สรุป OPPDAY หุ้น LALIN
Oppday
สรุป OPPDAY
LALIN สรุป Oppday ปี 2567 ไตรมาส 3: เจาะลึกผลประกอบการ โอกาส และความท้าทาย พร้อมวิสัยทัศน์ปี 2568
สวัสดีครับนักลงทุน นักวิเคราะห์ และผู้ถือหุ้นทุกท่าน ขอต้อนรับเข้าสู่งาน Opportunity Day ของบริษัท ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) โดยในวันนี้ คุณเสรี สินธุอุทัย กรรมการ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ได้เข้าร่วมการประชุม พร้อมด้วยคุณณัฐกิตติ์ พงศ์สถาพร Senior Financial Executive ซึ่งเป็นผู้ร่วมแถลงผลประกอบการในวันนี้
Topic ที่นำเสนอในวันนี้
- Company Overview: ภาพรวมบริษัทโดยสังเขป
- Project: โครงการที่ดำเนินการในปัจจุบัน
- Financial Highlight: ผลการดำเนินงานไตรมาส 3 และภาพรวม 3 ไตรมาสที่ผ่านมา เปรียบเทียบกับปีก่อนหน้า
- เงินปันผล: การจ่ายเงินปันผลให้ผู้ถือหุ้น
- Q&A: ช่วงถาม-ตอบ
ภาพรวมบริษัท (Company Overview)
บริษัท ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ ประกอบธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ มีทุนจดทะเบียนอยู่ที่ 925 ล้านบาท กลุ่มเป้าหมายหลักคือลูกค้ากลุ่ม Medium-Low ถึง Medium-High แบรนด์ที่จัดจำหน่ายมีความหลากหลาย ตั้งแต่ ลลิล กรีนวิลล์, บ้านลลิล, บ้านบุรีรมย์, The Balcony, Lancia, Lio รวมถึงแบรนด์คอนโดมิเนียมอย่าง Livo และ The Lift ซึ่งปัจจุบันไม่ได้จัดจำหน่ายแนวสูงแล้ว แต่เน้นแนวราบทั้งหมด
คณะกรรมการบริษัทปัจจุบันมีทั้งหมด 8 ท่าน โดยมีคุณทวีศักดิ์เป็นประธานกรรมการ และคุณชัยยันต์ ชาครากุลเป็นประธานกรรมการบริหาร
แบรนด์และกลุ่มเป้าหมาย (Brand and Target Group)
แบ่งตาม Product หลักๆ เป็น 2 กลุ่ม:
- Townhome: จัดจำหน่ายผ่านแบรนด์ Lio เริ่มต้นที่ 2 ล้านบาทขึ้นไป และ Lio Bliss ระดับพรีเมียม เริ่มต้นที่ 2.5 ล้านบาทขึ้นไป
- บ้านเดี่ยวและบ้านแฝด: จัดจำหน่ายผ่านแบรนด์หลัก 3 แบรนด์ ได้แก่ Lancia Crib (3-6 ล้านบาท), บ้านลลิล The Bliss (5-8 ล้านบาท), และลลิล Green Ville (8-12 ล้านบาท)
โครงการที่ดำเนินการ (Active Projects)
มีจำนวนทั้งสิ้น 82 โครงการ แบ่งเป็น 62 โครงการในกรุงเทพฯ และปริมณฑล และ 20 โครงการในจังหวัดอื่นๆ ได้แก่ ชลบุรี (10 โครงการ), ระยอง (3 โครงการ), ฉะเชิงเทรา (2 โครงการ), นครราชสีมา (1 โครงการ), สมุทรสาคร (2 โครงการ), และราชบุรี (2 โครงการ)
โครงการใหม่ที่เปิดตัวในปี 2567
5 ปีที่ผ่านมา เปิดโครงการ 47 โครงการ มูลค่ารวม 33,000 ล้านบาท
ปี 2567 มีแผนเปิด 8 โครงการ มูลค่า 5,120 ล้านบาท แบ่งเป็น Townhome 5 โครงการ (2,830 ล้านบาท) และบ้านเดี่ยว/บ้านแฝด 2,290 ล้านบาท
ณ เดือนพฤศจิกายน 2567 เปิดแล้ว 5 โครงการ:
- Townhome 1 โครงการ (600 ล้านบาท)
- บ้านเดี่ยว/บ้านแฝด 2 โครงการ (1,220 ล้านบาท)
- บ้านเดี่ยว/บ้านแฝดและ Townhome 2 โครงการ (1,600 ล้านบาท)
รวมมูลค่า 3,420 ล้านบาท
โครงการที่เปิดขายในปี 2567
- Lio ราชพฤกษ์ 345: Townhome 249 ยูนิต พื้นที่ 23 ไร่ มูลค่า 600 ล้านบาท
- Lancia Bliss บางนา ศรีวารีน้อย: บ้านเดี่ยว/บ้านแฝด 182 ยูนิต พื้นที่ 34 ไร่ มูลค่า 820 ล้านบาท
- Lancia Crib เศรษฐสิริ ไร่ขิง 2: บ้านเดี่ยว/บ้านแฝด 82 ยูนิต พื้นที่ 16 ไร่ มูลค่า 400 ล้านบาท
- ลลินทาวน์ พัทยาจอมเทียน: บ้านเดี่ยว/บ้านแฝด/Townhome 228 ยูนิต พื้นที่ 26 ไร่ มูลค่า 600 ล้านบาท
- ลลิน Town Bliss บางนา เทพารักษ์ 2: บ้านเดี่ยว/บ้านแฝด/Townhome 305 ยูนิต พื้นที่ 34 ไร่ มูลค่า 1,000 ล้านบาท
Financial Highlight ไตรมาส 3 ปี 2567
- รายได้รวม: 708 ล้านบาท ลดลง 14% (QoQ) และ 31% (YoY)
- ต้นทุนขาย: 434 ล้านบาท
- กำไรขั้นต้น: 274 ล้านบาท
- ค่าใช้จ่ายในการขาย: 53.5 ล้านบาท ลดลง 3% (QoQ) และ 16% (YoY)
- ค่าใช้จ่ายในการบริหาร: 67 ล้านบาท ลดลง 5% (QoQ) และ 8.8% (YoY)
- ภาษีธุรกิจเฉพาะและค่าธรรมเนียมโอน: 23.63 ล้านบาท
- ค่าใช้จ่ายทางการเงิน: 6.7 ล้านบาท
- กำไรสุทธิ: 98.7 ล้านบาท ลดลง 23% (QoQ) และ 45.6% (YoY)
ทั้งนี้ เป็นไปในทิศทางเดียวกับตลาด โดย 47 บริษัทในตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่ทำธุรกิจประเภทเดียวกัน พบว่าส่วนใหญ่มีผลประกอบการลดลงเช่นกัน มากกว่า 20 บริษัทมีผลประกอบการขาดทุน และ 4-5 บริษัทมีกำไรไม่ถึง 100 ล้านบาทในช่วง 9 เดือนแรก
อัตราส่วนทางการเงินที่สำคัญ
- Gross Profit Margin (ไตรมาส 3): 38.7% ลดลงจากช่วงก่อนหน้าที่ 38.9-39% แต่ยังสูงกว่าค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรม (ต่ำกว่า 30%)
- Selling Expense ต่อ Revenue (ไตรมาส 3): 7.6% เพิ่มขึ้นเล็กน้อยเนื่องจากมีแผนเปิดโครงการใหม่
- กำไรสุทธิ: 14% สูงกว่าค่าเฉลี่ยของ 47 บริษัทในตลาด (ไม่ถึง 10%)
ผลการดำเนินงาน 9 เดือนแรก ปี 2567
- รายได้รวม: 2,261 ล้านบาท ลดลง 18% (YoY)
- ต้นทุนขาย: 1,383 ล้านบาท
- กำไรขั้นต้น: 878.2 ล้านบาท
- Gross Profit Margin: 38.8%
- Selling Expense ต่อ Revenue: 7.5% (ไม่เปลี่ยนแปลงจากปีก่อน)
- ค่าใช้จ่ายในการบริหาร: 207 ล้านบาท (ลดลงจาก 216 ล้านบาทในปีก่อน)
- ภาษีธุรกิจเฉพาะและค่าธรรมเนียมโอน: 78.1 ล้านบาท
- ค่าใช้จ่ายทางการเงิน: 23 ล้านบาท
- กำไรสุทธิ: 320.8 ล้านบาท
- Net Profit Margin: 14.2%
Balance Sheet (ณ สิ้นไตรมาส 3 ปี 2567)
- เงินสด: 34 ล้านบาท
- Inventory: 1,417 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 1.3%)
- ที่ดินรอการพัฒนา: 3,076 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 6.2%)
- สินทรัพย์รวม: 17,646 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 1.9%)
- หนี้สินระยะสั้น: 3,059 ล้านบาท (รวมหุ้นกู้ที่จะครบกำหนดภายใน 1 ปี)
- หนี้สินระยะยาว: 3,286 ล้านบาท
- Equity: 9,455 ล้านบาท (เพิ่มขึ้นเล็กน้อย)
อัตราส่วนทางการเงินที่สำคัญ
- DE Ratio: 0.87 เท่า (ค่าเฉลี่ยตลาดเกือบ 1.6 เท่า)
- Net DE Ratio: 0.67 เท่า (ต่ำมาก)
ในปี 2567 บริษัทได้ชำระหุ้นกู้ครบกำหนด 2,300 ล้านบาท และมี BE ครบกำหนดอีก 700-800 ล้านบาท รวมเป็นหนี้สินที่ครบกำหนดประมาณ 3,000 ล้านบาท โดยบริษัทสามารถชำระคืนได้ทั้งหมดโดยไม่มีการออกหุ้นกู้ใหม่
สำหรับปี 2568 มีหุ้นกู้ครบกำหนดอีกประมาณ 2,000 ล้านบาท ซึ่งบริษัทมีวงเงินรองรับจากธนาคาร (Committed Line) ไว้แล้วทั้งหมด
นโยบายการจ่ายเงินปันผล
บริษัทมีการจ่ายเงินปันผลอย่างต่อเนื่องทุกปี เนื่องจากมีผลประกอบการเป็นบวกมาโดยตลอด โดยปกติจะจ่าย Dividend Payout Ratio ประมาณ 40% แต่หากปีใดผลประกอบการลดลง อาจขยับขึ้นไปเกิน 50% เพื่อให้ผลตอบแทนแก่ผู้ถือหุ้นอยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม ในปี 2567 จ่ายเงินปันผลรวม 0.34 บาทต่อหุ้น และจ่าย Interim Dividend สำหรับครึ่งปีแรก 0.14 บาทต่อหุ้น
ช่วงถาม-ตอบ (Q&A Session) [เริ่ม Q&A นาทีที่ 44:30]
- Backlog ณ สิ้นไตรมาส 3: มีอยู่ราว 900 ล้านบาท (เกือบ 1,000 ล้านบาท) คาดว่าจะรับรู้รายได้เกือบทั้งหมดในไตรมาส 4
- ตลาดในไตรมาส 4: มองบวก คาดว่าผลประกอบการจะดีขึ้นกว่าไตรมาส 3 และไตรมาส 3 น่าจะเป็นจุดต่ำสุด (Bottom Out)
- แผนซื้อที่ดินปี 2568-2569: ตั้งงบประมาณไว้ราว 500-1,000 ล้านบาท (อาจเปลี่ยนแปลงตามสถานการณ์ตลาด)
- อัตราการดูดซับ (Absorption Rate): ชะลอลง (เช่นเดียวกับตลาด) เนื่องจาก Rejection Rate สูงขึ้น
- ปัจจัยบวก/ลบปี 2568:
- ปัจจัยลบ: ภาวะหนี้ครัวเรือน และความเข้มงวดของธนาคารพาณิชย์
- ปัจจัยบวก: นโยบายรัฐบาล (AMC), อัตราดอกเบี้ย, และภาวะเศรษฐกิจที่คาดว่าจะปรับดีขึ้น
- Rejection Rate: ปัจจุบันอยู่ที่ราว 40-50% (สูงกว่าปกติ) คาดว่าจะดีขึ้นเล็กน้อยในปี 2568
- Turnaround ของกลุ่มอสังหาฯ: คาดว่า Q3/2567 เป็นจุดต่ำสุด และจะ Turnaround ตั้งแต่ Q4/2567 และปี 2568 จะขยายตัวได้ดีกว่าปีนี้
- แผนเปิดโครงการใหม่: เตรียมไว้แล้วอย่างน้อย 1 โครงการ (ทดแทนโครงการเดิม) คาดว่าจะเปิดได้ในเดือนมกราคม 2568
สรุปภาพรวมจาก Oppday
แม้ผลประกอบการไตรมาส 3 ปี 2567 ของ LALIN จะปรับตัวลดลง แต่บริษัทยังคงรักษาอัตรากำไรที่ดีเมื่อเทียบกับอุตสาหกรรม โดยมีแผนที่จะฟื้นตัวในไตรมาส 4 และเติบโตอย่างต่อเนื่องในปี 2568 จากปัจจัยบวกต่างๆ เช่น นโยบายรัฐบาล และการบริหารจัดการหนี้สินอย่างมีประสิทธิภาพ บริษัทมีความมุ่งมั่นที่จะสร้างผลตอบแทนที่ดีให้แก่ผู้ถือหุ้น และพร้อมรับมือกับความท้าทายที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต
หัวข้อที่ถามและคำตอบจากผู้บริหาร
- Backlog และการส่งมอบ: แบล็คล็อกเท่าไหร่ คาดว่าจะส่งมอบในปีนี้ประมาณเท่าไหร่
- ตลาดในไตรมาส 4: ตลาดในไตรมาส 4 เป็นยังไง เมื่อเทียบกับไตรมาส 3
- แผนซื้อที่ดิน: แผนการซื้อที่ดิน ในส่วนของปี 69 และ 70
- Absorption rate: absorption rate ตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง
- ปัจจัยบวกปัจจัยลบปีหน้า: จะถามถึงปัจจัยบวก ปัจจัยลบสำหรับมองไปถึงในปีหน้า
- Rejection rate ปัจจุบันและแนวโน้มปีหน้า: Rejection rate นะครับ ของปัจจุบันเนี่ยอยู่ที่เท่าไหร่ นะครับ แล้วก็แนวโน้มในปีหน้า เนี่ยจะเป็นยังไง
- Turnaround กลุ่มอสังหา: กลุ่มอสังหา คิดว่าจะ turnaround ประมาณปีไหน