สรุป OPPDAY หุ้น HUMAN
Oppday
สรุป OPPDAY
HUMAN ปักธง Q3 ปี 2568: โตต่อเนื่องด้วยกลยุทธ์ขยายตลาดและนวัตกรรมซอฟต์แวร์ HR ระดับโลก
สวัสดีครับเพื่อนๆ นักลงทุนและผู้ถือหุ้นทุกท่านของ Humanica วันนี้เรามาคุยกันถึงเรื่องผลประกอบการของไตรมาส 3 ของบริษัท Agenda วันนี้จะไล่คร่าวๆ ในส่วนที่มาของบริษัทสำหรับท่านที่อาจจะยังไม่รู้จักบริษัท แล้วก็ไปเน้นที่ผลประกอบการ และที่สำคัญคืออนาคตเราจะไปทางไหน
ปัจจุบัน Humanica มี Operation อยู่ใน 6 ประเทศ ได้แก่ ไทย สิงคโปร์ มาเลเซีย อินโดนีเซีย เวียดนาม และฟิลิปปินส์ มี Office ทั้งหมด 9 Location ใน 6 ประเทศ มีพนักงานกว่า 1,200 คน และมีลูกค้าอยู่มากกว่า 5,000 บริษัท ดูแลพนักงานของลูกค้าเรามากกว่า 2 ล้านคน
สิ่งที่เกิดขึ้นในปีนี้ หลักๆ ก็จะเป็นเรื่องของการที่เรามี M&A กับบริษัทซอฟต์แวร์ที่เป็นผู้นำของประเทศเวียดนามชื่อ Karina เดี๋ยวผมจะลงรายละเอียดอีกครั้งหนึ่ง เราก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 2546 และเติบโตมาจนกระทั่งเข้าตลาดหลักทรัพย์ในปี 2560 ปีนี้ก็เป็นปีที่ 21 ก้าวสู่ปีที่ 22
Mission Statement ของเราก็เหมือนเดิม คือ เราต้องการช่วยลูกค้าของเราให้ดูแลพนักงานได้ดียิ่งขึ้น และช่วยให้พนักงานสามารถทำงานได้ดียิ่งขึ้น จาก Automation หรือระบบ Digital Transformation ในส่วนของ Vision Statement Keyword ก็ยังเป็นเรื่องที่เราต้องการสร้างซอฟต์แวร์ระดับโลก อันนี้เป็นความฝันของเราตั้งแต่เราก่อตั้งบริษัท เราต้องการเป็นซอฟต์แวร์ไทยที่เป็นซอฟต์แวร์ที่จัดได้ว่าเป็น World Class เราต้องการเป็น World Class Product ที่ดีที่สุดในอาเซียน และหวังว่าถัดไปก็คือดีที่สุดในเอเชีย
ถ้าดูในแง่ของ Portfolio ของเรา เรามีการแบ่ง Product และ Service ของเราเป็น Segment คร่าวๆ คือ เรามี Enterprise Segment กับ SME Segment Call Product ของเราก็จะมีด้านของ HR ส่วนภายในเราเรียกว่า Total People Solution อันนี้ก็จะมี Intellectual Property หรือทรัพย์สินทางปัญญาของเราเองที่เราพัฒนาขึ้นมาเอง Enterprise ก็จะมี Brand หลักๆ คือ Workplace กับ Sunfish ในส่วนของอีกด้านหนึ่งก็คือเรื่องของ Outsourcing เป็น Business Process Outsourcing ซึ่งเราเน้นด้านของ HR Business Process จะมี Accounting Finance Accounting บ้าง แต่ก็ยังถือว่าเป็นส่วนน้อยของบริษัทของเรา โดย Brand ของด้าน BPO เราจะมี Brand Humanica เป็นหลัก และจะมี Brand ที่เจาะเรื่องของตลาดที่เป็น SME หรือลูกค้าที่ไม่ใหญ่มาก ชื่อ Professional Outsourcing Solutions นอกจากนี้ยังมี Brand ที่เอาไปเจาะตลาดอินโดนีเซีย ชื่อ Brand Sunfish ซึ่งเป็น Brand เดียวกับ Software Sunfish
ในส่วนของ SME ที่เป็น Software เรามี Product ที่เป็นของไทย ชื่อ Tiger Soft ซึ่งเป็น Software ที่มี Market Share น่าจะมากที่สุดสำหรับประเทศไทย แล้วก็มี Great Day เป็น SME Application ที่เป็น Mobile First สำหรับ Regional แต่ตอนนี้เราทำตลาดหลักอยู่ที่อินโดนีเซียและฟิลิปปินส์ นอกจากนี้เรายังมีส่วนที่เป็น Emerging Business คือ ERP Business ซึ่งจริงๆ มันก็เป็นธุรกิจที่เป็น Cash Cow คือมีกำไรและเติบโต ตอนนี้เรา Represent ตัว SAP Oracle SAP เราทำทั้งตัวใหญ่ตัวเล็ก ซึ่งอันนี้ สิ่งที่แตกต่างจาก People Solution หรือ HR Solution คือเราไม่ได้ทำ Software ของเราเอง เพราะเราเชื่อว่า ERP เป็นอะไรที่มันค่อนข้างจะ Generic ไม่ค่อยมีลักษณะพิเศษของประเทศ เพราะฉะนั้นการทำ ERP ให้เก่งกว่า SAP หรือ Oracle มันก็ไม่รู้จะแตกต่างเขาได้ยังไงในประเทศไทย หรือทำให้ดีเท่าเขา มันก็คงไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะว่าเขาใหญ่มาก อันนี้ก็เป็นเหตุผลว่าทำไมเราไม่พัฒนา Software ERP ของเราเอง
นอกจากนั้นเราก็มีกลุ่ม Ecosystem ที่เกี่ยวกับ HR ไม่ว่าจะเป็นด้าน Learning Management ด้านของ Consulting และด้านของเรื่อง Wellbeing อันนี้ก็เป็น Trend ใหม่ของโลกในการที่องค์กรจะดูแล Wellbeing ของพนักงานไม่ใช่แค่ให้สวัสดิการพื้นฐานตามที่กฎหมายบังคับ อันนี้ก็เป็นเรื่องที่โลกเปลี่ยนไปแล้ว คนไม่ได้ง้องาน องค์กรต้องง้อคน อันนี้ก็เป็นเรื่อง Talent
Business มองอีกมุมหนึ่ง คือ หลักๆ ถ้าเป็นด้าน HR เรามีด้านของ SARS Business หรือ Software as a Service คือเรื่องของ Licensing คือตัว Software นะครับ อันนี้ก็มี Workplace กับ Sunfish แล้วก็ Tiger Soft อันนี้เป็นตัว Product Portfolio ที่เรามีอยู่ในส่วนของ Software License ในส่วนของ Outsourcing เรามี Brand หลักคือ Humanica Outsourcing อย่างที่ได้เรียน เรามี Professional Outsourcing Solution สำหรับองค์กรที่ไม่ใหญ่มาก และในประเทศอินโดนีเซีย เราก็ยังใช้ Brand Sunfish เป็น Brand สำหรับเรื่อง Outsourcing นอกจากนี้เราเพิ่งทำเรื่องของ Consulting ได้ไม่นาน Consulting เป็น Area ใหม่ ซึ่งทำได้ไม่นาน ประมาณ 2-3 ปี แต่เรามองว่ามันมีความจำเป็นที่เราจะต้องไปสร้างทีม Consulting เพื่อไปช่วยลูกค้าเรา ในกรณีที่เขาอยากใช้ System ของเรา แต่เขาอาจจะยังไม่มีความพร้อมในเรื่องของทีมภายในเขาที่จะทำเรื่องของ Content ในเรื่องของทำ Process Improvement ทีม Consulting เราจะเข้าไปช่วยในส่วนนี้ และในส่วนของ Ecosystem ก็เป็นส่วนที่เราพยายามที่จะ Integrate แล้วก็บูรณาการให้มันเป็น End to End ของเรื่องของการดูแลคน การบริหารจัดการคน การพัฒนาคนขององค์กรต่างๆ
ESG เป็นเรื่องที่เราให้ความสำคัญในระดับขององค์กร เราก็ไม่ใช่แค่ต้องการ ESG Score สำหรับไปได้ Rating ที่ดีในตลาดหลักทรัพย์ เราคิดว่า ESG เป็นเรื่องใหญ่ เป็นเรื่องที่เราอยากทำเพื่อสังคม เพียงแต่เราต้องการทำ ESG ในมุมที่เราถนัด ที่เราเก่ง ไม่ใช่ทำ ESG เพื่อสร้างภาพ ในเรื่องของ ESG เราก็มีความ Focus อยู่ในเรื่องของการศึกษา เรื่องของการ จัดการ แก้ไขปัญหา เรื่องของหนี้สิน นี่เป็นเรื่องใหญ่ที่เราเชื่อว่าเราอยากจะช่วย พนักงานของลูกค้าเรา และถ้าเป็นไปได้เราก็อยากจะไปช่วยสังคมในวงกว้างมากกว่านี้ ถ้าเรามีโอกาส หรือถ้าเราสามารถทำได้ ในเรื่องของการช่วยให้คนสามารถที่จะสามารถที่จะบรรลุวัตถุประสงค์ในการที่จะเกษียณอายุได้อย่างมีคุณภาพ สิ่งเหล่านี้คือสิ่งที่เราอยากทำ
ในส่วนของ Environment ก็เป็นเรื่องหนึ่งที่เราพยายามทำอยู่ ไม่ว่าเรื่องของภาวะโลกร้อน ในเรื่องของความบริสุทธิ์ของอากาศ เราเริ่มตั้งแต่ภายในเราไปจนถึงเรื่องของ ถ้าเป็นไปได้อยากทำเรื่องของขยะ
ผลประกอบการของบริษัทเราก็โตมาต่อเนื่อง เราขาดทุนอยู่ประมาณ 4 ปีแรก อันนี้ก็เป็นช่วงยุคก่อตั้งเมื่อปีตั้งแต่ปี 2546 หลังจากที่เรา Break Even เราก็โตมาตลอด และเกอร์เราก็อยู่ที่ 20.65% เทียบวัดจากปี 2567 จากปีที่เราก่อตั้ง มีเกอร์อยู่ที่ประมาณ 20.65%
มาดู Q3 กัน สิ่งที่ผมอยากจะไปเร็วๆ คือเรื่องของภาพสรุปนะครับ รายได้เราโดยภาพรวม 9 เดือนเทียบกับปีที่แล้ว 9 เดือน เราโตอยู่ประมาณ 4% โดยที่ประเทศไทยมีการย่อตัวลงเล็กน้อย 9 เดือนแรก เทียบกับปีที่แล้ว อินโดนีเซียก็ ประคองของประเทศไทยโตขึ้นเล็กน้อย อินโดนีเซียย่อตัวลงเล็กน้อยประมาณ 3% อันนี้ก็มีเหตุผลมาจากเรื่องของอัตราแลกเปลี่ยน รูเปียเนี่ยค่าเงินอ่อน ค่าอย่างมีนัยสำคัญต่อเนื่อง อันนี้ก็มีผลกระทบต่อ Bottom Line ของ มีผลกระทบต่อผลประกอบการของอินโดนีเซียในภาพรวมเนื่องจากผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยน
ถ้าเราเอาเรื่องของ Exchange Rate ออก Normalize มัน เรามี จะมีการเติบโตของรายได้อยู่ประมาณ 9% Year on Year อันนี้ก็เป็นตัวเลขที่มันควรจะเป็นถ้าไม่มีผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยน Gross Profit เพิ่มขึ้นมาประมาณ 30 ล้านเทียบกับปีที่แล้ว 9 เดือน หรือประมาณ 6% โดยที่เปอร์เซ็นต์ของ Margin Gross Profit Margin เนี่ยดีขึ้นจาก 49% เป็น 50% เทียบกับรายได้ ในส่วนของ Operating Profit เนี่ยเพิ่มขึ้นมา 32 ล้านบาท หรือประมาณ 13% โดยที่ Operating Profit Margin เนี่ยดีขึ้นจาก 23% เป็น 25% ของ เทียบเมื่อเทียบกับรายได้ในปี 2568 นี้ ในส่วนของ Earning Before Tax เราโตขึ้นประมาณ 25 ล้านบาท หรือประมาณ 10% มันก็มาจากการที่ Operating Profit เราดีขึ้น ในส่วนของ Net Profit Margin เติบโตขึ้นประมาณ 8 ล้านบาท หรือ 4% อันนี้มันก็เป็นเรื่องของผลประกอบการที่ดีขึ้น แต่ว่าเราก็มีการต้องจ่ายภาษีมากขึ้นเนื่องจาก เนื่องจากการหมดไปเมื่อปีที่แล้ว
นี่ก็เป็นภาพรวมของ 9 เดือนที่ผ่านมา รายละเอียดเราได้เปิดเผยไว้ ถ้าท่านผู้ถือหุ้นหรือเพื่อนนักลงทุน อยากจะดูรายละเอียดก็สามารถเข้าไปดูได้
Q on Q เนี่ย Q3 ปีนี้เทียบกับ Q3 ปีที่แล้ว โตขึ้นประมาณ 7% ประเทศไทยโตขึ้นประมาณ 6% อินโดนีเซีย ย่อตัวไปประมาณ 7% ในส่วนภูมิภาค ซึ่งนอก Thailand กับ อินโดนีเซียก็ ดีขึ้น โตขึ้นประมาณ 63% Q3 ปีแล้วเทียบกับ Q3 ปีนี้ อันนี้ก็เป็นอินโดนีเซียก็อย่างที่เรียนมันมีผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยน ถ้าเรา Normalize ไม่มีอัตราแลกเปลี่ยนมากระทบเนี่ย มันควรจะเติบโตขึ้น 9% ไม่ใช่ 7%
GP Gross Profit เพิ่มขึ้นประมาณ 19 ล้านบาทใน Q3 ปีนี้เทียบกับปี ปีที่แล้ว หรือประมาณ 11% โดยที่ Margin ดีขึ้น เป็น 50% เทียบกับ 48% เมื่อปีที่แล้ว Operating Profit เพิ่มขึ้นประมาณ 18 ล้านบาท ใน Quarter 3 ปี 2568 เมื่อเทียบกับปี 2567 แล้วก็ Margin เนี่ยพัฒนาขึ้นดีขึ้นจาก 21% เป็น 24% EBT ก็ดีขึ้น โตขึ้นประมาณ 15% แล้วก็ Net Profit Margin ดีขึ้น เทียบกับ Q3 ปีที่แล้ว เติบโตขึ้นมา 14%
มาดูวิเคราะห์ประเภทของรายได้ เรามีสัดส่วนของ Recurring Income ที่แข็งแกร่ง อยู่ประมาณ 70 กว่าเปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับรายได้ทั้งหมดของบริษัท โดยที่ Recurring Income ก็ยังเติบโต Non Recurring Income ก็ยังเติบโต แต่ว่า Non Recurring เนี่ยใน Q1 Q2 ย่อตัวลงไปหน่อย จาก จากผลกระทบของเศรษฐกิจ และก็เรื่องของ Exchange Rate ทั้งหลาย รวมทั้งเรื่องของผลกระทบอื่นๆ ที่มาจากตัว การเปลี่ยนนโยบายเรื่องของ Product แต่ว่าภาพรวมเนี่ย ถ้าดูเรามีความเชื่อว่าถ้ามองดูทั้งปี เมื่อ เมื่อ เมื่อดูจากลักษณะธุรกิจเรา เราจะมีลักษณะ Seasoning คือ Q4 จะเป็น Best Q ขององค์กรเราตลอดมา เราก็เชื่อว่าปีนี้ในส่วนของรายได้ก็คงจะเติบโต แต่ปีนี้ผมอยากเรียนว่าคงไม่สามารถคาดหวังการเติบโตที่ก้าวกระโดด เราก็ยังคิดว่าอยู่ประมาณ ถ้าเป็นไปได้ก็ประมาณ 5% - 10%
ในส่วนของ Performance เนี่ย ของเรื่องของสถานะการเงิน เราก็ยังมีงบ งบการเงิน งบดุลที่ค่อนข้างแข็งแกร่ง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของตัวสภาพคล่อง เรื่องของ Cash Flow เรื่อง ของ D Ratio นะครับ ทุกอย่างยังมี มี มีความมั่นคงอยู่ ไม่มีอะไรต้องเป็นห่วง Cash Flow เรา ในส่วนของ ตัว Operating Cash Flow เนี่ย เรามีผล Operating มี มี Cash Flow จาก Operation เนี่ยอยู่ 400 กว่าล้าน แต่ว่าเราก็มีค่าใช้จ่ายอยู่ประมาณ Cash Flow ออกไปประมาณ 60 ล้าน แล้วก็ภาษีประมาณ 70 กว่าล้าน แล้วก็มีเรื่องของ Invest ถ้าเกี่ยวกับเรื่อง Investment ที่ ที่กระทบ Cash Flow เนี่ย เรามีการขาย Investment ของเราที่เป็นพวก เงินที่ไปให้สถาบันการเงินช่วยบริหารเนี่ย เรามีการขายออกไป เพื่อเอาเงินกลับเข้ามาใช้ในการทำ M&A แล้วก็ใช้ในการจ่ายเงินปันผล แล้วก็ในส่วนของตัวทรัพย์สินที่ ที่ ที่ เอาไปลงทุนเนี่ย ก็ได้มีการขายไป เพื่อเอามาซื้อหุ้นคืนนะครับ เรามี แคมเปญเรื่องของ Share by Back ตอนนี้ก็จบแล้ว เดี๋ยวมีรายละเอียดจะเล่าให้ฟังนะครับในส่วนของ Share by Back
เงินปันผลของเราก็ เพิ่มขึ้นทุกปี ตั้งแต่ปี 2561 ที่เราเพิ่งเข้าตลาดเนี่ย เรามีเงินปันผลอยู่ประมาณ 0.1 บาท 0.1 บาท แล้วก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนเมื่อปี 2567 เรามีการจ่ายเงินปันผลทั้งปี 2 ครั้ง อยู่ที่ 0.3 บาท หรือ 30 สตางค์ 0.3 บาท ปีนี้ครึ่งปีแรกเรามีการประกาศจ่ายปันผลไป 0.12 นะครับ แล้วก็ในส่วนของครึ่งส่วนของการจ่ายปันผลสำหรับผลประกอบการครึ่งปีหลัง อันนี้ก็ยังไม่ได้ มีการพิจารณาในบอร์ด แต่ว่าคิดว่ามันก็คงจะไม่ต่ำกว่าปี 2567
ในส่วนของการซื้อหุ้นคืนเนี่ย เราตั้ง Budget ไว้ที่ได้รับอนุมัติ จากผู้ถือหุ้นเนี่ยอยู่ 250 ล้านบาท เราได้ซื้อไปแล้วทั้งหมด 239 บาท แล้วก็จบโครงการแล้ว แล้วก็ในส่วนของแนวทางของหุ้นที่เราซื้อคืนมา เราก็ต้องทำการเสนอขายนะครับตามกฎของตลาดหลักทรัพย์ อันนี้ก็เป็นเรื่องที่เราจะดำเนินการในปี 2569 แต่ว่าถ้าเป็นไปได้เราก็อยากจะลดทุนมากกว่า อันนี้ก็เป็นสิ่งซึ่งจะต้องเข้าไปพิจารณากันใหม่ ใน ในคณะกรรมการอีกทีหนึ่ง
นี่เป็นตัวเลขคร่าวๆ ว่า การเติบโตขององค์กรเราเนี่ยเมื่อกี้ที่ได้เรียนไป มันเป็นเรื่องของทางบัญชี แต่ว่าถ้าพูดถึงการ การเติบโต เราคิดว่านี่คือตัวเลขอีมุมหนึ่งที่อยากจะนำเสนอ คือ New Sales Contract หรือ ที่เขาเรียก TCV เนี่ย Total Contract Value โดย ภาพรวมเนี่ยมันเติบโตขึ้นดีมาก โดยเฉพาะที่อินโดนีเซีย ถ้า ถ้ามองจากกราฟสีฟ้าเนี่ย จะเห็นว่าเติบโตดีขึ้นมากเมื่อเทียบกับปี 2567 ประเทศไทยก็โตขึ้นนะครับ แล้วก็สีชมพูเนี่ยคือเวียดนาม
ที่ผมอยากเรียนถึง Deal ที่เราเพิ่งปิดไปเมื่อเดือนสิงหาคม ก็คือ Karina ที่เวียดนาม Karina เป็นบริษัทที่เป็นผู้นำทางด้าน Software HR Payrol ในประเทศเวียดนาม ก่อตั้งโดยคน Dutch เป็นเป็น เป็นฝรั่งเศสครับที่ ตั้ง Karina มา 22 ปี ความจริงเขาตั้งบริษัทมาได้ประมาณ 25 ปี แต่เมื่อก่อนไม่ได้ใช้ใช้ชื่อว่า Karina เขาเพิ่งเปลี่ยน Brand แล้วก็ตั้งเป็นบริษัท Karina มาประมาณ 22 ปี ก่อน ก็โดยบังเอิญใกล้เคียงกับ Humanica มากเลย แล้วก็ปัจจุบันมีลูกค้าอยู่ประมาณ 300 กว่าบริษัท เป็นบริษัท ชั้นนำทั้งนั้นในประเทศเวียดนาม แล้วก็มีพนักงานใน Port เขาอยู่ประมาณ 200,000 กว่าคน มี Localization ของ Product เขานอกเวียดนามอยู่ประมาณ 10 ประเทศ พนักงานมีประมาณ 100 คน Size ของ Karina เนี่ยใกล้เคียงกับ Tiger Soft แล้วก็ชื่อเสียงของ Karina ก็ใกล้เคียงกับ Tiger Soft ในประเทศไทย คือ เป็นที่รู้จัก มีลูกค้า ชั้นนำ แล้วก็มีลูกค้าหลากหลายทั้ง SME แล้วก็ Enterprise แต่ว่า มีฐานลูกค้าใหญ่ คือ บริษัทขนาดกลาง นี้เรามาดู Segment ของลูกค้านี่ ก็จะมีหลากหลาย ที่เห็นว่าเป็น Service หรือ พวก Industry ค่อนข้างเยอะ Retail ค่อนข้างเยอะ แต่จริงๆ Segment ที่เป็นโรงแรมของ นี่ก็เยอะนะ อันนี้ก็เป็น สิ่งซึ่งคล้ายๆ กับ Humanica กับ Tiger Soft ในประเทศไทย คือ เรามีจุดแข็งใน บาง Segment ที่ มีความเฉพาะ เช่น โรงแรม โรงพยาบาล เรื่องของพวก อุตสาหกรรมที่ มีความซับซ้อนที่มากๆ เลย ส่วนมากจะเป็นเรื่อง Time เรื่องของการบริหารเวลา กะ การทำงาน การจัดกะ การ ประมวลผลเรื่องของ Overtime เหล่านี้ เป็น เป็นสิ่งซึ่งเป็นจุดแข็งของ Humanica Group ไม่ว่าจะเป็นตัว Workplace ไม่ว่าจะเป็น Tiger Soft ไม่ว่าจะเป็น Karina อันนี้ หรือ Sunfish อันนี้เป็นจุดแข็งของเรา ซึ่ง Software ต่างประเทศ อย่าง SAP Oracle Workday เขาจะทำได้ไม่ดี หรือทำไม่ได้เลยสำหรับเอเชีย
อันนี้เป็นการเปรียบเทียบกับคู่แข่งในเวียดนาม เราจะเห็นว่า Top 3 เนี่ย FPT ถ้าใครรู้จักตลาดเวียดนามจะรู้ว่า FPT เป็นยักษ์ใหญ่ไอทีของเวียดนาม แต่เขาใหญ่แบบทุกๆ เรื่อง แล้วก็จะเน้นเรื่องของการรับ ทำโปรเจค รัฐบาล เขามี Back ที่แข็งมากในส่วนของภาครัฐ VN Resource กับ Karina ก็จะเป็น คู่ คู่ คู่เทียบกันในส่วนของภาคเอกชน ส่วนข้างล่างเนี่ย ADP เป็น Outsourcing Provider ที่ใหญ่ที่สุดของโลก ในเวียดนามต้องเรียนว่า ADP นี่เล็กมาก पीपलก็เป็น Regional Player จากประเทศจีน ส่วนข้างล่างเป็น Global Software นะครับ Workday SAP Oracle ในเวียดนาม ไม่ ไม่ได้แข็งแกร่งอะไร นี่เป็น Timeline ของ Karina ตั้งแต่ปี 2546 มาจนกระทั่งปัจจุบัน ก็คงไม่ ไม่ ไม่ ไม่ลงรายละเอียดนะครับ ว่าเขามีการพัฒนา Product มีการเติบโตอย่างไรบ้าง เวอร์ชั่นต่างๆ ลูกค้าของเขาจะเห็นว่าเป็นบริษัท ชั้น ชั้นนำนะครับ ทั้งของโลก แล้วก็ Region แล้วก็ Local นะครับ หลายๆ บริษัทในนี้ใช้ Karina ในการเอาไปใช้เป็น Software ในการให้บริการอย่าง EY KPMG หรือ BDO ก็ใช้ Karina ในการไปทำเรื่องของ Service Payrol ของ ของพวกเขาในประเทศเวียดนาม แล้วก็ที่ ที่ผมอยากจะเน้นคือกลุ่ม ที่เป็น เป็นโรงแรมนะครับ ไม่ว่า IHG Marriott Ibis Hilton อันนี้เป็น เป็นจุดที่สอดคล้องกับจุดแข็งของ Humanica ในประเทศ ต่างๆ ไม่ว่า จะไทย อินโดนีเซีย สิงคโปร์ มาเล อันนี้เป็น เป็นเรื่องที่ผมคิดว่าเป็น เป็น Industry ที่เราสามารถสร้าง Differentiation ในเรื่องของ Vertical Segment ได้ อีก Segment นึงที่เราคิดว่าเรา มีจุดแข็งใน Group ก็คือเรื่องของ Retails นะครับ เรื่องของ ค้าปลีก แล้วก็เรื่องของ Hospitality ที่เป็นเรื่องของโรงแรง เอ่อ โรงพยาบาล ไม่ใช่แค่โรงแรง พวกนี้คือเรื่องที่เราจะค่อยๆ สร้าง Vertical Solution สำหรับกลุ่มของเรา
อันนี้เป็น Past Performance ของ Karina ก็เติบโตมาตลอด ตั้งแต่เขา่อตั้ง ใน 4 ปีหลังก็จะเห็นว่าเขาโตมาตลอดนะ อันนี้เปรียบเทียบ 2544 ถึง 2567 เหตุผลที่เขาขายเนี่ย เพราะว่า Founder ที่ชื่อ Mark เนี่ยเขาต้องการเกษียณ จริงๆ ผมคุยกับ Mark มาประมาณ 4 ปีหลัง แต่ว่าเมื่อก่อนนี้เขาตั้งราคา Valuation ค่อนข้างสูง เราก็บอกว่ามัน มัน มัน เราไม่อยากจะไปซื้อของแพง จนกระทั่งเมื่อปีที่แล้วเขากลับมา หาผมอีกทีว่า เอ่อเขาคิดว่าเขา เขาอยากจะ Exit อยากจะเกษียณ ก็เริ่มคุยกันใหม่แล้วก็จบ เมื่อกลางปีนี้นะครับ อันนี้ก็เป็นที่มาของ Deal Karina
เพราะฉะนั้นปัจจุบันเราต้องบอกว่าเรามี Karina อยู่ใน Portfolio Product ของเรา สิ่งที่ผมอยากจะเรียนคือว่า หลังจากนี้ ตั้งแต่นี้เป็นต้นไป สิ่งที่เราจะทำคือเราจะเสริม เขาเรียกอะไรความแข็งแกร่งของเราด้วยการ Integrate Portfolio ทั้งหมดของเราให้มันไปเป็นหนึ่งเดียว ปัจจุบันเรายังมี Sunfish เป็น Product เอกเทศ เรามี Tiger Soft เป็น Product เอกเทศ เรามี Karina เป็น Product เอกเทศ เราต้องการ Consolidate ทุก Product เข้ามา ให้มาเป็น Single Platform แต่เราอาจจะ Launch ในแต่ละประเทศต่างๆ ภายใต้ Brand เดิม แต่เราไม่ต้องการให้แต่ละประเทศ แต่ละ Brand ทำ Product ด้วยตัวเองมันซ้ำซ้อนกัน เช่น ทำ เรื่องของ Core Payrol Core HR เรื่องของ Time Attendance Time Management Lead Management ต่างคนต่างทำ อันนี้เราต้องการทำให้เป็นหนึ่งเดียว ต้องการให้เป็น The Best แล้วทำแค่ 2 Segment คือ Enterprise กับ SME นี่คือ Strategy ที่เราจะไป ผมคิดว่าอาจจะต้องใช้เวลาประมาณ ปีหน้า คือ ปี 2569 เราจะเห็นรูปธรรมนะครับ แล้วก็ถ้ามันเสร็จเมื่อไหร่ สิ่งที่ผมมั่นใจว่าเราจะเห็นคือเรื่องของการที่เราจะมีจุดแข็งเหนือกว่า Software Local เราจะมีจุดแข็งเหนือกว่า Software Global เพราะว่าเราจะเป็น Software ที่มี Localization แต่มี Scale มีความเป็น Global Platform อันนี้คือสิ่งที่เราต้องการเห็น แล้วก็เราคิดว่าเราจะมีProduct สำหรับ Different Segment เรา เราเชื่อว่านี้จะทำให้เราสามารถที่จะ เติบโตได้ โดยที่ ไม่ใช่เอา Product ใหญ่ไปขาย Segment เล็ก เดี๋ยว Segment เล็ก Segment SME ไปขาย Enterprise ซึ่งมัน มัน มัน มันสเกลไม่ไหวนะครับ นี่คือเหตุผลที่เราจะทำ ส่วน ที่เห็น Great Day เนี่ย เป็น เป็นเรื่องที่เราคิดอยู่ว่าเราจะทำ Segment ที่เป็นเล็กๆ จริงๆ หรือเปล่า อันนี้ก็เป็น Software ที่อยู่ใน Portfolio อันหนึ่ง พัฒนาอยู่ที่อินโดนีเซีย เราสันเป็นอีกดีลหนึ่งที่เกิดขึ้นในปีนี้ เพิ่ง complete ไปเมื่อเดือน 2 เดือนที่ผ่านมานะครับ เป็น เป็น เป็น Vendor ที่ทำเรื่อง ERP แต่เขา Focus คือเรื่องตัวใหญ่ นะครับ คือ SAP ตัว S4HANA ผมคงไม่ลงรายละเอียดมากนะครับในส่วนของ ลสัน เพราะว่าก็เป็น เป็น เป็น SI ที่ทำ SAP S4HANA ราย หนึ่งในประเทศไทย เรามาเสริม เพราะว่าตอนนี้เรามี SAP Business One นะฮะProduct เรามี Oracle NetSuite Product ถ้าเรามี S4HANA ก็จะเป็น ERP ที่เป็น Choice ให้ลูกค้าเราตั้งแต่ตัวที่ไม่ใหญ่มาก คือ SAP Business One ไปจน จนถึงตัวที่ใหญ่มากๆ คือ SAP S4HANA ที่องค์กรใหญ่ ระดับ โลก ระดับ ประเทศ ใช้เงินเยอะๆ นะครับ นี่คือ Strategy ของ ERP Business ของเรา
นี่ก็เป็นลูกค้านั้นก็ปัจจุบันนะครับ ของ ลสัน ก็มีบริษัทขนาดใหญ่อยู่ ไม่น้อยเลยนะครับ เพราะว่าคนที่ทำ คนที่พร้อมที่จะลงทุนแต่ ERP ตัวใหญ่ๆ ส่วนมากก็ ต้องมีองค์กรขนาดที่ค่อนข้างใหญ่
Performance ของ ลสัน ก็ ไม่ ไม่ได้หวือหวา นะครับ ก็เติบโตมาเรื่อยๆ ในส่วนของ Gross Strategy ก็เหมือนเดิมนะครับ เรายัง Focus เป็นอันดับแรก คือ การที่เติบโตโดยออร์แกนิค เราเน้นที่คุณภาพของ Software เราเน้นที่คุณภาพของทีมของคน คุณภาพของ Process นะครับ Methodology ต่างๆ ในส่วนของการเติบโตโดย M&A เราก็ดู เราก็พิจารณา เพียงแต่เราไม่ใช่ เราจะไม่ใช่ไปออกไปควานหาแล้วก็ซื้อๆ ๆ ซึ่งอันนั้นไม่ใช่ Priority ของเรา แล้วก็การสร้าง Ecosystem การสร้าง Partner การที่จะโตในสิ่งที่เราไม่เก่ง แต่เกี่ยวข้องกับธุรกิจของเรา บางครั้งเรา แทนที่เราจะ Build เองผมว่า บาง บางครั้งเรา Borrow จาก Partner ของเราจะดีกว่า หรือ ถ้าเป็น M&A ก็คือ Buy เข้ามาเลย อันนี้คือสิ่งที่เป็นองค์ประกอบของ Strategy ของ Humanica
คิดว่าน่าจะเป็นเวลาของ Q&A มีคำถามเข้ามาบ้างแล้ว ผมจะลองไล่ๆ ไปก่อน มีคำถามมาเรื่องของการที่เราวางตำแหน่ง Workplace ให้เป็น Single Source of Truth สำหรับข้อมูลพนักงาน ทางคำถามคือทาง Humanica ใช้กลยุทธ์ Orchestration Layer อย่างไร ในการเปลี่ยนความจริงและกลายเป็นอำนาจผูกขาด คงจะต้องเรียนว่าเรา เราไม่คิดว่าเราจะมีอำนาจผูกขาดได้นะครับ แล้วอันที่ 2 เราไม่ได้เป็นเจ้าของ Data ของลูกค้าเรา เราเพียงแต่ มีความต้องการเอา Data ลูกค้าเรามาเสริมแล้วก็ add Value กลับไปให้กับองค์กรของเขา แล้วก็ทุกสิ่งทุกอย่างที่เราจะทำเนี่ย เราจะทำเพื่อลูกค้าเรา เราจะทำเพื่อพนักงานของลูกค้าเรา เราไม่ จะไม่เอา Data ลูกค้าเรามาทำอะไรโดยที่เพื่อเป็น Commercial หรือเอา มา Monetize ในส่วนของ Data ลูกค้าของเรา แต่ การที่เราจะผูกมัดลูกค้าเราให้อยู่กับเราเนี่ย เราไม่ได้คิดว่าเราจะเอา สิ่งที่เรามีในเรื่องของ Data ลูกค้าเรามาผูก เราคิดว่าเราจะผูกมัดลูกค้าเราด้วย สิ่งที่ทำให้เขารู้สึกพอใจ สิ่งที่ทำให้ประสบการณ์ของพนักงานเขาดี ได้อย่างไรต่อ Product Service สิ่งที่เขาจะได้จากการทำ Process Improvement หลังจากมาใช้ Service เรา Automation ต่างๆ AI ที่เรากำลังทำเพื่อ Feed เข้าไปเพื่อนำเสนอ สิ่งใหม่ๆ ความสะดวกใหม่ๆ ให้กับลูกค้าของเรา ให้กับพนักงานของลูกค้าเรา ให้กับ เรื่องของการทำ Automation ลด งาน manual ไอ้สิ่งต่างๆ เหล่านี้ผมคิดว่าคือสิ่งที่จะทำให้ลูกค้า ยึดติด หรืออยากจะอยู่กับเรานะครับ ไม่ใช่เอาเรื่อง Data เข้ามา ผูก ผูก ขาด อันนี้ ไม่ใช่แนวทาง ของ Humanica
แล้วก็ Data เนี่ย อย่างที่เรียนนะครับมันเป็นเรื่อง Sensitive มาก เราไม่ใช่เจ้าของ Data ของลูกค้าเรา แล้วลูกค้าเราก็ไม่ได้เป็นเจ้าของ Data ทุกสิ่งทุกอย่างของพนักงานของเขา เพราะงั้นเรื่องของ Privacy เป็นเรื่องที่ใหญ่มาก แล้วก็เป็นเรื่องที่เราให้ความสำคัญมาก นอกจากเรื่อง Security เรื่อง Cyber Pต่างๆ เนี่ย เรื่องของ Privacy เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่จะให้ความสำคัญมากๆ
ตอนนี้พอดีมันมัน move ไม่ได้ เดี๋ยวผมขอขยับคอมนิดนึง คำถามไม่ขยับ เอ่อมีคำถามถัดไปนะครับ Average Time to Go Live ของโครงการอยู่ที่กี่เดือน แล้วก็มีเป้าหมายจะลดให้สั้นลงได้มากน้อยแค่ไหน ปัจจุบันเนี่ย Time to Go Live เราอยู่ประมาณ ประมาณ สัก 4-6 เดือนนะครับ แล้วก็อันนี้สำหรับโปรเจคที่ Size เป็นของ Workplace นะ ไม่ใช่ Soft หรือ Karina อันนี้เราคิดว่า AI กับเรื่องของตัว Readiness ของ Product ที่เรา Improve มาเรื่อยๆ เนี่ยจะทำให้มันสั้นลงได้ แล้วก็จะทำให้ เรื่องของ Profitability หรือ Margin เราดีขึ้นได้ เป้าหมาย ผมคงจะ จะ จะสามารถบอกได้เมื่อเราบรรลุสิ่งที่เราตั้ง ตั้ง Target ไว้นะครับ ประมาณปลาย Q1 Q2 เราน่าจะมี มองเห็น Achievement ในเรื่องของการที่เราจะ Improve เรื่องของการทำให้ Implementation Effort มันสั้นลงได้นะครับ ยังไง มีคำถามมาว่ามีการใช้ Third Party Partner ในการ Implement หรือไม่ เอ่อต้องเรียนว่าปัจจุบันเราไม่มีนะครับ เราทำทุกๆ โปรเจคด้วยตัวเอง เหตุผลเพราะว่าเรายังต้องการให้ อยู่ในความควบคุมของเราในเรื่องการควบคุมคุณภาพนะครับ แล้วการที่เราจะไป มอบหมาย SI ไม่ว่าจะเป็นในประเทศไทย หรือประเทศอื่น มา Implement Product ของเราเนี่ย มันมี Factor หลายอย่างที่เราจะต้องพร้อมกันนี้ เพราะฉะนั้นเราคิดว่า การที่ เราจะเติบโตโดย SI ซึ่งมันเป็นโมเดลที่ องค์กรระดับโลกไม่ว่า จะ SAP Oracle ก็ทำเนี่ย มันเป็นเรื่องที่เรามี เรามีความคิดอยู่ เพียงแต่ว่าเรายังอยากจะให้เราพร้อมกันอีกนะ ที่จะใช้โมเดลที่เติบโต ด้วย SI กลุ่มลูกค้า Enterprise ที่ เปลี่ยน จาก Human Matrix เป็น Workplace มีมากน้อยแค่ไหน ปัจจุบัน Human Matrix Convert มาเป็น หรือ อัปเกรด มันเป็น Workplace เรายังน้อยได้เข้าไป คอนวิส ลูกค้านะครับ เพราะว่าลูกค้าใหม่ที่อยู่ ใน มือของ Workplace ก็มีเยอะ จนเรา เราเองก็ต้องเพิ่มทีมเพื่อมา Implement แล้วก็ Deliver โปรเจคเหล่านั้น เพราะงั้นลูกค้า Human Matrix นิ่งอยู่แล้ว เราจะยังไม่พยายาม ชวนให้เขา อัปเกรด นะครับ นี่เป็นเรื่องที่เราจะทำ ภายในเวลา 5-7 ปี นะครับ ไม่ ไม่ใช่ ไม่ใช่ Short Term หรือว่าเป็นอะไรที่ urgent นะครับ Deal Joint Venture กับ ญี่ปุ่นตอนนี้อยู่ในขั้นตอนไหน เอ่อ Joint Venture กับญี่ปุ่นเนี่ย มัน มัน อาจจะไม่ใช่ Joint Venture อาจจะเป็นแค่ Business Partner อาจจะเป็น Joint Venture อาจจะมีเป็นลักษณะของ Co Investment อันนี้ก็ยัง อ่อนอยู่นะครับ แล้วก็ อยู่ในขั้นตอนการจริงๆ มีการ Vis กัน เราไป เราไป Vis เขาที่ โตเกียว แล้วก็ฮอกไกโด แล้วเขาก็มากรุงเทพฯ 3 ครั้งแล้ว อันนี้ก็เป็นช่วงที่กำลังทำความเข้าใจในเรื่องของ วิธีการทำงาน เรื่องของ การมาตั้ง แผนธุรกิจร่วมกันนะครับ ยังไม่ได้เกิดอะไรขึ้น ยังไม่ได้เซ็นอะไรกัน แต่ว่า ทุกอย่างเดินหน้า อยู่ นะครับ ยังอ่อนอยู่ ถามถึงเป้าหมายในปีหน้านะครับ ที่จะเห็นการเติบโตอย่างก้าวกระโดด อันนี้ผมอาจจะ ตอบคร่าวๆ ว่า เราก็ยัง เชื่อนะครับว่าถ้าเรามี ความพร้อมเนี่ย การเติบโตอย่างก้าวกระโดดก็เป็นเรื่องที่เรา เรา เรา เรามี แผนนะครับ ทำได้ ไม่ ได้ นี่ก็มีปัจจัยหลายอย่างที่ จะต้องทำให้สำเร็จก่อนนะครับ ผลกระทบด้านลบจากอัตราแลกเปลี่ยน บริษัทมีกลยุทธ์ เรื่อง อย่างไร เท่าที่ผมทราบเรายังไม่ได้ทำ นะครับในส่วนของ รูเปีย เพราะว่าเราอาจจะ มองว่าในส่วนของ ตัว อินโดนีเซียเนี่ยเรามีทั้งเงินสกุลรูเปีย แล้วก็สกุลที่เป็น US ดอลลาร์ สิ่งที่เป็นข้อดีอีกนะครับคือดอกเบี้ยของอินโดนีเซียเนี่ยสูงมาก แม้แต่เงินฝาก Fix checking Account เนี่ย เขาให้ดอกเบี้ยอยู่ประมาณ 4% นะครับ วันนี้ก็เป็น เป็นเรื่องที่รัฐบาล อินโดนีเซีย เขาต้องการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่าง มโหฬาร ใน ในส่วนของ เป็นเรื่องที่เขาก็พูดถึง แต่ว่าก็ยัง ไม่เห็นรูปธรรมนะครับ แต่หวังว่าในปีหน้า Q1 จะเห็นอะไรเป็นรูปธรรมจาก ส่วน ส่วน ส่วนธนาคารกลาง หรือว่าจากส่วนรัฐบาลของอินโดนีเซีย แต่เงินที่เรามีอยู่ในอินโดนีเซียเนี่ย เราได้ Return จากดอกเบี้ยไม่ว่าจะเป็นรูเปีย หรือ US ดอลลาร์ที่ค่อนข้างดี ครับ คาดการปีหน้ารายได้โต กี่เปอร์เซ็นต์ ผม ผมไม่แน่ใจว่า เป็น เป็น เป็นเรื่องที่ผมสามารถพูดได้แค่ไหนนะ เมื่อก่อนอาจจะพยายามให้เป็นเปอร์เซ็นต์ แต่ ไม่คนเตือนว่าจะไม่สมควรนะครับ แต่ว่าก็เรา เรา เรา เราคิดว่า มันดีกว่าปี 2567 ดีกว่า 2568 นะครับ จุดแข็ง คือ ข้อบังคับ กฎหมาย งาน แต่ ละ ประเทศ ไม่ เหมือน กัน ท่าน อย่าง ไร ให้ สามารถ ติด ตาม แก้ไข ได้ แบบ รี อ๋อเรามี การ เรา ต้อง ติด ตาม แก้ไข แบบ รี า อยู่ แล้ว เพราะ ว่า เรา จะ ต้อง ออ อัน ที่ 1 เรา ต้อง ปรับ ซิสเตม เรา ให้ ทัน ต่อ การ เปลี่ยน แปลง ของ กฎ หมาย นะ ครับ อัน ที่ 2 เรา ต้อง ออ ให้ เอ เค ชั่น ต้อง เอ ลูก ค้า เรา ให้ ทราบ ถึง การ เปลี่ยน แปลง ของ กฎ หมาย เพราะ อัน นี้ เป็น value ที่ เรา ให้ กับ ลูก ค้า เรา มา ตลอด คือ เรา จะ จัด ออ เป็น นิวส์ ออ เป็น เป็นนิวส์ อัปเดต ส่ง ให้ ลูก ค้า นะ ฮะ เป็น ออ เป็น เป็น เป็น เป็น ประจำ แล้ว ก็ ถ้า เป็น เรื่อง ใหญ่ ๆ เรา จะ จัด เป็น ชั่น สัมมนา แล้ว ก็ เชิญ ลูก ค้า มา ฟัง โดย ที่ มี คน ของ เรา กับ เอ่อ ผู้ เชี่ยวชาญ เอ่อ ไม่ ว่า จาก เอ่อ กรม แรง งาน กระทรวง แรง งาน หรือ เอ่อ เอ่อ ประกัน สังคม หรือ เอ่อ กระทรวง เอ่อ กระทรวง แห่ง ทาง หรือ กรม สรรพากร มา ให้ ข้อ มูล กับ ลูก ค้า ของ เรา นะ ครับ การ ตลาด ใน ชาติ หรือ เรื่อง ใหญ่ ต้อง เสริม ทีม การ ตลาด หรือ ไม่ ทํา ยัง ไง จะ สื่อ ให้ ธุรกิจ อาเซียน รู้ ว่า เรา เป็น ซอฟต์แวร์ อาเซียน อัน นี้ ต้อง ยอม รับ ว่า เป็น ness ของ เรา นะ ครับ ว่า การ ตลาด ของ เรา ยัง ค่อน ข้าง ที่ จะ เอ่อ ไม่ proดี พอ เรา เพิ่ง มี ทีม ตลาด จริง ๆ พึ่ง มี Head ของ marketing อ่า เมื่อ ต้น ปี นี้ แล้ว ก็ ทํา ได้ ดี นะ ครับ แล้ว ก็ พวก เรา จะ อ่า ผม คิด ว่า จะ ค่อย ๆ เห็น เอ่อ ชื่อ เห็น แบรนด์ เห็น สื่อ ต่าง ๆ ที่ เกี่ยว กับ เอ่อ ความ เคลื่อน ไหว ของ Humanica เอ่อ ดี ขึ้น เรื่อย ๆ นะ ครับ แล้ว ก็ marketing ใน ภูมิภาค เรา ก็ เพิ่ง เริ่ม นะ ครับ เมื่อ ประมาณ กลาง ปี นี้ ธุรกิจ เติบโต เดน ชาติ มี โอกาส ต้อง แข่ง ขัน ระบบ ซอฟต์แวร์ ระดับ โลก มาก ขึ้น ตัว ซอฟต์แวร์ ต้อง ปรับ ปรุง เพื่อ การ อ๋อ นี้ แน่ นอน ครับ เรา เรา ต้อง ปรับ ปรุง อยู่ แล้ว นะ ครับ ซอฟต์แวร์ เป็น ธุรกิจ ที่ อยู่ เฉย ไม่ ได้ แล้ว ก็ ไม่ ใช่ แค่ กับ ระดับ โลก ระดับ Regional ก็ เข้า มา เต็ม ไป หมด เลย นะ ครับ แล้ว ก็ เอ่อ ซอฟต์แวร์ tup ใหม่ ๆ อัน นี้ ก็ เป็น เรื่อง ที่ เอ่อ ไม่ ไม่ ใช่ แค่ เอ่อ SAP Oracle Workday นะ ครับ เต็ม ไป หมด นะ ฮะ เพราะ งั้น เรา เรา เรา จะ ต้อง ปรับ ตัว อยู่ แล้ว เอ่อ เรา ต้อง ปรับ ตัว อย่าง เอ่อ อย่าง รวด เร็ว อย่าง เอ่อ อย่าง มั่น คง เอ่อ อัน นี้ เป็น OK ตัว แรก ของ เมก คือ เรื่อง Product นะ ครับ เป็น เรื่อง ที่ เรา ให้ ความ สน กัน ที่ สุด เลย เอ่อ นอก เหนือ จาก เรื่อง การ เอ่อ ให้ ความ สำคัญ กับ คุณภาพ ของ คน ของ เรา ลูก ค้า ไร กลาง เล็ก ๆ น่า จะ เป็น จุด โฟกัส แรก ๆ เอ่อ จะ ได้ มุ่ง ชน คํายาย ราย ใหญ่ โร ตรง เอ่อ ผม เรียน ว่า กลาง เล็ก เป็น segment ที่เราอ นอร์ ไม่ ได้ เพราะ ใหญ่ ที่ สุด เอ่อ ใน โลก ใน Region และ ใน ประเทศ ไทย เป็น segment ที่ กว้าง ที่ สุด นะ ครับ แต่ ใน ทาง กลับ กัน Strategy ของ เรา segment Enterprise เป็น Blue Ocean ของ เรา เพราะฉะนั้น เอ่อ ผม คิด ว่า เรา เรา มี เอ่อ กลยุทธ์ ที่ จะ จับ ทั้ง Enterprise แล้ว ก็ มิ Market ส่วน ที่ จริง ๆ อันนี้ไม่ได้อยู่ใน ใน Target ของเรา นะครับ มี คนถามเรื่องรายได้ โต กี่เปอร์เซนต์ อ่า มาอีกซักกันนะครับ ซึ่งขออนุญาตข้ามตรงนี้ไป อืม หุ้น ที่ ซื้อ คืน มี แผน จะ ลด ทุน ไหม ครับ เอ่อ มี ครับ เรา ถ้า ขาย คืน กลับ ไป ไม่ หมด เรา ก็ จะ ลด ทุน นะ ครับ แล้ว เรา ก็ มี ความ ต้องการ จะ ลด ทุน อืม มาก กว่า ขาย คืน แต่ เอ่อ ต้อง เรียน ว่า มัน ก็ เป็น ช่วง ที่ เอ่อ เรา กำลัง ศึกษา ถึง ผล กระทบ นะ ครับ ว่า ถ้า เรา ลด ทุน มัน ก็ อาจ จะ ทํา ให้ ฟรี โฟ มัน ลด ลง ไป อีก ปัจจุบัน ฟรี โฟ มัน ก็ เป็น ประเด็น นะ ครับ ที่ เอ่อ อินเตอร์ เอ่อ หลาย ท่าน โดย เฉพาะ สถาบัน ต่าง ประเทศ มี ความ กังวล ว่า ฟรี โฟ เรา น้อย ไป นิด นึง ไม่ ไม่ นิด นะ ฟรี โฟ เรา น้อย เค้า ก็ มี ความ รู้ สึก ว่า มัน สภาพ คล่อง มัน มัน เป็น ปัญหา ของ ฮกา นี้ ก็ เป็น เรื่อง ที่ เรา ต้อง พิจารณา คู่ กับ เอ่อ การ ลด ทุน อ่ะ นะ ครับ ราย ได้ จาก อินโดนีเซีย ติด ลบ เอ่อ จะ มี วิธี บริหาร อย่าง ไร เอ่อ ก็ เป็น วิธี หนึ่งนะ นะครับ เพียง แต่ เรายังไม่ไม่ได้ ไม่ได้ทำเพราะว่าเราก็ไม่ได้เป็นองค์กรที่ทำ อยู่บนขนาดนั้นนะครับ เอ่อ แล้วก็ตราบใดที่เรายังไม่ เอ่อ ไม่ๆไม่ได้ เอ่อเปลี่ยนคือที่อินโดส่วนใหญ่ก็รับเป็นรูเปีย เพียงแต่ว่ารูเปียมันก็อยู่ของมันอย่างงั้นนะครับพอเพียงแต่พอคนเปิดเป็นไทยบาทเมื่อทำเมื่อทำคอมเฟรชั่นมันก็จะถูกเออ กระทบเพียงแต่ว่าเงินที่เป็นรูเปียมันก็อยู่กับที่นะครับ อันนี้ก็ก็ยังไม่ไม่ได้ถึงกับเป็นเออ เป็นๆถึงขั้นเป็นวิกฤตเออ อันนี้ผมเออแล้วก็มีเออ ก็เรียนว่าเรายังไม่ได้ถึงขั้นมีมาตรการที่จะทำเฮดจิ้งนะครับ อืม จะมีลูกค้าอะไรใหญ่กลุ่มไหนที่จะมีการเออ ปรับลดเอ่อจำนวนพนักงานหรือบริการหรือไม่ อันนี้ก็เป็นเรื่องที่ผมคิดว่าเรา เอ่อเราเห็นอยู่นะครับว่าผลกระทบของเศรษฐกิจทำให้หลายๆองค์กร เอ่อมีผลประกอบการที่ไม่ดีเอ่อทำให้เค้าต้องดาวน์ไซส์พอเค้าดาวน์ไซส์รายได้ของเราก็ลดลงเพราะจำนวนพนักงานเค้าลดลง เอ่ออันนี้ก็เป็นเรื่องที่เราก็ต้องหาลูกค้าใหม่มาเสริมนะครับ ขณะเดียวกันเออ ลูกค้าใหม่ๆ เราก็โตมาตลอดเรามีลูกค้าใหม่ตลอดเวลานะครับอันนี้ก็เป็นเรื่องที่เอ่อผมอยากเรียนว่ามันเป็น สิ่งซึ่งเราต้อง เราต้องปรับตัวต้องต้องต้องสู้ อยู่แล้ว มีคนแจ้งว่าหมดเวลาละ ก็ขอบคุณมากนะครับที่ติดตาม Humanica มาตลอดนะครับเอ่อมีอะไรที่ยังค้างคา ก็น็อคใหม่ หลังใหม่ได้นะครับขอบคุณมากครับสวัสดีครับ
สรุป: Humanica ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องใน Q3 ปี 2568 แม้จะเผชิญกับความท้าทายจากอัตราแลกเปลี่ยนและสภาวะเศรษฐกิจที่ไม่แน่นอน กลยุทธ์หลักของบริษัทคือการขยายตลาดในภูมิภาค การพัฒนาซอฟต์แวร์ HR ที่ตอบโจทย์ความต้องการที่หลากหลายของลูกค้า และการสร้าง Ecosystem ที่แข็งแกร่ง นอกจากนี้ Humanica ยังให้ความสำคัญกับ ESG และการสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อสังคม การเข้าซื้อ Karina ในเวียดนามและการร่วมมือกับ Lalsan ในไทยเป็นก้าวสำคัญในการเสริมสร้างความแข็งแกร่งของ Product และ Service ของบริษัท ในอนาคต Humanica มุ่งมั่นที่จะ Integrate Product และ Service ทั้งหมดให้เป็น Single Platform เพื่อมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดแก่ลูกค้าและพนักงานของลูกค้า
- ภาพรวมผลกระทบต่อธุรกิจ:
- รายได้รวมเติบโต 4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
- ประเทศไทยมีการย่อตัวลงเล็กน้อย, อินโดนีเซียย่อตัวลง 3% จากผลกระทบของอัตราแลกเปลี่ยน
- หากไม่รวมผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยน รายได้จะเติบโต 9%
- โอกาสทางธุรกิจ:
- การขยายตลาดในภูมิภาคอาเซียน
- การพัฒนาซอฟต์แวร์ HR ที่ตอบโจทย์ความต้องการที่หลากหลาย
- การสร้าง Ecosystem ที่แข็งแกร่ง
- ความเสี่ยงที่กำลังเผชิญ: