สรุปงบล่าสุด KKP
สรุปงบการเงิน
สรุปสั้น
ยังไม่มีรายละเอียด อยู่ระหว่างการจัดทำข้อมูล
สรุปด้วย AI(O) BOT
**สรุปผลประกอบการของ หุ้น KKP บริษัท ธนาคารเกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) ไตรมาส 3/2568**
**สรุปสั้น:**
ธนาคารเกียรตินาคินภัทรและบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิในไตรมาส 3/2568 จำนวน 1,670 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 28.0% เมื่อเทียบกับไตรมาส 3/2567 โดยมีสาเหตุหลักมาจากการบริหารจัดการคุณภาพสินเชื่อที่ดีขึ้น และผลขาดทุนจากการขายรถยึดที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง อัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพต่อสินเชื่อรวม (NPL) ทรงตัวอยู่ที่ 4.3% และอัตราส่วนค่าเผื่อผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นต่อสินเชื่อด้อยคุณภาพ (Coverage Ratio) ปรับเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 136.6% (หน้า 2-3) นอกจากนี้ รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยปรับเพิ่มขึ้นจากการเติบโตของธุรกิจบริหารความมั่งคั่ง ธุรกิจการจัดการกองทุน ธุรกิจไดม์ (Dime!) และกำไรสุทธิจากเครื่องมือทางการเงินที่วัดมูลค่าด้วยมูลค่ายุติธรรม (หน้า 3)
**เศรษฐกิจ:**
เศรษฐกิจไทยในไตรมาส 3/2568 ชะลอตัวจากอุปสงค์ภายในประเทศที่ยังอ่อนแอ การส่งออกและการผลิตภาคอุตสาหกรรมที่ชะลอตัวลง ภาคการผลิตที่ลดลงจากการปิดโรงงานชั่วคราว และภาคบริการที่ชะลอตัวจากการท่องเที่ยวที่ยังไม่ฟื้นตัว คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 1.50% แต่คาดว่าจะลดลงไปที่ 1.00% ภายในไตรมาส 1/2569 ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (SET index) ปรับเพิ่มขึ้นในไตรมาส 3/2568 จากความกังวลที่ลดลงเกี่ยวกับสถานการณ์ทางการเมือง การเจรจาการค้ากับสหรัฐฯ และความคาดหวังการผ่อนคลายนโยบายการเงิน (หน้า 2)
**การเปลี่ยนแปลงของกำไร:**
กำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 28.0% เมื่อเทียบกับไตรมาส 3/2567 เป็นผลมาจากคุณภาพสินเชื่อที่ดีขึ้นและผลขาดทุนจากการขายรถยึดที่ลดลง รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยปรับเพิ่มขึ้นจากการเติบโตของธุรกิจบริหารความมั่งคั่ง ธุรกิจการจัดการกองทุน ธุรกิจไดม์ (Dime!) และกำไรสุทธิจากเครื่องมือทางการเงินที่วัดมูลค่าด้วยมูลค่ายุติธรรม ในขณะที่รายได้ดอกเบี้ยสุทธิลดลงจากการชะลอตัวของสินเชื่อ (หน้า 3)
**สินเชื่อและสัดส่วน:**
สินเชื่อรวม (ไม่รวม POCI) ณ สิ้นไตรมาส 3/2568 มีจำนวน 345,549 ล้านบาท หดตัว 6.0% จากสิ้นปี 2567 อัตราส่วนสินเชื่อที่มีการด้อยค่าด้านเครดิตต่อสินเชื่อรวม (NPL) ทรงตัวอยู่ที่ 4.3% และอัตราส่วนการตั้งสำรองต่อสินเชื่อที่มีการด้อยค่าด้านเครดิต (Coverage Ratio) อยู่ที่ 136.6% (หน้า 11-13)
**ปัจจัยความเสี่ยงและโอกาสการลงทุน:**
ปัจจัยความเสี่ยงที่สำคัญคือภาวะเศรษฐกิจที่ยังมีความไม่แน่นอนสูง ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อคุณภาพสินเชื่อ รวมถึงกลุ่มลูกค้าที่เข้าร่วมโครงการ "คุณสู้ เราช่วย" โอกาสในการลงทุนอยู่ที่การเติบโตของธุรกิจบริหารความมั่งคั่ง ธุรกิจการจัดการกองทุน และธุรกิจไดม์ (Dime!) (หน้า 3, 6)
**สรุปสั้นท้ายสุด:**
ปัจจัยสำคัญที่มีผลกระทบต่อรายได้และกำไรในช่วงรายงานคือ NIM ที่ลดลงเล็กน้อยจาก 4.7% เป็น 4.4% (หน้า 5), สินเชื่อที่หดตัวลง 6.0% (หน้า 11), NPL ทรงตัวที่ 4.3% (หน้า 3) และ Coverage Ratio ที่เพิ่มขึ้นเป็น 136.6% (หน้า 3) การจัดการของบริษัทในการควบคุมความเสี่ยงทำได้ดี โดยมีการตั้งสำรองพิเศษ (Management Overlay) เพิ่มเติมเพื่อรองรับความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต (หน้า 3, 7) ธนาคารยังคงมีฐานะการเงินที่แข็งแกร่ง โดยมีอัตราส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง (BIS Ratio) อยู่ที่ 17.22% (หน้า 9)
0.00 %
(8.74%)
(1.88%)
(2.92%)
(6.21%)
(5.36%)
(7.94%)
(9.45%)
(8.09%)
(18.48%)
(28.00%)