สรุป OPPDAY หุ้น JDF

บริษัท เจดีฟู้ด จำกัด (มหาชน)
สรุปงบการเงิน
ไตรมาสที่ 4 ปี 2567
สรุป OPPDAY
สรุป Oppday JDFood: ปี 2567 ทะยานสู่ปี 2568 ด้วยกลยุทธ์รอบด้าน
สรุป Opportunity Day ของบริษัท JD Food จำกัด (มหาชน) ประจำปี 2567 นำเสนอภาพรวมธุรกิจ, โอกาส, ความเสี่ยง, แนวทางการแก้ไข, และแนวโน้มในอนาคต โดยมีผู้บริหารระดับสูงร่วมให้ข้อมูลและตอบคำถาม
1. ภาพรวมผลกระทบต่อธุรกิจ (Business Impact Overview)
JD Food เป็นผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์เครื่องปรุงรส, เป็นผู้อยู่เบื้องหลังความอร่อยของหลากหลายอุตสาหกรรม เช่น บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป, ขนมขบเคี้ยว, ร้านอาหาร, และร้านอาหารแฟรนไชส์
- ผลประกอบการปี 2567:
- รายได้จากการขาย 659.58 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.47%
- กำไรสุทธิ 79.74 ล้านบาท เติบโต 88.64%
- ปัจจัยหลัก: เพิ่มประสิทธิภาพการผลิต, ลดต้นทุน, บริหารค่าใช้จ่าย
- ผลิตภัณฑ์หลัก:
- Seasoning (เครื่องปรุงรส): core business
- Filling & Jam (ไส้ขนมและแยม)
- ขนมขบเคี้ยวจากมะพร้าว
- ขนมเพื่อสุขภาพ
- อาหารอบแห้ง
- แบรนด์ภายใต้บริษัท:
- OK: ผงเขย่า, ไส้เบอร์เกอรี่
- Krips Conut: มะพร้าวอบกรอบ
- Kin Dee: ผงปรุงรสอาหารไทยสำเร็จรูป, Meal Kit
- Good Eat: สินค้าทางเลือกเพื่อสุขภาพ (ซุปกึ่งสำเร็จรูป, ขนมโปรตีนอบกรอบ)
- Key Highlights ปี 2567:
- รายได้จากการขาย 659.58 ล้านบาท
- กำไรสุทธิเติบโต 88.64%
- ออกผลิตภัณฑ์ใหม่และปรับปรุงแพ็กเกจจิ้ง
- เข้าร่วมโครงการ CAC (ต่อต้านคอร์รัปชั่น)
- ได้รับการรับรองคุณภาพตามหลักการกำกับดูแลกิจการที่ดีระดับ 4 ดาว
- ร่วมงานแสดงสินค้า Thaifex Anuga Asia 2024
รายได้หลักมาจากสินค้า ODM และ OEM ซึ่งเพิ่มขึ้น 7.81% ในปี 2567, ในขณะที่รายได้จาก Own Brand ลดลงเนื่องจากการเปลี่ยนแปลง Distributor และการส่งออกสินค้า Coco Munchy ที่ลดลง
2. โอกาสทางธุรกิจ (Business Opportunities)
บริษัทมองเห็นโอกาสในการเติบโตในตลาดผลิตภัณฑ์อาหารเสริมสุขภาพ (Food Supplement) และผลิตภัณฑ์ Health Food, โดยมีกลยุทธ์ในการนำเสนอสินค้าให้ลูกค้าเกิดการรับรู้และเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภค
- การเติบโตของตลาด:
- ตลาด Food Supplement คาดการณ์มูลค่า 2.52 พันล้านเหรียญสหรัฐ ในปี 2570
- ตลาด Health Food ในเอเชียแปซิฟิก คาดการณ์มูลค่า 25.09 พันล้านเหรียญสหรัฐ ในปี 2568
- ตลาดเบเกอรี่และ Filling ในไทย คาดการณ์มูลค่า 12.07 พันล้านเหรียญสหรัฐ
บริษัทจะเน้นการผลิตที่ยืดหยุ่น, ตอบสนองความต้องการของลูกค้า, นำเสนอรสชาติและนวัตกรรมใหม่ๆ, และสร้างความแตกต่างจากคู่แข่ง
3. ความเสี่ยงที่กำลังเผชิญ (Risks and Challenges)
บริษัทเผชิญกับความท้าทายจากราคาวัตถุดิบทางการเกษตรที่ปรับตัวสูงขึ้น, โดยเฉพาะมะพร้าวสดและผงโกโก้
4. วิธีการแก้ไขปัญหาผลกระทบ (Problem-Solving and Mitigation)
บริษัทมีการจัดการต้นทุนโดยการจัดซื้อวัตถุดิบและจัดการแรงงานอย่างมีประสิทธิภาพ, ปรับโครงสร้างองค์กร, นำเครื่องจักรมาใช้ทดแทนแรงงาน, และติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์เพื่อลดต้นทุนด้านพลังงาน
5. แนวโน้มและอนาคต (Outlook and Future Trends)
บริษัทคาดการณ์การเติบโตในตลาด Food Supplement, Health Food, และ Bakery, และมีแผนที่จะขยายตลาดไปยังเอเชียแปซิฟิก, โดยเฉพาะในกลุ่มผลิตภัณฑ์ขนมมะพร้าว
- กลยุทธ์การเติบโต:
- เน้นลูกค้าโรงงานอุตสาหกรรมอาหารและร้านอาหาร Chain
- ขยายตลาดไปยัง Food Supplement และ Horeca
- เพิ่มการ Sourcing วัตถุดิบจากต่างประเทศ
- รักษาลูกค้าเก่าและเพิ่มลูกค้าใหม่
- สร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้า
- เน้นการทำตลาดแบบ Below the Line (Demo, ชงชิม)
- ขยายช่องทางจัดจำหน่ายให้ครอบคลุม (Retail, E-commerce, Horeca)
- สร้างความแข็งแรงในการทำ Omni Channel
- ออกสินค้าใหม่และทำ Exclusive Pack สำหรับนักท่องเที่ยว
- พัฒนาสินค้าที่ตอบโจทย์กลุ่มรักสุขภาพ
- Co-brand กับแบรนด์อื่น
บริษัทมีเป้าหมายที่จะเพิ่มยอดขาย Own Brand โดยการจ้าง KOL, ขยายช่องทางจัดจำหน่าย, และออกสินค้าใหม่ที่สร้างความแตกต่าง
6. ช่วงถาม-ตอบ (Q&A Session) [00:41:27]
- Q: แนวโน้มผลการดำเนินงาน Q1/2568 เป็นอย่างไร?
- A: คาดว่าจะเติบโตมากกว่าปีที่แล้ว (QoQ และ YoY) เนื่องจากมีการลงทุนเพิ่มในสายการผลิตใหม่ (ลายทอด) ที่เริ่มผลิตและจำหน่ายได้ตั้งแต่กุมภาพันธ์
- Q: ภาพรวมอุตสาหกรรมปัจจุบันและหลังจากนี้จะเป็นอย่างไร?
- A: ท้าทายมากเนื่องจากเศรษฐกิจไม่ค่อยดี แต่ JD Food ยังมีความหวังเนื่องจากอยู่ในอุตสาหกรรมอาหาร และมีการปรับกลยุทธ์ (ตามที่ ธีรดา แจ้งไป) ทุกบริษัทพยายามรัดเข็มขัด ลดต้นทุน แต่ยังคงคุณภาพ โดยใช้เครื่องจักรมากขึ้น พัฒนาแรงงานให้ใช้ Skill ในการทำงาน
- Q: เป้าหมายปี 2568 เป็นอย่างไร? ธุรกิจมีความเป็นฤดูกาลหรือไม่? ไตรมาสไหนมาก/น้อยที่สุด?
- A: ตั้งเป้าเพิ่ม Double Digit และคิดว่าเป็นไปได้ เนื่องจากมี Order ที่ได้รับมา และมองดูแล้วมีโอกาสจะเป็น Double Digit ตั้งแต่ต้นปี ในส่วนของ Seasonal สินค้าของบริษัทมีบ้าง แต่มีทั้ง Export และในประเทศ ทำให้สลับกันไป Export จะมี Seasonal ส่วนหนึ่ง ในประเทศก็จะเป็น Seasonal อีกแบบหนึ่ง ในช่วงที่โรงเรียนหยุด กลุ่มลูกค้า Snack อาจจะลดน้อยลง
- Q: ทำไม Utilization Rate (U Rate) ของบริษัทถึงน้อย? แยกออกมาได้ไหมว่าแต่ละ BU มี U Rate เท่าไหร่?
- A: การคิด U Rate ของบริษัทเกิดจากการคิดจำนวนทั้ง 2 กะ แต่ปัจจุบันบริษัทยังทำงานอยู่ที่ 1 กะ และเนื่องจากมีการย้ายโรงงานในปี 2563 เราเพิ่มกำลังการผลิตจากการที่ผลิต Bat Size ครั้งละ 100 กิโลกรัม เป็นเกือบๆ 1 ตัน เพิ่มขึ้น 10 เท่า ทำให้ปัจจุบัน U Rate ของบริษัทอยู่ที่ 36% ถ้าแยก BU, U Rate สูงสุดในกลุ่มสินค้าจะเป็นในกลุ่มสินค้ามะพร้าวอบกรอบ
- Q: งบกระแสเงินสดจากการลงทุนระบุว่ามีการลงทุนในเครื่องจักรค่อนข้างเยอะ ทั้งที่ U Rate ต่ำ, ลงทุนเครื่องจักรทำอะไร? ผลิตเป็น OEM หรือ Own Brand?
- A: มีการลงทุนในลายทอด (ลายใหม่) เพิ่มขึ้น ซึ่งตอนนี้มีการผลิตแล้ว อะไรที่ทำเสร็จเรียบร้อยแล้ว ตัวนี้มี OEM และมีแผนที่จะทำแบรนด์ของตัวเองด้วยที่จะขายไปต่างประเทศ
- Q: สินค้าแบรนด์ของบริษัทที่จะเติบโตในปี 2568 มีแผนที่จะจ้าง KOL หรือไม่? หรือไปเติบโตในห้างค้าปลีกหรือต่างจังหวัด?
- A: มีแผนที่จะจ้าง KOL ในการที่จะมาเพิ่มการรับรู้ของสินค้าในกลุ่มของแบรนด์ OK และจะ Cover Channel ไปให้ทั่วประเทศ
- Q: ปัจจุบันสินค้าที่ทำให้กับ Macro เป็น ODM หรือ OEM? (เห็นสินค้าของเราอยู่ใน Macro จำนวน 2 SKU) จริงๆ แล้วทำให้กับ Macro กี่ SKU?
- A: ปัจจุบันสินค้าที่ทำให้กับ Macro เป็น ODM มีการพัฒนาร่วมกับทาง Macro เพื่อให้ได้สินค้าตามที่ทาง Macro ต้องการ ปัจจุบันมีอยู่ 2 SKU เป็นผงมะนาว และเป็นผงลาบที่ทำกับคุณหม่ำด้วย ซึ่งในปี 2568 มีแผนจะเพิ่มแน่นอน
- Q: รายได้จาก Horeca คิดเป็นสัดส่วนเท่าไหร่ของปี 2567? ในปี 2568 คิดว่าจะโตสักเท่าไหร่?
- A: ปี 2567 Horeca จะอยู่ประมาณ 10% ของยอดขาย แต่ที่จะเติบโต เราคิดว่าจะโตประมาณ 30% สำหรับตัว Horeca เพราะตลาดตรงนี้เติบโตเยอะมากยิ่งขึ้น เนื่องจากแรงงานคนก็ขาด และเวลาที่ร้านค้าจะหาผู้ช่วยเชฟก็จะหาได้ยากมากขึ้น
- Q: ตัวผงเขย่าเห็นมีค่อนข้างเยอะในตลาด จะทำอย่างไรให้ของเราขายดีขึ้น หรือเป็นแบรนด์ที่ติดตลาดมากขึ้น?
- A: จะมีการทำ Marketing เพิ่มขึ้น เน้นให้ลูกค้าได้ชิมว่ารสชาติของเราต่างกับคู่แข่งอย่างไร และจะเน้นขยายตลาดให้ครอบคลุม
- Q: GP ใน Q4 ปี 2567 ถือว่าเป็นฐานใหม่ให้กับบริษัทในปี 2568 ได้หรือไม่?
- A: ถ้าถือว่า Q4 อย่างเดียวจะยังค่อนข้างยาก เนื่องจาก Q4 มีการ Adjust ในเรื่องของต้นทุนเล็กน้อยจากต้นปีมา ในเรื่องของค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับพนักงาน มันก็เลยจะดูว่าเหมือน Q4 มีกำไรเยอะมากขึ้น แต่จริงๆ แล้วคิดว่าภาพเฉลี่ยของปีน่าจะดีกว่า
- Q: การขยายตลาดใหม่ๆ ในต่างประเทศ บริษัทมองที่ไหนไว้บ้าง? เพิ่มเติมบ้างหรือไม่? และมองประเทศนั้นๆ เป็นอย่างไรบ้าง?
- A: ปีนี้ในส่วนของตลาดต่างประเทศจะกลับมาเน้นที่ในกลุ่มของเอเชียแปซิฟิก โดยเฉพาะในกลุ่มของขนมอบกรอบ (ขนมมะพร้าว)
- Q: ที่ดินโรงงานเดิมขายได้แล้วหรือยัง? ถ้ายังขายไม่ได้ มีโอกาสที่จะกลับมาทำโรงงานเพื่อเพิ่มศักยภาพให้กับบริษัทอีกหรือไม่?
- A: ที่เดิมยังประกาศขายอยู่ ขายพร้อมใบ รง. ด้วย แต่ถามว่าจะเอากลับมาใช้ไหม เนื่องจากว่าพยายามรวม 3 โรงงานเข้ามาเป็นโรงงานเดียว เพื่อให้การควบคุมหรือการดูแลต้นทุนของเราทำได้ดีมากขึ้น
- Q: สินค้า Own Brand มีแนวทางในการขยายผ่านช่องทางทางเซเว่นบ้างหรือไม่? และรวมด้วยจำนวนสาขาที่มาก?
- A: มี ตอนนี้มีการคุยกับทาง 7-Eleven เร็วๆ นี้อาจจะเห็นสินค้าของเราอยู่ที่ 7-Eleven ทั่วประเทศในกลุ่มของน้ำจิ้ม
- Q: ยอดขายของ Own Brand ที่หายไปจากการเปลี่ยน Distributor ตอนนี้มีแนวโน้มในการกลับเข้ามาในเรื่องของยอดขายเป็นอย่างไรบ้าง?
- A: มี ตอนนี้ปัจจุบันมี Distributor เพิ่มขึ้นเป็นทั้งหมด 2 ราย นอกจากการใช้ Distributor แล้ว ยังมีในส่วนของการที่บริษัทจะกระจายสินค้าเองไปในส่วนของ Modern Trade ด้วย
- Q: เราซื้อตัวทีม R&D ไปบ้างหรือไม่?
- A: บริษัทยังไม่ได้มีการซื้อตัว แต่ว่าเรามี R&D เก่งๆ เข้ามาร่วมงานกับเราเพิ่มมากขึ้น ปีนี้ R&D เราก็ยังแน่นเหมือนเดิม ในการที่จะพัฒนาสินค้าตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้า ไม่ว่าจะเป็นทางฝ่ายอุตสาหกรรมหรือว่าทางฝ่าย Horeca แล้วก็ต่างประเทศด้วย
โดยสรุป, JD Food ตั้งเป้าที่จะเติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาวโดยการขยายตลาด, พัฒนาผลิตภัณฑ์, บริหารต้นทุน, และให้ความสำคัญกับ ESG (สิ่งแวดล้อม, สังคม, และธรรมาภิบาล)