สรุปด้วย AI(O) BOT

บริษัท วันทูวัน คอนแทคส์ จำกัด (มหาชน) หรือ PEER รายงานผลประกอบการไตรมาส 3 ปี 2567 โดยมีจุดเด่นคือการขายบริษัทย่อยในธุรกิจ Contact Center ออกไปเมื่อวันที่ 30 สิงหาคม 2567 ส่งผลให้มีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นอย่างมาก ทั้งในงวด 3 เดือนและ 9 เดือน นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังได้ลงทุนในบริษัทใหม่ 2 ราย ได้แก่ บริษัท แฮปปิ โปรดักส์ แอนด์ เซอร์วิส จำกัด และ บริษัท เนสท์ติฟลาย จำกัด ซึ่งจะช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจ ในขณะเดียวกัน บริษัทฯ ก็ต้องรับมือกับการปรับโครงสร้างองค์กร รวมถึงตั้งสำรองผลขาดทุนที่คาดว่าจะเกิดขึ้นจากการลงทุนในตราสารทุน

แผนธุรกิจในอนาคตของ PEER เน้นการขยายธุรกิจและการลงทุนในโครงการใหม่ ๆ โดยเฉพาะในธุรกิจ Contact Center และธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยี บริษัทฯ ตั้งเป้ารายได้เติบโตอย่างต่อเนื่อง และคาดว่าจะได้รับประโยชน์จากเทรนด์การเติบโตของธุรกิจ Contact Center ในภูมิภาค อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ยังคงเผชิญกับความท้าทาย เช่น การแข่งขันที่รุนแรงจากผู้เล่นรายอื่นในตลาด และการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี

ผลประกอบการไตรมาส 3 ปี 2567 แสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของ PEER โดยบริษัทฯ มีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ และมีอัตรากำไรสุทธิที่สูง แม้ว่าบริษัทฯ จะมีการขายบริษัทย่อยออกไปก็ตาม แต่การลงทุนในบริษัทใหม่ ๆ ก็จะช่วยให้ธุรกิจมีความยั่งยืน อย่างไรก็ตาม D/E ของบริษัทฯ อยู่ที่ 0.12 ซึ่งต่ำกว่า 1 แสดงให้เห็นถึงฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง ในขณะเดียวกัน P/E ของบริษัทฯ อยู่ที่ 2486.81 สูงกว่า 35 ซึ่งบ่งบอกถึงความคาดหวังของนักลงทุนที่อยู่ในระดับสูง เงินสดสุทธิจากกิจกรรมดำเนินงานของบริษัทฯ อยู่ที่ 90.81 ล้านบาท แสดงถึงความสามารถในการสร้างกระแสเงินสดจากการดำเนินงาน อย่างไรก็ตาม เงินสดสุทธิจากกิจกรรมการลงทุนติดลบ 171.22 ล้านบาท แสดงให้เห็นว่าบริษัทฯ มีการลงทุนต่อยอดธุรกิจ โดยรวมแล้ว PEER มีความน่าสนใจ แต่ P/E ที่สูง และการลงทุนต่อยอดธุรกิจที่อาจส่งผลต่อผลประกอบการในอนาคต ทำให้เหมาะกับนักลงทุนที่ต้องการลงทุนระยะยาวและมีทนต่อความเสี่ยงสูง

**โอกาส**
* PEER มีฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง
* บริษัทฯ มีความเชี่ยวชาญในธุรกิจ Contact Center
* ธุรกิจ Contact Center มีแนวโน้มการเติบโตอย่างต่อเนื่อง

**ความเสี่ยง**
* การแข่งขันในตลาดสูง
* การเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี
* การลงทุนในโครงการใหม่ ๆ อาจส่งผลกระทบต่อผลประกอบการ