KTB
ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน)

สรุปงบการเงิน
ไตรมาสที่ 2 ปี 2567

สรุปสั้น

นาคารกรุงไทย (KTB) ประกาศผลประกอบการไตรมาส 2/2567 แสดงถึงการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยมีกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของธนาคาร 11,195 ล้านบาท ใกล้เคียงกับไตรมาสที่ผ่านมา แม้รายได้รวมจะลดลงเล็กน้อย สินเชื่ออยู่ในระดับใกล้เคียงกับปี 2566 แต่ลดลงจากไตรมาสก่อนหน้า เนื่องจากการชำระคืนสินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่และสินเชื่อภาครัฐ

ค่าใช้จ่ายดำเนินงานอื่น ๆ ลดลง 7.3% จากการบริหารจัดการค่าใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้ Cost to Income Ratio เท่ากับ 41.7% สินเชื่อด้อยคุณภาพปรับลดลงเหลือ 98,701 ล้านบาท NPL อยู่ที่ 3.12% และธนาคารยังคงรักษา Coverage Ratio ในระดับสูงที่ 181% เพื่อรองรับความผันผวนทางเศรษฐกิจ

ธนาคารคาดว่าแนวโน้มความต้องการสินเชื่อจะเริ่มขยายตัวมากขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปี ธนาคารกรุงไทยเป็นธนาคารพาณิชย์เต็มรูปแบบ มีฐานลูกค้าที่แข็งแกร่ง และมีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ อย่างไรก็ตาม นักลงทุนควรตระหนักถึงความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับการลงทุนในหุ้นธนาคาร เช่น ความผันผวนของตลาดหุ้น และผลกระทบจากนโยบายเศรษฐกิจ


ผู้เขียน อจน. นุ้ย

สรุปด้วย AI(O) BOT

ธนาคารกรุงไทย (KTB) มีกำไรสุทธิในไตรมาสที่ 2 ปี 2567 อยู่ที่ 11,195 ล้านบาท ซึ่งใกล้เคียงกับไตรมาสที่ 1 ปี 2567 แม้ว่ารายได้รวมจะลดลงเล็กน้อย เนื่องจากสินเชื่อลดลงจากการชำระคืนของสินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่และสินเชื่อภาครัฐ ธนาคารเน้นการบริหารจัดการคุณภาพสินทรัพย์อย่างยืดหยุ่นและระมัดระวัง รักษา Coverage Ratio ในระดับสูงที่ 181.1% เพื่อรองรับความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ สินเชื่อด้อยคุณภาพลดลงเหลือ 98,701 ล้านบาท และ NPL Ratio อยู่ที่ 3.12% ธนาคารยังคงมุ่งเน้นการบริหารจัดการค่าใช้จ่ายในองค์รวมอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งส่งผลให้ Cost to Income Ratio เท่ากับ 41.7%

ในไตรมาส 2/2567 ธนาคารมีรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ 29,561 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.7% จากไตรมาสที่ 1/2567 สินเชื่อเติบโตในกลุ่มลูกค้ารายย่อย ในขณะที่มีการชำระคืนสินเชื่อของธุรกิจขนาดใหญ่และภาครัฐ ธนาคารมีอัตราผลตอบแทนสุทธิต่อสินทรัพย์ที่ก่อให้เกิดรายได้ (NIM) เท่ากับ 3.37% เทียบกับ 3.31% ในไตรมาสที่ผ่านมา ธนาคารมีรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิ 5,277 ล้านบาท ลดลง 5.4% จากไตรมาสที่ 1/2567 ซึ่งเป็นไปตามฤดูกาล ธนาคารยังคงเน้นการให้บริการด้าน Wealth Management ซึ่งส่งผลให้ค่าธรรมเนียม Wealth Management ยังคงเติบโต

ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2567 ธนาคารมีสินเชื่อรวม (หลังหักรายได้รอตัดบัญชี) เท่ากับ 2,560,989 ล้านบาท ลดลงจาก 31 ธันวาคม 2566 เนื่องจากการชำระคืนของสินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่และสินเชื่อภาครัฐ ธนาคารมีเงินกองทุนชั้นที่ 1 ที่เป็นส่วนของเจ้าของ เท่ากับ 339,258 ล้านบาท เงินกองทุนชั้นที่ 1 เท่ากับ 357,905 ล้านบาท และมีเงินกองทุนทั้งสินเท่ากับ 422,672 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 16.66, 17.57 และ 20.75 ของสินทรัพย์ถ่วงน้ำหนักตามความเสี่ยงตามลำดับ ธนาคารมีแผนการไถ่ถอนตราสารด้อยสิทธิ์เพื่อนำไปเป็นเงินกองทุนชั้นที่ 2 ก่อนครบกำหนด จำนวน 24,000 ล้านบาท ในเดือนกรกฎาคม 2567 โดยอัตราส่วนเงินกองทุนทั้งสินของสินทรัพย์ถ่วงน้ำหนักตามความเสี่ยงหลังการไถ่ถอนตราสารด้อยสิทธิ์ฯ ยังคงอยู่ในระดับที่แข็งแกร่ง

ในวันที่ 12 กรกฎาคม 2567 บริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือ Fitch Ratings ได้ประกาศคงอันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะยาวของธนาคารที่ BBB+ และอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวที่ AAA(tha) โดยมีมุมมองเชิงบวกด้านคุณภาพสินทรัพย์ที่ปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง และฐานะเงินกองทุนที่แข็งแกร่ง

ผลประกอบการของ KTB แสดงให้เห็นถึงความสามารถในการบริหารจัดการความเสี่ยงและผลตอบแทนที่ดี อย่างไรก็ตาม มีโอกาสและความเสี่ยงที่สำคัญสำหรับ KTB ในไตรมาสนี้

**โอกาส:**

* **การเติบโตของสินเชื่อ:** ธนาคารคาดการณ์ว่าแนวโน้มความต้องการสินเชื่อจะมีอัตราเร่งสูงขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปี
* **การเพิ่มขึ้นของอัตราดอกเบี้ย:** การปรับอัตราดอกเบี้ยเงินฝากและอัตราดอกเบี้ยเงินสินเชื่อให้สอดคล้องกับกลไกตลาดแบบค่อยเป็นค่อยไป เพื่อสนับสนุนการขยายตัวของเศรษฐกิจอย่างมีเสถียรภาพ จะส่งผลดีต่อผลกำไรของธนาคาร
* **นวัตกรรมและเทคโนโลยี:** ธนาคารยังคงให้ความสำคัญกับการขยายการลงทุนเกี่ยวกับเทคโนโลยีและดิจิทัลเพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการให้ครอบคลุมลูกค้าในทุกภาคส่วนและเพื่อพร้อมรับการเติบโตของอุตสาหกรรม การเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีและนวัตกรรมในอนาคต
* **การขยายธุรกิจ Wealth Management:** ธนาคารยังคงเน้นการให้บริการด้าน Wealth Management ซึ่งส่งผลให้ค่าธรรมเนียม Wealth Management ยังคงเติบโต
* **การไถ่ถอนตราสารด้อยสิทธิ์:** การไถ่ถอนตราสารด้อยสิทธิ์เพื่อนำไปเป็นเงินกองทุนชั้นที่ 2 ก่อนครบกำหนด จำนวน 24,000 ล้านบาท ในเดือนกรกฎาคม 2567 จะช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับฐานะทางการเงินของธนาคาร
* **การปรับปรุงคุณภาพสินทรัพย์:** การปรับปรุงคุณภาพสินทรัพย์อย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ได้รับการประเมินเชิงบวกจากบริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือ


**ความเสี่ยง:**

* **ความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ:** เศรษฐกิจไทยยังคงเผชิญกับความไม่แน่นอนจากปัจจัยภายนอก เช่น สงครามยูเครน ค่าครองชีพที่สูงขึ้น และการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก
* **คุณภาพสินทรัพย์:** ธนาคารจำเป็นต้องติดตามและบริหารจัดการคุณภาพสินทรัพย์อย่างใกล้ชิด เพื่อรองรับความเสี่ยงจากเศรษฐกิจที่ยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่

โดยรวมแล้ว ผลประกอบการของ KTB แสดงให้เห็นถึงความสามารถในการบริหารจัดการความเสี่ยงและผลตอบแทนที่ดี แต่ KTB จำเป็นต้องติดตามและบริหารจัดการความเสี่ยงจากเศรษฐกิจที่ยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่อย่างใกล้ชิด โอกาสการลงทุนใน KTB นั้น เหมาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการรับเงินปันผลและลงทุนระยะยาวในธุรกิจที่มีความมั่นคงและมีแนวโน้มการเติบโตในอนาคต


NIM

3.37 %

NPL

3.12 %

COV

181.00 %

CREDIT

2,560,989.00 ล้านบาท

รายได้รวม
39,449.26 ล้านบาท
1,253.56ล้านบาท
(3.08%)
ไตรมาสก่อนหน้า
3,734.49ล้านบาท
(10.46%)
ช่วงเดียวกันของปีก่อน
ยังไม่มีรายละเอียด อยู่ระหว่างการจัดทำข้อมูล
กำไรขั้นต้น
125,768.16 ล้านบาท
1,757.22ล้านบาท
(1.38%)
ไตรมาสก่อนหน้า
12,241.43ล้านบาท
(10.78%)
ช่วงเดียวกันของปีก่อน
ยังไม่มีรายละเอียด อยู่ระหว่างการจัดทำข้อมูล
อัตรากำไรขั้นต้น(%)
318.81 ล้านบาท
5.50ล้านบาท
(1.76%)
ไตรมาสก่อนหน้า
0.94ล้านบาท
(0.30%)
ช่วงเดียวกันของปีก่อน
ยังไม่มีรายละเอียด อยู่ระหว่างการจัดทำข้อมูล
ค่าใช้จ่ายรวม
23,038.41 ล้านบาท
1,335.44ล้านบาท
(5.48%)
ไตรมาสก่อนหน้า
2,883.72ล้านบาท
(14.31%)
ช่วงเดียวกันของปีก่อน
ยังไม่มีรายละเอียด อยู่ระหว่างการจัดทำข้อมูล
อัตราค่าใช้จ่าย(%)
58.40 %
ยังไม่มีรายละเอียด อยู่ระหว่างการจัดทำข้อมูล
กำไรสุทธิ
11,195.15 ล้านบาท
116.70ล้านบาท
(1.05%)
ไตรมาสก่อนหน้า
1,038.95ล้านบาท
(10.23%)
ช่วงเดียวกันของปีก่อน
ยังไม่มีรายละเอียด อยู่ระหว่างการจัดทำข้อมูล
อัตรากำไรสุทธิ(%)
28.38 %
ยังไม่มีรายละเอียด อยู่ระหว่างการจัดทำข้อมูล