MGT
บริษัท เมกาเคม (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)

Oppday

ไตรมาสที่ 3 ปี 2568

สรุป OPPDAY

เจาะลึก MGT: สรุป Oppday ไตรมาส 3 ปี 2568, โอกาส, ความเสี่ยง, และอนาคต

Oppday ของ Mega Chem Thailand Public Company Limited จัดขึ้นเมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่ออัปเดตข้อมูลและแนวโน้มธุรกิจแก่นักลงทุน

1. ภาพรวมผลกระทบต่อธุรกิจ (Business Impact Overview):

บริษัท Mega Chem Thailand Public Company Limited ประกอบธุรกิจ Chemical Distributor และ Chemical Solution Provider ทุนจดทะเบียน 200 ล้านบาท เข้า IPO วันแรก 23 กุมภาพันธ์ 2560 ตัวย่อในตลาดหลักทรัพย์คือ MGT (สีเขียว) Par Value 0.5 บาทต่อหุ้น ตั้งอยู่ที่นิคมอุตสาหกรรมลาดกระบัง

  • ผลกระทบเชิงบวก: ยอดขายโตขึ้น 13.9% จากปีก่อนหน้า (270 ล้านบาท เป็น 311 ล้านบาท)
  • กำไรขั้นต้นโต 12% (83 ล้านบาท เป็น 93 ล้านบาท)
  • EBITDA โต 31% (29 ล้านบาท เป็น 38 ล้านบาท)
  • Net Profit โต 38.89% (18 ล้านบาท เป็น 25 ล้านบาท)

ปัจจัยสำคัญ: การเติบโตของยอดขาย, กำไรขั้นต้น, EBITDA และ Net Profit แสดงให้เห็นถึงผลการดำเนินงานที่ดีของบริษัท

2. โอกาสทางธุรกิจ (Business Opportunities):

  • บริษัทมุ่งมั่นในการเป็นผู้จัดจำหน่าย Specialty Chemicals ชั้นนำ
  • มองหาบริษัทที่จะร่วมงานหรือเป็นพาร์ทเนอร์เพิ่มเติม
  • ขยาย Portfolio ให้มากขึ้น
  • เพิ่มส่วนแบ่งทางการตลาด (Market Share) โดยการ Acquire Supplier ใหม่
  • เน้นการเติบโตในกลุ่ม Life Science (อาหาร, ยา, Personal Care)

กลยุทธ์: การควบรวมกิจการ (M&A), การร่วมทุน (Joint Venture) และการขยายตลาดไปยังกลุ่มธุรกิจใหม่ๆ

3. ความเสี่ยงที่กำลังเผชิญ (Risks and Challenges):

  • เศรษฐกิจชะลอตัว และค่าเงินผันผวน
  • การแข่งขันด้านราคาสินค้าเคมีจากจีน
  • ความไม่แน่นอนของสถานการณ์โลก

ผลกระทบ: อาจส่งผลกระทบต่อ Gross Profit Margin และความสามารถในการทำกำไรของบริษัท

4. วิธีการแก้ไขปัญหาผลกระทบ (Problem-Solving and Mitigation):

  • เพิ่มความเข้มงวดในการใช้จ่าย
  • จำกัดการเติบโตของค่าใช้จ่าย (Expense)
  • เน้นการให้บริการ (Service) ที่มี Value แก่ลูกค้า
  • พัฒนาสินค้าและบริการใหม่ๆ ที่มี Innovation
  • สร้างความเชื่อมั่น (Trust) กับลูกค้า

แผนการดำเนินการ: การปรับโครงสร้างองค์กร, การใช้เทคโนโลยี และการบริหารจัดการต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ

5. แนวโน้มและอนาคต (Outlook and Future Trends):

  • Digital Transformation (AI, Data Center)
  • Sustainability (ESG, Carbon Emission, Good Governance)
  • Resilience Supply Chain

วิสัยทัศน์: เป็น Chemical Solution Provider ชั้นนำในระดับสากล โดยเน้นเทคโนโลยี, ความยั่งยืน และการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้า

6. ช่วงถาม-ตอบ (Q&A Session): [00:33:59]

  1. SPD Biotech
    • คำถาม: ช่วยอธิบายการเข้าลงทุนใน SPD Biotech และแผนงานที่วางไว้
    • คำตอบ: SPD Biotech เป็นบริษัท distribute และ service อุปกรณ์ Lab equipment และ consumable ในห้อง Lab ก่อตั้งปี 2564 มีแผนเพิ่ม product portfolio จัดการข้างหลังให้หมดในเรื่อง operations, accounting, finance, IT วาง Data warehouse และช่วยในเรื่อง strategy
  2. เป้าปี 2569
    • คำถาม: แผนปี 2569
    • คำตอบ: ปีหน้าโตเกือบ 20% จากปี 2568 ยิ่งปีหน้ารัฐบาลออกมาหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการเติบโตของเศรษฐกิจเรา GDP ปีหน้าน่าจะต่ำกว่า 2% อาจจะต่ำกว่าปี 2568 ด้วยซ้ำ แต่ MGT รู้ว่าเมื่อไหร่ก็ตามที่วิกฤตโอกาสจะเปิดเสมอ
  3. Project ลงทุน
    • คำถาม: อัปเดต Project ที่ไปลงทุน
    • คำตอบ: A Bio ที่ไปลงทุนที่เกาหลีปิดการเพิ่มทุนไปอีกรอบ มูลค่าเพิ่มขึ้นตอนนี้ประมาณ 50% การลงทุนนั้นก็ยังโอเคอยู่ ยังมีแผน IPO ใน 2 ปี ส่วน Performance เขาเนี่ยยอดขายก็โตขึ้น Geos ย้ายจากสิงคโปร์ไปเกาหลี ไปตั้งฐานผลิตที่นู่น กำลัง partner อยู่กับ supplier ใหญ่ ๆ ของ OEM รถยนต์เช่น Hyundai หรือ Volkswagen
  4. รายได้ปี 2568
    • คำถาม: คาดว่ารายได้ปีนี้ยังคงเติบโตตามเป้าหมายไหม
    • คำตอบ: รายได้ปีนี้ก็ยังคงเป็นไปตามเป้า น่าจะโตกว่าปีที่แล้ว และ NP เราก็โตกว่าปีที่แล้ว Q3 เราก็โตกว่าปีที่แล้ว และเดือน 10 เราก็ดีขึ้น เป็นไปตามแผน
  5. Mega Fuji Graphite
    • คำถาม: อัปเดต Mega Fuji Graphite
    • คำตอบ: Mega Fuji Graphite กำลังติดตั้งเครื่องจักร ทำเรื่อง facility ต่าง ๆ ในโรงงาน ระบบน้ำเสีย อาจจะ delay จากแผนนิดนึงในเรื่องของการผลิต แต่ปีหน้าผลิตแน่นอน อาจจะเป็นเดือน 2 เดือน 3 ปีหน้า เขาเร่งเห็นรูปเห็นร่างแล้ว เรื่อง reactor, future place จะเป็นแบบไหน recycle น้ำกลับมาใช้ยังไงบ้าง ปีหน้า plan ไว้ประมาณ 36 ล้าน
  6. แผน M&A เพิ่มเติม
    • คำถาม: แผนขยาย M&A เพิ่มเติมในกลุ่มที่มีศักยภาพสูง เช่น อาหาร ยา Wellness เพื่อลดความเสี่ยงจากอุตสาหกรรมหนัก
    • คำตอบ: สัดส่วนรับรู้รายได้ของเราตอนนี้ส่วน industrial หรืออุตสาหกรรมหนักเนี่ย อยู่ที่ประมาณ 40 กว่า% ส่วนพวก life science ทั้งหมดอาหารยาไม่ว่าจะเป็น personal care หรืออะไรก็แล้วแต่เนี่ยอยู่ที่ประมาณ 55% ซึ่งจากปีที่แล้วเนี่ยอุตสาหกรรมของเราเนี่ยอยู่ที่ประมาณ 50 กว่า% ตามสัดส่วนลดลงจากปีที่แล้ว แล้วเราก็ยังเห็นอยู่ว่าจริง ๆ ปีนี้ตลาดไม่ได้โตเลย ตลาด personal care เอง ตลาด life science เองเนี่ยไม่ได้โต แต่ว่าเราโต
  7. ราคาหุ้นตก
    • คำถาม: ราคาหุ้น MGT ตก บริษัทมีนโยบายซื้อหุ้นคืนไหม
    • คำตอบ: ข้อนี้เก็บไปไม่ตอบละกัน
  8. ผู้บริหารหนุ่ม
    • คำถาม: ดีใจแทนที่ลูกชายมาช่วยทำางาน
    • คำตอบ: คุณวริทธิ์จบ Finance มาจากอเมริกา ทำมาได้ 5 ปี ดูแลเรื่องการลงทุนอยู่ ตอนนี้ขึ้นมาเป็น CFO ปีแรก จบทางด้านการเงิน คุณวริทธิ์จะเรียนระบบของ American ระบบ IB จบ High school ที่โรงเรียน ISB เรียน IB เสร็จแล้วก็ไปต่อที่ Boston University Business School ก็คือ Questrom Business School ในเรื่องของ Finance ก็มาช่วย
  9. เศรษฐกิจชะลอตัว/สินค้าจีน
    • คำถาม: เศรษฐกิจชะลอตัว/ค่าเงินผันผวน ต้นทุน สินค้าจีนทุ่มตลาด
    • คำตอบ: เราก็ pricing ไว้ อยู่ในกลยุทธ์เรา แพลนไว้เหมือนกัน Gross Profit Margin ของเรามันเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด ถ้าเราจะขายของเนี่ยเราอยากจะขายของให้มันมี value ให้เกิด value กับลูกค้า และเกิด value กับ Supply chain ของเราทั้งหมดเนี่ย มันก็อยู่ที่ service ของเรา Service ของเราเนี่ยเป็นสิ่งแรกที่ลูกค้าจะเห็น และแต่ต้องได้ Service ของเราเนี่ยพัฒนาขึ้นไปเรื่อย ๆ ในส่วนของการทำเรื่องของ R&D เรื่อง formulation เรื่องการตอบสนอง เรื่อง Behavior tracking ของบริษัทเราเนี่ยวัดผลได้แล้ว ตอบได้จริงว่า return ของเราเนี่ยมันดีขึ้นหรือเปล่า ส่วนการทุ่มตลาดของสินค้าที่มาจากจีนนะครับ ตอนนี้มันเกิดขึ้นอยู่แล้วครับ แล้วมันก็เกิดกระทบเราด้วยบางส่วนครับ แต่เราก็พยายามจะหา product อื่น ๆ หรือ product ใหม่ ๆ ที่สามารถพัฒนา และไปต่อได้ครับ เพื่อที่จะเพิ่ม margin ของเราให้คงอยู่ที่ประมาณ 30% ตอนนี้ลูกค้าจริง ๆ หลัก ๆ ถ้าเรารวมพวกของเครดิตเทอมหรืออะไรด้วยแล้วเนี่ย margin เราตก แต่ว่าเราก็ต้องขายของที่มันมีมูลค่าสูงขึ้น เราก็ต้องไปหาของที่มี Innovation มากขึ้น เราก็ต้องติดต่อกับ supplier ให้มากขึ้นว่า เราต้องการ Innovation ส่วนนี้ เราต้องการ cost down ส่วนนี้ มันเป็นทั้ง 2 ขาแล้วครับ มันเป็นทั้ง Value chain แล้วครับว่า ทุกคนเนี่ยก็ต้อง compromise ซึ่งกันและกัน ว่าถ้าเราจะเดินกันไปด้วยกันต่อเนี่ย ยังไงเราก็ต้อง Add Value แล้วก็ cost down ให้ได้ครับ ทางบริษัทก็ตระหนักตรงนี้อยู่ สินค้าจากจีนมีผลกระทบกับธุรกิจเรา แต่เรื่องความเชื่อใจความเชื่อใจเนี่ยเป็นสิ่งสำคัญในการทำธุรกิจ เพราะว่า เราบอกว่าทำยังไงบอก do it right ให้สินค้าตัวไหนมาตรฐานอย่างที่เรา commitment ไว้ เราก็ต้องทำตามนั้น ลูกค้าซื้อของจาก MTT หรือใช้บริการของ MTT เนี่ยจะนอนหลับสบายไม่มีปัญหาไม่กังวล แต่ถ้าใช้จากของคนอื่นแล้วเนี่ยซึ่งคุณภาพมันไม่คงที่ เนี่ยเพราะฉะนั้นการที่ที่เขามา Production สินค้าเขาแล้วเนี่ย เขาจะไม่ concern ไม่คิดว่าราคาถูกแล้วจะใช้ อย่างเดียว ไม่ใช่ ต้องคิดทั้งเป็น ทั้ง eco system เราเป็น Chemical Solution Provider

โดยสรุป, Mega Chem Thailand Public Company Limited ยังคงมีศักยภาพในการเติบโต แม้จะเผชิญกับความท้าทายจากปัจจัยภายนอกต่างๆ บริษัทมีแผนการที่ชัดเจนในการแก้ไขปัญหา และใช้ประโยชน์จากโอกาสทางธุรกิจที่เกิดขึ้น เพื่อสร้างการเติบโตที่ยั่งยืนในอนาคต