สรุปงบล่าสุด KTB
ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน)
สรุปงบการเงิน
ไตรมาสที่ 3 ปี 2567
สรุปสั้น
กำไรในไตรมาส 3 ปี 2567 เท่ากับ 11,107 ล้านบาท ลดลงเล็กน้อยจากไตรมาสก่อน เนื่องจากการบริหารจัดการสินเชื่อและการตั้งสำรองผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น ผลขาดทุนด้านเครดิต 8,312 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.9% จากไตรมาสก่อน Coverage Ratio ในระดับสูงที่ 184.1%
Cost to Income Ratio 42.4% ลดลงจาก 43.0% ในไตรมาสก่อน ธนาคารยังคงบริหารจัดการค่าใช้จ่ายในองค์รวมอย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การลงทุนด้านเทคโนโลยีและดิจิทัลเพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการให้ครอบคลุมลูกค้าในทุกภาคส่วน และเพื่อพร้อมรับการเติบโตของอุตสาหกรรม การเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีและนวัตกรรมในอนาคต
รายได้ดอกเบี้ยสุทธิในไตรมาสนี้ลดลงเล็กน้อย QoQ อยู่ที่ 29,885 ล้านบาท แต่เติบโต 0.7% YoY สะท้อนถึงการเติบโตอย่างมั่นคงในกลุ่มสินเชื่อลูกค้ารายย่อยและภาครัฐ ธนาคารยังคงให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการความเสี่ยง และการเติบโตในกลุ่มสินเชื่อที่สำคัญ รายได้จากค่าธรรมเนียมและบริการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเพิ่มขึ้น 6.5% QoQ และ 2.1% YoY
สรุปด้วย AI(O) BOT
## บทสรุปผลประกอบการ บริษัท ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) (KTB) ไตรมาส 3/2567
ธนาคารกรุงไทย (KTB) มีผลประกอบการไตรมาส 3/2567 ที่น่าพึงพอใจ โดยมีกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของธนาคารอยู่ที่ 11,107 ล้านบาท ลดลงเล็กน้อยจากไตรมาสก่อนหน้า (ไตรมาส 2/2567 ที่มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 11,195 ล้านบาท) ธนาคารเน้นการเติบโตอย่างยั่งยืนและมีคุณภาพ บริหารจัดการสินทรัพย์อย่างระมัดระวัง Coverage Ratio อยู่ในระดับสูงที่ 184.1% เพิ่มขึ้นจาก 181.3% ในช่วงสิ้นปี 2566 สินเชื่ออยู่ในระดับใกล้เคียงกับไตรมาสก่อนหน้า แต่มีการชำระคืนของสินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่ ส่งผลให้สินเชื่อรวมอยู่ที่ 2,564,765 ล้านบาท ในไตรมาส 3/2567 รายได้จากการดำเนินงานขยายตัวเล็กน้อย 2.8% และบริหารจัดการค่าใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ Cost to Income Ratio อยู่ที่ 42.4% ธนาคารตั้งสำรองผลขาดทุนด้านเครดิตในระดับที่เหมาะสมเพื่อรองรับความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ สินเชื่อด้อยคุณภาพอยู่ที่ 98,301 ล้านบาท ลดลง 1.1% จากสิ้นปี 2566 โดยมี NPL อยู่ที่ 3.14% และ NIM ในไตรมาส 3/2567 อยู่ที่ 3.35%
## รายละเอียดผลประกอบการ
**รายได้**
* รายได้ดอกเบี้ยสุทธิไตรมาส 3/2567 อยู่ที่ 29,885 ล้านบาท ลดลงเล็กน้อยจากไตรมาสก่อนหน้า เนื่องจากการชำระคืนสินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่
* รายได้ค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิอยู่ที่ 5,619 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.5% จากไตรมาสก่อนหน้า เนื่องจากการมุ่งเน้นการให้บริการด้าน Wealth Management
* รายได้จากการดำเนินงานอื่นๆ อยู่ที่ 5,053 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 22.7% จากไตรมาสก่อนหน้า โดยหลักจากกำไรจากเครื่องมือทางการเงินที่วัดมูลค่าด้วยมูลค่ายุติธรรมผ่านกำไรหรือขาดทุน และรายได้จากหนี้สูญรับคืน
**กำไร**
* กำไรจากการดำเนินงานอยู่ที่ 23,363 ล้านบาท ใกล้เคียงกับไตรมาสก่อนหน้า
* กำไรสุทธิส่วนที่เป็นของธนาคารอยู่ที่ 11,107 ล้านบาท ลดลงเล็กน้อยจากไตรมาสก่อนหน้า
**สินเชื่อ**
* สินเชื่อรวมอยู่ที่ 2,564,765 ล้านบาท ในไตรมาส 3/2567 โดยธนาคารมุ่งเน้นการเติบโตของสินเชื่อในกลุ่มยุทธศาสตร์ เช่น สินเชื่อรายย่อย และสินเชื่อภาครัฐ
* สินเชื่อด้อยคุณภาพอยู่ที่ 98,301 ล้านบาท ลดลง 1.1% จากสิ้นปี 2566
* NPL อยู่ที่ 3.14%
## โอกาส และความเสี่ยง
**โอกาส**
* **การเติบโตของสินเชื่อรายย่อย**: ธนาคารเน้นการเติบโตอย่างยั่งยืนในกลุ่มลูกค้ารายย่อย ซึ่งมีแนวโน้มเติบโตสูงในอนาคต
* **การขยายการลงทุนด้านเทคโนโลยีและดิจิทัล**: KTB ให้ความสำคัญกับการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงินดิจิทัล เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงไป
* **การแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือน**: ธนาคารร่วมมือกับหน่วยงานรัฐและภาคเอกชน เพื่อช่วยเหลือลูกค้ากลุ่มเปราะบาง ลดภาระหนี้ และเพิ่มสภาพคล่องในการดำรงชีพ
**ความเสี่ยง**
* **ภาวะเศรษฐกิจโลกที่ไม่แน่นอน**: สงครามรัสเซีย-ยูเครน และความขัดแย้งในภูมิภาค อาจส่งผลต่อเศรษฐกิจไทยและธุรกิจของ KTB
* **อัตราดอกเบี้ยที่ผันผวน**: การปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ อาจส่งผลต่ออัตราดอกเบี้ยในประเทศไทย และความสามารถในการทำกำไรของธนาคาร
* **ปัญหาหนี้ครัวเรือน**: หนี้ครัวเรือนในระดับสูงอาจส่งผลต่อความสามารถในการชำระหนี้ของลูกค้า และเพิ่มความเสี่ยงของ NPL
## สรุปโอกาสการลงทุน
KTB ถือเป็นโอกาสการลงทุนที่น่าสนใจ เนื่องจากมีกำไรสุทธิเติบโตอย่างต่อเนื่อง และมี NPL ในระดับต่ำ โดยมี P/E ล่าสุดที่ 7.74 และ P/BV ที่ 0.73 สะท้อนถึงความน่าสนใจของการลงทุนเมื่อเทียบกับอัตราผลตอบแทนของตลาด และมีความสามารถในการสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับนักลงทุนในระยะยาว เหมาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการถือหุ้นระยะยาว รอการเติบโต และรับผลตอบแทนจากเงินปันผล โดยมี Yield ล่าสุดที่ 4.06% แม้จะต่ำกว่า 4% แต่ผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่ง และการเติบโตของรายได้ในอนาคตน่าจะช่วยผลักดันให้ Yield เพิ่มขึ้นได้ในอนาคต
NIM
3.35 %
NPL
3.14 %
COV
184.10 %
CREDIT
2,564,765.00 ล้านบาท
(2.81%)
(4.29%)
(1.58%)
(3.74%)
(1.19%)
(0.53%)
(5.06%)
(4.81%)
(0.78%)
(8.03%)