KBS
บริษัท น้ำตาลครบุรี จำกัด (มหาชน)

สรุปงบการเงิน
ไตรมาสที่ 4 ปี 2567

สรุป OPPDAY

สรุป Oppday KSL: เจาะลึกผลประกอบการปี 2024 และทิศทางธุรกิจในอนาคต

  1. ผู้ร่วมนำเสนอ:
    • คุณโชชาต พรหมจงจิตต์ (ผู้อำนวยการการเงิน)
    • คุณรัฐวุฒิ แซ่ตั้ง
    • คุณอิสระ ถวิลเติมทรัพย์
    • คุณอนุชิต เกตตะกูล
    • คุณภควัต เมธีไตรรรัตน์

1. ภาพรวมผลกระทบต่อธุรกิจ (Business Impact Overview):

KSL รายงานผลประกอบการปี 2024 โดยมียอดขายรวม 11,985 ล้านบาท ลดลง 5.8% เมื่อเทียบกับปี 2023 ที่มียอดขาย 12,717 ล้านบาท สาเหตุหลักมาจากการที่ปริมาณอ้อยเข้าหีบน้อยลง ทำให้ปริมาณน้ำตาลที่ขายได้ลดลงถึงเกือบ 1 แสนตัน อย่างไรก็ตาม ราคาขายน้ำตาลในปี 2024 สูงกว่าปี 2023 มาก ส่งผลให้ Gross Profit ใกล้เคียงกัน

แม้ว่ายอดขายจะลดลง แต่ KSL สามารถทำกำไรสุทธิได้ถึง 1,040 ล้านบาท ซึ่งเป็นกำไรที่สูงที่สุดตั้งแต่เปิดดำเนินธุรกิจมา เพิ่มขึ้น 89% จากปีที่แล้ว (955 ล้านบาท) Gross Margin เพิ่มขึ้นจาก 18.1% ในปี 2023 เป็น 19.3% ในปี 2024 และ Net Profit Margin เพิ่มขึ้นจาก 7.5% เป็น 8.7% ปัจจัยที่ส่งผลให้กำไรสุทธิเพิ่มขึ้นคือราคาขายน้ำตาลเฉลี่ยที่สูงขึ้น โดยเฉพาะในตลาดต่างประเทศ

ปริมาณอ้อยเข้าหีบในฤดูกาล 2563/64 ลดลงเหลือ 3.56 ล้านตัน จาก 3.95 ล้านตันในปีก่อนหน้า ทำให้ปริมาณน้ำตาลที่ขายได้ลดลงเหลือ 390,000 ตัน จาก 510,000 ตัน ราคาขายน้ำตาลดิบในตลาดต่างประเทศเฉลี่ยอยู่ที่ 22.42 เซ็นต์ต่อปอนด์ สูงกว่าปี 2023 ที่ราคา 20.36 เซ็นต์ต่อปอนด์ ราคาอ้อยขั้นสุดท้ายอยู่ที่ 1,425 บาทต่อตัน สูงกว่าปี 2023 ที่ราคา 1,099 บาทต่อตัน

2. โอกาสทางธุรกิจ (Business Opportunities):

บริษัทฯ เห็นโอกาสในการเติบโตในตลาดน้ำตาลที่มีความต้องการสูง โดยเฉพาะในทวีปเอเชีย ซึ่งมีความต้องการบริโภคน้ำตาลมากกว่าปริมาณที่ผลิตได้ในภูมิภาค บริษัทฯ ตั้งเป้าที่จะเพิ่มสัดส่วนการส่งออกไปยังตลาดเอเชีย เพื่อตอบสนองความต้องการที่เพิ่มขึ้น

KSL ยังมีแผนที่จะขยายธุรกิจไปยังผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าเพิ่มสูงขึ้น เช่น น้ำตาลรีไฟน์ ซึ่งมีราคาสูงกว่าน้ำตาลดิบ และเป็นที่ต้องการของตลาดพรีเมียม นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมองหาโอกาสในการลงทุนในเทคโนโลยีใหม่ๆ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตและลดต้นทุน

3. ความเสี่ยงที่กำลังเผชิญ (Risks and Challenges):

KSL เผชิญกับความเสี่ยงจากสภาพอากาศที่แปรปรวน ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อปริมาณอ้อยและผลผลิตน้ำตาล นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังต้องเผชิญกับความเสี่ยงด้านราคาจากความผันผวนของราคาน้ำตาลในตลาดโลก และความเสี่ยงด้านการแข่งขันจากผู้ผลิตรายอื่น

นอกจากนี้ KSL ยังมีความเสี่ยงด้านกฎระเบียบจากนโยบายของรัฐบาลที่อาจเปลี่ยนแปลงไป และความเสี่ยงด้านการดำเนินงานจากปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในกระบวนการผลิต

4. วิธีการแก้ไขปัญหาผลกระทบ (Problem-Solving and Mitigation):

KSL มีแผนที่จะบริหารจัดการความเสี่ยงด้านสภาพอากาศโดยการทำประกันภัยพืชผล และลงทุนในระบบชลประทานเพื่อลดผลกระทบจากภัยแล้ง นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังใช้เครื่องมือทางการเงิน เช่น การทำ Hedging เพื่อลดความเสี่ยงจากความผันผวนของราคาน้ำตาล

เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงาน KSL มีแผนที่จะลงทุนในเทคโนโลยีใหม่ๆ และปรับปรุงกระบวนการผลิต นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังให้ความสำคัญกับการพัฒนาบุคลากร และสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับคู่ค้า

5. แนวโน้มและอนาคต (Outlook and Future Trends):

KSL มองเห็นแนวโน้มการเติบโตของธุรกิจในอนาคต โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากความต้องการบริโภคน้ำตาลที่เพิ่มขึ้นในตลาดโลก และการขยายตัวของเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชีย บริษัทฯ ตั้งเป้าที่จะเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมน้ำตาลอย่างยั่งยืน โดยให้ความสำคัญกับการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพสูง และการดำเนินธุรกิจที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

KSL ยังมีแผนที่จะลงทุนในพลังงานสะอาด และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เพื่อตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าและสังคมที่ให้ความสำคัญกับความยั่งยืน

6. ช่วงถาม-ตอบ (Q&A Session): [01:02:12]

- Inventory และรายละเอียด Operation

KBS มี Inventory ตอนปลายปี (Year-End) ของน้ำตาลประมาณ 100,000 ตัน และกากน้ำตาล (Molasses) ประมาณ 40,000 ตัน โดยปกติจะมีการเปิดหีบ (Crush) ในช่วงเดือนธันวาคม ดังนั้น Stock Year-End จะมีผลผลิตใหม่ผสมอยู่

Operation และ Cell Volume:

โดยปกติธุรกิจน้ำตาลจะเปิดหีบตั้งแต่เดือนธันวาคมถึงมีนาคม ทำให้การขายน้ำตาลส่วนใหญ่เกิดขึ้นในช่วงต้นปี ธุรกิจมีการขายน้ำตาลทรายขาว (Refined Sugar) ในไตรมาส 3 แต่ปริมาณการขายจะน้อยกว่าช่วงต้นปี

Q1 และ Q2 งบการเงินจะดี, Q3 งบการเงินจะลดลงเพราะน้ำตาลขายเกือบหมด, Q3-Q4 เป็นช่วงฤดูทำไร่อ้อย