สรุปงบล่าสุด KKP

ธนาคารเกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน)
สรุปงบการเงิน
ไตรมาสที่ 4 ปี 2567
สรุปสั้น
KKP ปิดไตรมาส 4/2567 ด้วยกำไรสุทธิ 1,406 ล้านบาท พุ่ง 109.9% จากช่วงเดียวกันปีก่อน หนุนจากการเติบโตของรายได้นอกดอกเบี้ย (Wealth Management และกองทุน) ที่โต 55.3% และการลดสำรองหนี้สูญ แม้รายได้ดอกเบี้ยจะหดตัว 16.4% เนื่องจากสินเชื่อรวมลดลง 7.8% ตามแผนชะลอการขยายตัวในภาวะเศรษฐกิจไม่แน่นอน สัดส่วนสินเชื่อเช่าซื้อรถยังครอง 45% ของพอร์ต ขณะที่หนี้เสีย (NPL Ratio) อยู่ที่ 4.2%
KKP ตั้งสำรองความเสี่ยง (Coverage Ratio) 134.2% พร้อมควบคุมค่าใช้จ่ายต่อรายได้ (Cost to Income Ratio) ที่ 44.2% ได้ดี โดดเด่นด้วยส่วนต่างดอกเบี้ยสุทธิ (NIM) 4.6% แม้ลดลงจากปีก่อน เน้นขยายธุรกิจตลาดทุนที่ครองอันดับ 1 ของประเทศ และลงทุนในแพลตฟอร์มดิจิทัล เคเคพี ไดม์ สร้างรายได้จากลูกค้ารายย่อย
สรุปด้วย AI(O) BOT
## สรุปผลประกอบการ KKP ไตรมาส 4/2567 และภาพรวมปี 2567 (อัปเดต)
**ภาพรวมผลการดำเนินงานปี 2567:** KKP ทำกำไรสุทธิ 4,985 ล้านบาท ลดลง 8.4% จากปีก่อนหน้า แม้จะมีรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยเติบโต 7.5% จากธุรกิจตลาดทุน แต่รายได้ดอกเบี้ยสุทธิลดลง 11% จากการชะลอตัวของสินเชื่อและต้นทุนทางการเงินที่สูงขึ้น อย่างไรก็ตาม ผลขาดทุนด้านเครดิตลดลง 34.7% สะท้อนการบริหารคุณภาพสินทรัพย์ที่ดีขึ้น
**ผลการดำเนินงานไตรมาส 4/2567:** กำไรสุทธิ 1,406 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 109.9% จากไตรมาส 4/2566 โดยมีปัจจัยหลักจากการลดลงของผลขาดทุนด้านเครดิต 36% และรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้น 55.3% แม้ว่ารายได้ดอกเบี้ยสุทธิจะลดลง 16.4% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน
**ตัวชี้วัดทางการเงินที่สำคัญ:**
* **NPL (สินเชื่อด้อยคุณภาพ):** 4.2% ณ สิ้นปี 2567 (ไม่รวม POCl) ยังคงอยู่ในระดับที่ควบคุมได้ ใกล้เคียงกับไตรมาสก่อนหน้า
* **ผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น:** ลดลง 34.7% ในปี 2567 และลดลง 36% ในไตรมาส 4/2567 สะท้อนคุณภาพสินเชื่อที่ดีขึ้นจากการบริหารจัดการอย่างต่อเนื่อง
* **Coverage Ratio (อัตราส่วนการตั้งสำรองต่อหนี้เสีย):** 134.2% ณ สิ้นปี 2567 แสดงถึงการตั้งสำรองอย่างระมัดระวังเพื่อรองรับความเสี่ยง
* **NIM (อัตราผลตอบแทนสุทธิต่อสินทรัพย์ที่ก่อให้เกิดรายได้):** 4.8% ในปี 2567 ลดลงจาก 5.2% ในปี 2566 และ 4.6% ในไตรมาส 4/2567 จากต้นทุนทางการเงินที่สูงขึ้น
* **Cost to Income Ratio (อัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้):** 44.2% ในปี 2567 (ไม่รวมรายการพิเศษ) แสดงถึงการบริหารจัดการค่าใช้จ่ายที่มีประสิทธิภาพ
* **สินเชื่อ:** ณ สิ้นไตรมาส 4/2567 สินเชื่อรวมอยู่ที่ 367,547 ล้านบาท หดตัว 7.8% จากสิ้นปี 2566 เป็นไปตามแผนการชะลอการเติบโตของสินเชื่อ โดยเฉพาะสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ที่ลดลง 11% ในขณะที่สินเชื่อ Micro SMEs เพิ่มขึ้น 8.2% สินเชื่อรายย่อยอื่นๆ เพิ่มขึ้น 3.2% คิดเป็น 23.5% ของสินเชื่อรวม
**การเปลี่ยนแปลงที่สำคัญ:**
* **รายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ย:** ไตรมาส 4/2567 เติบโตโดดเด่น 55.3% โดยมีรายได้จากธุรกิจตลาดทุนเป็นแรงขับเคลื่อนหลัก โดยเฉพาะธุรกิจนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ ธุรกิจบริหารความมั่งคั่ง และธุรกิจจัดการกองทุน นอกจากนี้ยังมีกำไรสุทธิจากเครื่องมือทางการเงินที่วัดมูลค่าด้วยมูลค่ายุติธรรมผ่านกำไรหรือขาดทุนเพิ่มขึ้น รายได้ค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิเพิ่มขึ้น 21.5% ในไตรมาส 4
* **สินเชื่อ:** การหดตัวของสินเชื่อรวมเป็นผลมาจากการชะลอการเติบโตของสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ (-11%) ตามความท้าทายของอุตสาหกรรมยานยนต์และการชะลอตัวทางเศรษฐกิจ อย่างไรก็ตามสินเชื่อรายย่อยอื่นๆ มีสัดส่วนเพิ่มขึ้น
* **ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน:** ลดลง 10.1% ในไตรมาส 4/2567 จากผลขาดทุนจากการขายรถยึดที่ลดลง แม้ว่าจะมีค่าใช้จ่ายจากการปรับมูลค่าทรัพย์สินรอการขายในปี 2566
* ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานลดลง 10.1% จากไตรมาส 4 ปีที่แล้ว โดยหลักจากการลดลงของผลขาดทุนจากการขายรถยึด
**คุณภาพสินเชื่อ:**
* สินเชื่อที่มีการด้อยค่าด้านเครดิต (ไม่รวม POCl) อยู่ที่ 15,503 ล้านบาท คิดเป็น 4.2% ของสินเชื่อรวม ใกล้เคียงกับไตรมาสก่อนหน้า
* ธนาคารติดตามและบริหารจัดการสินเชื่อที่มีการด้อยค่าอย่างใกล้ชิด ผ่านการปรับโครงสร้างหนี้ การตัดหนี้สูญ และมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ที่เหมาะสม
**ธุรกิจตลาดทุน:**
* บล.เกียรตินาคินภัทร มีส่วนแบ่งตลาดเป็นอันดับ 1 ที่ 22.45% สำหรับธุรกิจนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์
* บลจ.เกียรตินาคินภัทร มีทรัพย์สินภายใต้การจัดการกองทุนรวม 215,749 ล้านบาท และกองทุนส่วนบุคคล 23,409 ล้านบาท
* ธุรกิจวานิชธนกิจมีรายได้รวม 594 ล้านบาท
* บล.เคเคพี ไดม์ ให้บริการการลงทุนแบบดิจิทัล
**โอกาส:**
* **ธุรกิจตลาดทุน:** ยังคงเป็นแหล่งรายได้ที่แข็งแกร่ง โดยเฉพาะธุรกิจบริหารความมั่งคั่งและนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์
* **การบริหารคุณภาพสินทรัพย์:** การลดลงของผลขาดทุนด้านเครดิต สะท้อนการบริหารคุณภาพสินทรัพย์ที่ดีขึ้นจากการปรับโครงสร้างหนี้และมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้
* **ฐานะเงินกองทุน:** แข็งแกร่ง โดยมีอัตราส่วนเงินกองทุนรวมและเงินกองทุนชั้นที่ 1 สูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนด
* **การปรับตัวของเศรษฐกิจ:** หากเศรษฐกิจฟื้นตัว จะส่งผลบวกต่อการเติบโตของสินเชื่อ แม้จะยังมีความไม่แน่นอนอยู่มาก
**ความเสี่ยง:**
* **ภาวะเศรษฐกิจ:** การฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่ยังไม่แน่นอนอาจส่งผลกระทบต่อการเติบโตของสินเชื่อและคุณภาพสินทรัพย์
* **อุตสาหกรรมยานยนต์:** ความท้าทายในอุตสาหกรรมยานยนต์ยังคงเป็นปัจจัยกดดันธุรกิจสินเชื่อเช่าซื้อ
* **ต้นทุนทางการเงิน:** ยังคงอยู่ในระดับสูงและส่งผลกระทบต่อ NIM
* **การแข่งขัน:** การแข่งขันในอุตสาหกรรมการเงินที่สูงขึ้นอาจส่งผลกระทบต่อรายได้และผลกำไร
KKP ยังคงต้องเผชิญกับความท้าทายทางเศรษฐกิจและอุตสาหกรรม แต่ด้วยการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพและฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง ทำให้ธนาคารมีความพร้อมที่จะรับมือกับความผันผวนที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต
NIM
4.60 %
NPL
4.20 %
COV
134.20 %
CREDIT
354,941.17 ล้านบาท
(3.14%)
(2.05%)
(1.02%)
(5.43%)
(4.03%)
(3.46%)
(4.47%)
(7.08%)
(7.74%)
(109.88%)