สรุปงบล่าสุด KEX
บริษัท เคอรี่ เอ็กซ์เพรส (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)
สรุปงบการเงิน
ไตรมาสที่ 3 ปี 2567
สรุปสั้น
ยังไม่มีรายละเอียด อยู่ระหว่างการจัดทำข้อมูล
สรุปด้วย AI(O) BOT
## บทวิเคราะห์ผลประกอบการ บริษัท เคอรี่ เอ็กซ์เพรส (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) (KEX)
บริษัท เคอรี่ เอ็กซ์เพรส (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) (KEX) ได้ประกาศเปลี่ยนชื่อและเครื่องหมายการค้าเป็น "KEX" ในไตรมาส 3/2567 เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ระยะยาวในการขับเคลื่อนธุรกิจให้ราบรื่นและเตรียมพร้อมสำหรับการพัฒนาในอนาคต นอกจากนี้ บริษัทได้เสร็จสิ้นการเพิ่มทุนแบบ PP ในเดือนสิงหาคม 2567 ด้วยจำนวนหุ้นรวม 1,762,393,295 หุ้น คิดเป็นมูลค่า 5,639,658,544 บาท เพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งทางการเงินและความยืดหยุ่นด้านสภาพคล่อง สนับสนุนการดำเนินงานของบริษัทในระยะยาว
KEX มีแผนที่จะมุ่งเน้นกลุ่มผู้ใช้บริการที่ให้ผลตอบแทนสูง โดยเฉพาะจากผู้ใช้บริการรายย่อย รวมถึงการวางแผนเครือข่ายอย่างมีประสิทธิภาพ การให้บริการแบบครบวงจร การจัดส่งระหว่างประเทศเชื่อมโยงประเทศไทยกับประเทศหลักอื่นๆ ทั่วโลก และการเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้ประโยชน์จากการเช่าพื้นที่ สิ่งอำนวยความสะดวก และการจัดการต้นทุนด้านแรงงาน เพื่อลดการพึ่งพาแพลตฟอร์มพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ และลดการขาดทุนจากการแข่งขันที่รุนแรงระหว่างผู้ให้บริการโลจิสติกส์รายอื่นๆ KEX ยังคงมุ่งมั่นที่จะยกระดับอุตสาหกรรมการจัดส่งพัสดุด่วนของประเทศไทย โดยให้ความสำคัญกับความพึงพอใจของลูกค้า ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของการดำเนินธุรกิจ
จากผลประกอบการไตรมาส 3/2567 รายได้จากการขายและการให้บริการอยู่ที่ 2,505.7 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 6 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน และลดลงร้อยละ 13 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากการลดลงของรายได้จากปริมาณการส่งพัสดุจากแพลตฟอร์มพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ ในขณะที่รายได้จากกลุ่มลูกค้ารายใหญ่ (SME และองค์กร) เพิ่มขึ้น เนื่องจากการจัดโปรโมชั่นพิเศษให้กับลูกค้าที่มีปริมาณการส่งพัสดุสูง KEX มีอัตรากำไรขั้นต้นติดลบ -15% และอัตรากำไรสุทธิติดลบ -41.3% ซึ่งสะท้อนถึงการแข่งขันที่รุนแรงในอุตสาหกรรมและการมุ่งเน้นการเติบโตในกลุ่มลูกค้าใหม่ KEX มี D/E เท่ากับ 0.83 ซึ่งแสดงถึงฐานะการเงินที่แข็งแกร่ง การมี D/E ที่ต่ำกว่า 1 หมายถึงบริษัทมีหนี้สินน้อยเมื่อเทียบกับส่วนของทุน ทำให้สามารถเข้าถึงสินเชื่อได้ง่ายขึ้นและมีความเสี่ยงจากการผิดนัดชำระหนี้น้อยลง KEX มีวงจรเงินสดติดลบ -8.6 ซึ่งหมายถึงการมีประสิทธิภาพในการสร้างยอดขายและเรียกเก็บเงินสดจากลูกหนี้การค้าได้ ก่อนที่จะต้องจ่ายเงินสดให้กับเจ้าหนี้การค้า หรือนำไปจ่ายหนี้
**โดยรวม KEX อาจไม่เหมาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการรับเงินปันผล เนื่องจากอัตราผลตอบแทน (YIELD) น้อยกว่า 4% และมีผลประกอบการขาดทุนต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา (P/E ติดลบ) อย่างไรก็ตาม KEX เป็นหุ้นที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุนระยะยาวที่มองเห็นศักยภาพในการเติบโตของธุรกิจ e-commerce และบริการโลจิสติกส์ในอนาคต โดย KEX มีจุดแข็งในด้านเครือข่ายการจัดส่งที่ครอบคลุม การให้บริการแบบครบวงจร และการปรับโครงสร้างธุรกิจให้มุ่งเน้นกลุ่มลูกค้าที่มีศักยภาพสูง**
**โอกาส:**
- การเติบโตของธุรกิจ e-commerce ในประเทศไทยและภูมิภาค
- การขยายบริการจัดส่งระหว่างประเทศ
- การเพิ่มประสิทธิภาพของเครือข่ายการจัดส่งและการควบคุมต้นทุน
- การสร้างพันธมิตรกับบริษัทอื่นๆ ในอุตสาหกรรม
**ความเสี่ยง:**
- การแข่งขันที่รุนแรงในอุตสาหกรรมโลจิสติกส์
- การเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมผู้บริโภค
- ความผันผวนของเศรษฐกิจ
- ความเสี่ยงจากการขาดทุนจากการดำเนินงาน
**ฐานะทางการเงินและสภาพคล่อง**
KEX มีเงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสดเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญจาก 736.3 ล้านบาทในไตรมาส 2/2567 เป็น 5,168.8 ล้านบาทในไตรมาส 3/2567 สาเหตุหลักมาจากการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนในเดือนสิงหาคม 2567 โดยบริษัทได้ดำเนินการเพิ่มทุนสำเร็จด้วยจำนวนหุ้นทั้งหมด 1,762,393,295 หุ้น หรือเทียบเท่าเงินระดมทุนทั้งสิ้นประมาณ 5,639 ล้านบาท
อาคาร และอุปกรณ์ - สุทธิ ลดลงร้อยละ 4 อยู่ที่ 2,053.3 ล้านบาท เนื่องจากการตั้งสำรองค่าเผื่อการด้อยค่าในการปรับปรุงสิ่งอำนวยความสะดวก
สินทรัพย์สิทธิการใช้ - สุทธิ ลดลงร้อยละ 30 อยู่ที่ 1,724.1 ล้านบาท สาเหตุหลักมาจากการซื้อคืนรถขนส่งพัสดุในระหว่างไตรมาส 2 ของปีนี้ และการเจรจาปรับลดค่าเช่าตามสัญญาเช่า และค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายตามอายุของสัญญาเช่าที่มีผลอยู่ในปัจจุบัน นอกจากนี้การลดลงบางส่วนยังสะท้อนถึงการปรับปรุงประสิทธิภาพของสิ่งอำนวยความสะดวกอย่างต่อเนื่องในปีนี้
เงินกู้ยืมระยะสั้นจากกิจการที่เกี่ยวข้องกันเพิ่มขึ้นจาก 1,300 ล้านบาทเป็น 3,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นสัญญาเงินกู้จากผู้ถือหุ้นรายใหญ่ เดิม ซึ่งปัจจุบันเป็นกิจการที่เกี่ยวข้องกัน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนและการลงทุนเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพในการดำเนินงานของบริษัท
บริษัทมีเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงิน (รวมหมุนเวียนและไม่หมุนเวียน) เพิ่มขึ้นจากจำนวน 340.7 ล้านบาท ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2566 อยู่ที่ 532.3 ล้านบาท ณ วันที่ 30 กันยายน 2567 เนื่องจากบริษัทได้ขอกู้ยืมเงินเพิ่มในระหว่างไตรมาส 3/2567
หนี้สินตามสัญญาเช่า (ทั้งส่วนที่ถึงกำหนดชำระภายในหนึ่งปีและเกินหนึ่งปี) ลดลงร้อยละ 29 จาก 2,216.4 ล้านบาท เป็น 1,581.5 ล้านบาท สาเหตุหลักมาจากการซื้อคืนรถขนส่งพัสดุในระหว่างไตรมาส 2 ของปีนี้ และการชำระค่าเช่าตามอายุของสัญญาเช่าที่มีผลอยู่ในปัจจุบัน รวมถึงการเจรจาต่อรองสัญญาเช่าเพื่อปรับลดค่าเช่าในไตรมาส 3 ของปีนี้ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแผนการปรับปรุงประสิทธิภาพทางธุรกิจของ KEX
การเพิ่มทุนครั้งนี้ผ่านการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิม (Rights Offering) ได้รับการสนับสนุนอย่างเต็มที่จากผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัท Aa SF Internatlonal Holding (Thalland) Co., Ltd. (“SFTH”) คาดว่าจะช่วยฟื้นฟูส่วนของผู้ถือหุ้นของบริษัทให้กลับมาอยู่ในระดับมากกว่าร้อยละ 50 ของทุนชำระแล้วทั้งหมดในงบการเงินสำหรับรอบ 9 เดือนลิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2567 อันจะส่งผลให้สัญลักษณ์ 08 ที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยประกาศเมื่อวันที่ 16 สิงหาคม 2567 ถูกยกเลิกหลังจากที่บริษัทได้เผยแพร่งบการเงินดังกล่าวคาดว่าภายในวันอังคารที่ 12 พฤศจิกายน 2567
**โดยรวม ฐานะทางการเงินและสภาพคล่องของ KEX ปรับตัวดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญหลังจากการเพิ่มทุน โดยเฉพาะการเพิ่มเงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสด อย่างไรก็ตาม การเพิ่มหนี้สินระยะสั้นจากการกู้ยืมจากกิจการที่เกี่ยวข้องกัน แสดงให้เห็นว่า KEX ยังคงต้องการเงินทุนเพื่อสนับสนุนการดำเนินงานและการเติบโตในอนาคต**
**หมายเหตุ:**
- ข้อมูลบางส่วนอาจไม่สมบูรณ์เนื่องจากการขาดข้อมูลในข้อความต้นฉบับ
- การวิเคราะห์เป็นเพียงการวิเคราะห์เบื้องต้น และไม่สามารถใช้เป็นข้อมูลในการตัดสินใจลงทุนได้
(5.07%)
(12.50%)
(5.72%)
(6.03%)
(11.36%)
(7.39%)
(5.48%)
(14.89%)
(2.62%)
(16.33%)
(45.32%)
(121.91%)