สรุปด้วย AI(O) BOT

บริษัท ณุศาศิริ จำกัด (มหาชน) หรือ NUSA ประกาศผลประกอบการในไตรมาส 3 ปี 2567 โดยรายได้รวม 914 ล้านบาท ลดลง 29% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน สาเหตุหลักมาจาก รายได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์ลดลงเนื่องจากไม่มีการขายที่ดินเปล่าในปีนี้ บริษัทย่อยหยุดดำเนินกิจการให้บริการทางการแพทย์และนําทรัพย์สินไปให้เช่า ส่งผลให้รายได้จากการขายลดลงอย่างมาก และรายได้ดอกเบี้ยรับจากกิจการที่เกี่ยวข้องกันลดลง เนื่องจากมีการตั้งค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญส่วนที่เพิ่มขึ้น บริษัทฯ มีผลขาดทุนสุทธิ 499 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 73% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน บริษัทฯ มีสินทรัพย์รวม 15,188 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อน เนื่องจากการจําหน่ายอสังหาริมทรัพย์และการตั้งค่าเผื่อมูลค่าสินค้าลดลง ส่วนหนี้สินรวม 5,799 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน โดยส่วนใหญ่เป็นการเพิ่มขึ้นจากเงินกู้ยืมระยะสั้นกิจการที่เกี่ยวข้องกัน บริษัทฯ มีอัตราส่วนหนี้สินต่อทุนที่ 0.62 เพิ่มขึ้นจากปีก่อน

แผนธุรกิจและกลยุทธ์ของ NUSA ในอนาคต เน้นการบริหารจัดการค่าใช้จ่ายภายในโครงการให้สอดคล้องกับยอดขายและบริการที่ลดลง รวมถึงการควบคุมหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ย บริษัทฯ คาดการณ์ว่าสถานการณ์ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในประเทศจะฟื้นตัวในอนาคต ซึ่งจะส่งผลดีต่อรายได้ของบริษัทฯ โดยตั้งเป้ารายได้และยอดขายจะเพิ่มขึ้นในปี 2568

NUSA ถือเป็นโอกาสการลงทุนในระยะยาวที่น่าสนใจ เนื่องจากราคาหุ้นปัจจุบันอยู่ที่ระดับต่ำโดยมี P/BV เท่ากับ 0.35 และ P/E ล่าสุดเป็นลบ หมายถึงนักลงทุนมีความคาดหวังต่ำต่อผลประกอบการของบริษัทฯ แม้บริษัทฯจะมี D/E เท่ากับ 0.62 แสดงให้เห็นว่าบริษัทฯ มีฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง บริษัทฯ มีเงินสดสุทธิจากกิจกรรมดำเนินงานเป็นลบ 67.78 ล้านบาทและเงินสดสุทธิจากกิจกรรมการลงทุนเป็นลบ 216.27 ล้านบาท ซึ่งแสดงให้เห็นว่าบริษัทฯ ยังคงลงทุนในธุรกิจอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม NUSA ยังมีความเสี่ยงบางประการที่นักลงทุนต้องพิจารณา เช่น

* **ความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงของนโยบายภาครัฐ**: นโยบายของภาครัฐที่มีผลต่อตลาดอสังหาริมทรัพย์อาจส่งผลกระทบต่อผลประกอบการของบริษัทฯ
* **ความเสี่ยงจากการแข่งขันในตลาด**: ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในประเทศมีการแข่งขันสูง
* **ความเสี่ยงจากการบริหารจัดการ**: การบริหารจัดการโครงการอย่างมีประสิทธิภาพเป็นปัจจัยสำคัญในการสร้างผลกำไร

NUSA เหมาะสำหรับนักลงทุนที่ยอมรับความเสี่ยงในระยะสั้น เพื่อรอการเติบโตของบริษัทฯ ในระยะยาว เนื่องจากราคาหุ้นปัจจุบันต่ำกว่ามูลค่าพื้นฐาน อีกทั้งบริษัทฯ มีฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง