สรุปงบล่าสุด KTB

ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน)
สรุปงบการเงิน
ไตรมาสที่ 4 ปี 2567
สรุปสั้น
กำไรสุทธิ 43,856 ล้านบาท โต 11.3% จากปีก่อนหน้า ช่วงไตรมาส 4 กำไรเพิ่ม 17.5% เมื่อเทียบปีเดียวกัน แต่ลด 6.7% จากไตรมาส 3 เนื่องจากรายได้จากตลาดการเงินลดลง สินเชื่อรวมเติบโต 4.7% โดยได้รับแรงหนุนจากสินเชื่อรายย่อยและภาครัฐ เติบโต 39.1% ขณะที่สินเชื่อ SME และบริษัทใหญ่ลดลง ส่วนหนี้เสีย (NPL) ลดลง 4.4% สะท้อนการบริหารความเสี่ยงที่ดี
ค่าใช้จ่ายต่อรายได้ (Cost to Income Ratio) อยู่ที่ 43.2% และรักษาอัตราดอกเบี้ยสุทธิ (NIM) ที่ 3.29% เพิ่มขึ้นจากปีก่อน แม้มีหนี้เสียแต่ยังตั้งสำรองครอบคลุม (Coverage Ratio) สูงถึง 188.6% พร้อมรับความเสี่ยงได้ดี ฐานะเงินกองทุนแข็งแกร่ง 20.83% สูงกว่าเกณฑ์มาตรฐาน
รัฐบาลมีเสถียรภาพมากขึ้น เป็นป้จจัยหนุนให้ KTB ยังมีโอกาสที่จะได้เห็นสินเชื่อเติบโตต่อเนื่องในปี 2568
สรุปด้วย AI(O) BOT
**บทสรุปผลประกอบการ KTB ไตรมาส 4 ปี 2567 และภาพรวมปี 2567 (อัปเดตข้อมูลล่าสุด)**
ธนาคารกรุงไทย (KTB) สรุปผลประกอบการไตรมาส 4 ปี 2567 โดยมีกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของธนาคาร 10,475 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17.5% เมื่อเทียบกับไตรมาส 4 ปี 2566 หากไม่รวมรายการพิเศษในไตรมาส 4 ปี 2566 กำไรสุทธิจะเติบโตถึง 71.4% แต่กำไรสุทธิลดลง 6.7% เมื่อเทียบกับไตรมาส 3 ปี 2567 จากรายได้ที่ลดลงโดยเฉพาะเครื่องมือทางการเงินตามสภาวะตลาด
ภาพรวมปี 2567 KTB มีกำไรสุทธิ 43,856 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11.3% (19.8% หากไม่รวมรายการพิเศษ) รายได้รวมเพิ่ม 6.4% จากค่าธรรมเนียมและหนี้สูญรับคืน สินเชื่อเติบโต 4.7% จากสินเชื่อรายย่อยและภาครัฐ แม้มีผลขาดทุนด้านเครดิต 31,069 ล้านบาท ลดลง 16.2% จากปีก่อน แต่ยังรักษา Coverage Ratio ที่ 188.6% และ NPL Ratio ที่ 2.99% ลดลงจากปีก่อน NIM อยู่ที่ 3.29% และ Cost to Income Ratio ที่ 43.2% สะท้อนการบริหารจัดการต้นทุนที่มีประสิทธิภาพ
**สินเชื่อ:** ณ สิ้นปี 2567 สินเชื่อรวมอยู่ที่ 2,698,611 ล้านบาท เติบโต 4.7% จากสิ้นปี 2566 โดยสินเชื่อภาครัฐเติบโตสูงถึง 39.1% ขณะที่สินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่ลดลง 6.1% และสินเชื่อ SME ลดลง 6.6% สินเชื่อรายย่อยเติบโต 3.3% เมื่อเทียบกับไตรมาส 3 ปี 2567 สินเชื่อรวมเติบโต 5.2% โดยมีการบริหารจัดการ Portfolio ให้สมดุลระหว่างความเสี่ยงและผลตอบแทนอย่างมีคุณภาพ
**NPL:** NPLs ณ สิ้นปี 2567 อยู่ที่ 95,065 ล้านบาท ลดลง 4.4% จากสิ้นปี 2566 คิดเป็น NPL Ratio 2.99% (ลดลงจาก 3.08%) แสดงถึงการบริหารจัดการคุณภาพสินทรัพย์ที่มีประสิทธิภาพ
**Coverage Ratio:** ณ สิ้นปี 2567 Coverage Ratio อยู่ที่ 188.6% เพิ่มขึ้นจาก 181.3% ณ สิ้นปี 2566 แสดงถึงการตั้งสำรองผลขาดทุนด้านเครดิตที่เหมาะสม และพร้อมรับความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ
**NIM:** อัตราผลตอบแทนสุทธิต่อสินทรัพย์ที่ก่อให้เกิดรายได้ (NIM) อยู่ที่ 3.29% เพิ่มขึ้นจาก 3.22% ในปี 2566
**Cost to Income Ratio:** อยู่ที่ 43.2% สะท้อนการบริหารจัดการค่าใช้จ่ายที่มีประสิทธิภาพ แม้จะมีการลงทุนด้านเทคโนโลยีและดิจิทัลเพิ่มขึ้น
**โอกาส:**
* เศรษฐกิจและการท่องเที่ยวฟื้นตัวหนุนการเติบโตของสินเชื่อ
* การบริหารจัดการต้นทุนและค่าใช้จ่ายที่มีประสิทธิภาพ
* การลงทุนด้านเทคโนโลยีและดิจิทัลช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการบริการ
* ได้รับการประเมินหุ้นยั่งยืน ESG ในระดับสูงสุด (AAA)
* ฐานะเงินกองทุนแข็งแกร่ง (อัตราส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง 20.83%)
**ความเสี่ยง:**
* ความผันผวนทางเศรษฐกิจและตลาดเงิน
* ความไม่แน่นอนของสถานการณ์ภูมิรัฐศาสตร์
* ภาระหนี้ครัวเรือนที่สูง
* การแข่งขันในธุรกิจธนาคารที่สูงขึ้น
โดยสรุป KTB มีผลประกอบการที่แข็งแกร่งในปี 2567 พร้อมกับการบริหารจัดการความเสี่ยงและต้นทุนที่ดี แม้จะมีปัจจัยภายนอกที่ท้าทาย แต่ KTB ยังคงเป็นธนาคารที่มีศักยภาพในการเติบโตในระยะยาว
NIM
3.29 %
NPL
2.99 %
COV
188.60 %
CREDIT
2,698,611.00 ล้านบาท
(5.33%)
(3.02%)
(1.55%)
(1.13%)
(3.99%)
(1.95%)
(0.08%)
(0.13%)
(5.70%)
(71.41%)