหมาะสำหรับนักลงทุนประเภทใด?**

PERM อาจเหมาะสำหรับนักลงทุนที่ยอมรับความเสี่ยงสูง และเชื่อมั่นในความสามารถของบริษัทในการฟื้นตัวกลับมาทำกำไรได้ในอนาคต เหมาะสำหรับนักลงทุนระยะยาวที่พร้อมรอการเติบโตของธุรกิจ แต่ไม่เหมาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการรับเงินปันผล เนื่องจาก PERM ไม่จ่ายเงินปันผล และอาจไม่เหมาะสำหรับนักลงทุนเก็งกำไรระยะสั้น เนื่องจากราคาหุ้นอาจผันผวนอย่างมาก

**หมายเหตุ:** ข้อมูลนี้เป็นเพียงข้อมูลเบื้องต้นเพื่อประกอบการตัดสินใจลงทุนเท่านั้น ผู้อ่านควรศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมอย่างละเอียด เช่น งบการเงินรายไตรมาส ข้อมูลเชิงลึกของอุตสาหกรรมเหล็ก และติดตามข่าวสารของบริษัทอย่างใกล้ชิด ก่อนตัดสินใจลงทุน