สรุปด้วย AI(O) BOT

บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) (IRPC) รายงานผลประกอบการไตรมาส 2/2567 บันทึกผลขาดทุนสุทธิ 732 ล้านบาท เทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนขาดทุนสุทธิ 1,945 ล้านบาท ขณะที่งวด 6 เดือนแรกของปี 2567 บริษัทมีกำไรสุทธิ 812 ล้านบาท เทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนขาดทุนสุทธิ 1,945 ล้านบาท รายได้จากการขายสุทธิไตรมาส 2/2567 อยู่ที่ 74,066 ล้านบาท ลดลง 578 ล้านบาท หรือ 1% จากไตรมาส 1/2567 เนื่องจากราคาขายเฉลี่ยลดลง แม้ว่าบริษัทมีกําไรจากสต๊อกน้ํามันสุทธิ 1,404 ล้านบาท แต่กําไรขั้นต้นจากการผลิตตามราคาตลาด ลดลง 38% จากไตรมาสก่อน ส่งผลให้ EBITDA ลดลง 69% เป็น 1,439 ล้านบาท

แผนธุรกิจในอนาคต บริษัทฯ มุ่งเน้นการปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตและการลดต้นทุน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มธุรกิจปิโตรเลียม เนื่องจากราคาขายเฉลี่ยของผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมยังคงผันผวน บริษัทฯ วางแผนที่จะเพิ่มสัดส่วนการผลิตผลิตภัณฑ์ที่มีมาร์จิ้นสูง เช่น กลุ่มอะโรเมติกส์ และกลุ่มสไตรีนิกส์ ในกลุ่มธุรกิจปิโตรเคมี และขยายฐานลูกค้าไปยังตลาดใหม่ เช่น ตลาดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพื่อลดการพึ่งพาตลาดจีน นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังเตรียมพร้อมรับมือกับความผันผวนของราคาพลังงานและวัตถุดิบ โดยการใช้กลยุทธ์การบริหารจัดการความเสี่ยง เช่น การทำสัญญาซื้อขายล่วงหน้า

การวิเคราะห์โอกาสการลงทุน IRPC มี P/E ติดลบ แสดงว่านักลงทุนไม่คาดหวังกำไรในระยะสั้น แต่มี P/BV อยู่ที่ 0.36 สะท้อนว่ามูลค่าหุ้นต่ำกว่ามูลค่าทางบัญชี ซึ่งอาจเป็นโอกาสสำหรับนักลงทุนที่มีความเสี่ยงสูง ราคาหุ้นเฉลี่ยย้อนหลังแสดงให้เห็นว่าหุ้น IRPC มีความผันผวนสูง และราคาหุ้นในช่วงหลายปีที่ผ่านมามีแนวโน้มลดลง D/E อยู่ในระดับสูง และเงินสดสุทธิจากกิจกรรมการลงทุนติดลบในช่วงหลายปีที่ผ่านมา สะท้อนถึงภาระหนี้สินที่สูงและการลงทุนต่อยอดธุรกิจอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม การที่บริษัทฯ มีวงจรเงินสดน้อย แสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพในการสร้างยอดขายและเรียกเก็บเงินสดได้ดี และเงินสดสุทธิจากกิจกรรมดำเนินงานในช่วงหลายปีที่ผ่านมาเป็นบวก สะท้อนถึงศักยภาพในการสร้างกระแสเงินสด โดยรวม การลงทุนในหุ้น IRPC เหมาะสำหรับนักลงทุนที่มีความเสี่ยงสูง และคาดหวังผลตอบแทนในระยะยาว โดยมีโอกาสรับเงินปันผล แต่ต้องติดตามสถานการณ์ตลาดน้ํามันและการดำเนินธุรกิจของบริษัทอย่างใกล้ชิด

## โอกาส
* หุ้น IRPC มีมูลค่าต่ำกว่ามูลค่าทางบัญชี อาจเป็นโอกาสสำหรับนักลงทุนที่มีความเสี่ยงสูง
* การที่บริษัทฯ มีวงจรเงินสดน้อย แสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพในการสร้างยอดขายและเรียกเก็บเงินสดได้ดี
* เงินสดสุทธิจากกิจกรรมดำเนินงานในช่วงหลายปีที่ผ่านมาเป็นบวก สะท้อนถึงศักยภาพในการสร้างกระแสเงินสด
* บริษัทฯ มีอัตราการใช้กำลังการผลิตโรงงานกลั่นน้ำมันดิบในไตรมาส 2/2567 อยู่ที่ 94% เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อน
* บริษัทฯ มีอัตราการใช้กำลังการผลิตของกลุ่มผลิตภัณฑ์โอเลฟินส์ อยู่ที่ 85% เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อน และเพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน
* บริษัทฯ มีอัตราการใช้กำลังการผลิตของกลุ่มผลิตภัณฑ์อะโรเมติกส์และสไตรีนิกส์ อยู่ที่ 84% เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อน และเพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน
* ส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์กลุ่มโพลีโอเลฟินส์กับราคาแนฟทาในไตรมาส 2/2567 มีแนวโน้มลดลง
* ส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์กลุ่มอะโรเมติกส์กับราคาแนฟทาในไตรมาส 2/2567 มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น
* ส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์กลุ่มโพลีสไตรีนิกส์กับราคาแนฟทาในไตรมาส 2/2567 มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น

## ความเสี่ยง
* ราคาหุ้นมีความผันผวนสูง
* ราคาหุ้นในช่วงหลายปีที่ผ่านมามีแนวโน้มลดลง
* D/E อยู่ในระดับสูง
* เงินสดสุทธิจากกิจกรรมการลงทุนติดลบในช่วงหลายปีที่ผ่านมา
* ต้องติดตามสถานการณ์ตลาดน้ํามันและการดำเนินธุรกิจของบริษัทอย่างใกล้ชิด
* โรงงานผลิตน้ํามันหล่อลื่นพื้นฐานหยุดซ่อมบำรุงในไตรมาส 2/2567 ทำให้กำลังการผลิตของโรงงานอยู่ที่ 81% ลดลงจากไตรมาสก่อน และลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อน
* สถานการณ์ตลาดปิโตรเคมีในไตรมาส 3/2567 ยังคงมีความท้าทาย เนื่องจากกําลังการผลิตใหม่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นมากกว่าความต้องการผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมี
* ส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์กลุ่มอะโรเมติกส์กับราคาแนฟทาในไตรมาส 2/2567 มีแนวโน้มลดลง
* ส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์กลุ่มโพลีสไตรีนิกส์กับราคาแนฟทาในไตรมาส 2/2567 มีแนวโน้มลดลง