HMPRO
บริษัท โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน)

Oppday

ไตรมาสที่ 1 ปี 2568

สรุป OPPDAY

โอเคครับ จัดให้ตามคำขอ

HMPRO Oppday Q1/2568: ฝ่าลมแรงเศรษฐกิจซบเซา พร้อมสู้ศึกค้าปลีกยุคใหม่

ภาพรวมธุรกิจ Home Product Center (HMPRO) ในช่วงไตรมาส 1/2568 บริษัทฯ เผชิญกับความท้าทายจากสภาวะเศรษฐกิจที่ไม่เอื้ออำนวยและกำลังซื้อที่ชะลอตัว แต่ยังคงมุ่งมั่นในการปรับตัวและแสวงหาโอกาสใหม่ๆ เพื่อรักษาการเติบโตอย่างยั่งยืน

1. ภาพรวมผลกระทบต่อธุรกิจ (Business Impact Overview)

รายได้รวมของ HMPRO ในไตรมาส 1 ลดลง 0.7% YoY โดยมีปัจจัยหลักมาจาก:

  1. การชะลอตัวของเศรษฐกิจในประเทศและระดับโลก
  2. กำลังซื้อของผู้บริโภคลดลงจากภาระหนี้ครัวเรือนและอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น
  3. จำนวนวันทำการขายในเดือนกุมภาพันธ์น้อยกว่าปีก่อน (28 วัน vs 29 วัน)
  4. ผลกระทบจากมาตรการ Easy E-Receipt ที่ปรับลดวงเงินและเงื่อนไข

อัตรากำไรขั้นต้นลดลง 6 basis points เนื่องจากสัดส่วนการขายสินค้า Private Brand ที่มีอัตรากำไรสูงลดลง แต่ EBITDA ยังคงเติบโตได้ 1%

Same Store Sales Growth (SSSG) ของ HomePro ติดลบ 3.3% โดยมีสาเหตุหลักจากยอดขายเฉลี่ยต่อบิลที่ลดลง

ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร (SG&A) ลดลงจากการควบคุมค่าใช้จ่ายต่างๆ โดยเฉพาะค่าไฟที่ลดลงจากการติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์

ค่าเสื่อมราคาเพิ่มขึ้นตามการเปิดสาขาใหม่ และค่าธรรมเนียมบัตรเครดิตเพิ่มขึ้นตามยอดขาย

2. โอกาสทางธุรกิจ (Business Opportunities)

HMPRO มองเห็นโอกาสในการเติบโตจาก:

  1. การขยายสาขาในรูปแบบ Hybrid Format (HomePro + Mega Home) เพื่อลดต้นทุนการลงทุนและเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงาน
  2. การพัฒนาแพลตฟอร์ม Marketplace และ B2B เพื่อขยายช่องทางการขายและรองรับลูกค้ากลุ่มธุรกิจ
  3. การขยายฐานลูกค้า (Customer Base) และเพิ่มช่องทางการขาย
  4. การพัฒนาสินค้าและบริการใหม่ๆ เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า
  5. การสร้าง HomePro Ecosystem เพื่อสร้างความผูกพันกับลูกค้าในระยะยาว

3. ความเสี่ยงที่กำลังเผชิญ (Risks and Challenges)

HMPRO ตระหนักถึงความเสี่ยงที่อาจส่งผลกระทบต่อธุรกิจ ได้แก่:

  1. สภาวะเศรษฐกิจที่ผันผวนและความไม่แน่นอนทางการเมือง
  2. การแข่งขันที่รุนแรงในตลาดค้าปลีก
  3. การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้บริโภคและความนิยมในการซื้อสินค้าออนไลน์
  4. ความเสี่ยงด้าน Supply Chain และต้นทุนสินค้าที่อาจเพิ่มขึ้น
  5. ความเสี่ยงด้านกฎหมายและข้อบังคับต่างๆ

4. วิธีการแก้ไขปัญหาผลกระทบ (Problem-Solving and Mitigation)

HMPRO มีแผนการรับมือกับความเสี่ยงและแก้ไขปัญหาต่างๆ ดังนี้:

  1. การควบคุมค่าใช้จ่ายและเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงาน
  2. การปรับปรุง Product Mix และเพิ่มสัดส่วนสินค้า Private Brand ที่มีกำไรสูง
  3. การพัฒนาช่องทางการขายออนไลน์และ Omni-Channel เพื่อเข้าถึงลูกค้าได้มากขึ้น
  4. การบริหารความเสี่ยงด้าน Supply Chain และการจัดซื้อสินค้า
  5. การติดตามและปฏิบัติตามกฎหมายและข้อบังคับต่างๆ อย่างเคร่งครัด

5. แนวโน้มและอนาคต (Outlook and Future Trends)

HMPRO คาดการณ์ว่าธุรกิจค้าปลีกยังคงมีการแข่งขันที่สูง แต่บริษัทฯ มั่นใจว่าจะสามารถรักษาการเติบโตได้ด้วยกลยุทธ์ที่แข็งแกร่งและการปรับตัวอย่างต่อเนื่อง โดยมีเป้าหมายหลักคือการเป็นผู้นำในตลาด Home Improvement และ Lifestyle Solutions ในประเทศไทยและภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

บริษัทฯ ให้ความสำคัญกับการลงทุนในเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงานและสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้า

6. ช่วงถาม-ตอบ (Q&A Session): เริ่มต้น นาทีที่ 30:20

ช่วงถาม-ตอบมีการถามถึงประเด็นต่างๆ ที่น่าสนใจ ดังนี้

  1. หนี้สินและการบริหารจัดการ

    • คำถาม: HMPRO มีสัดส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E Ratio) ที่ค่อนข้างดี มีแนวทางในการรักษาความแข็งแกร่งนี้อย่างไร?

    • คำตอบ: บริษัทฯ มีนโยบายการบริหารจัดการหนี้สินที่ดี โดยมี Trade Term ที่แตกต่างกันในแต่ละประเภทสินค้า บางสินค้ามีระยะเวลาให้เครดิตสั้น ในขณะที่บางสินค้ามีระยะเวลายาวกว่า นอกจากนี้ ยังมีการเจรจาต่อรองกับเจ้าหนี้อย่างสม่ำเสมอ

  2. Mega Home และการขยายสาขา

    • คำถาม: การขยาย Mega Home จะทำให้สัดส่วนลูกหนี้การค้าสูงขึ้นหรือไม่ และมีแนวทางการบริหารจัดการ Working Capital อย่างไร?

    • คำตอบ: Mega Home ส่วนใหญ่เป็นการค้าขายด้วยเงินสด การขยายสาขาจึงไม่ส่งผลให้ลูกหนี้การค้าเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ นอกจากนี้ หากมีการขายแบบ B2B ก็จะมีการให้เครดิตเทอมที่รัดกุม โดยมี Bank Guarantee หรือหลักทรัพย์ค้ำประกัน Working Capital จะถูกบริหารจัดการโดยการควบคุมลูกหนี้ เจ้าหนี้ และ Inventory อย่างมีประสิทธิภาพ

  3. การลดปริมาณหุ้นกู้และหนี้สิน

    • คำถาม: มีแผนการลดปริมาณหุ้นกู้หรือหนี้สินที่มีอัตราดอกเบี้ยสูงหรือไม่?

    • คำตอบ: บริษัทฯ มีการ Monitor สถานการณ์ทางการเงินอย่างใกล้ชิด โดย D/E Ratio ยังคงต่ำกว่า 1 เท่า และอยู่ในระดับที่บริหารจัดการได้ นอกจากนี้ ยังมีการพิจารณาเรื่องการออกหุ้นกู้หรือหนี้สินใหม่ โดยคำนึงถึงอัตราดอกเบี้ยและ Rating ของบริษัทฯ

  4. การขยายสาขาในมาเลเซีย

    • คำถาม: มีแผนการขยายสาขาในมาเลเซียหรือไม่?

    • คำตอบ: ปัจจุบันยังไม่มีแผนการขยายสาขาในมาเลเซียในระยะใกล้ เนื่องจากบริษัทฯ ให้ความสำคัญกับการ Focus ที่ตลาดในประเทศไทยก่อน แต่ยังคงมีการ Monitor โอกาสในการเติบโตในมาเลเซียอย่างต่อเนื่อง

  5. การซื้อหุ้นคืน (Buyback)

    • คำถาม: มีแผนที่จะลดทุนโดยการซื้อหุ้นคืนหรือไม่?

    • คำตอบ: ยังเร็วเกินไปที่จะตัดสินใจ เนื่องจากเพิ่งเริ่มโครงการซื้อหุ้นคืนได้เพียง 1 เดือน และจะสิ้นสุดในเดือนกันยายน หลังจากนั้นจะมีการพิจารณาอีกครั้ง โดยคำนึงถึงปัจจัยต่างๆ เช่น ปริมาณหุ้นที่ซื้อคืน ราคา และสถานการณ์ตลาด

  6. Application และการติดต่อประสานงาน

    • คำถาม: Application ของบริษัทฯ ใช้งานไม่สะดวก และต้องการให้มีการปรับปรุง?

    • คำตอบ: รับทราบปัญหาและจะแจ้งให้ทีมงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการปรับปรุง Application ให้ดียิ่งขึ้น

  7. Tariff และสินค้าจากจีน

    • คำถาม: Tariff ที่เพิ่มขึ้นจะทำให้สินค้าจีนเข้ามาตีตลาดมากขึ้นหรือไม่?

    • คำตอบ: มีทั้งข้อดีและข้อเสีย ข้อดีคืออาจมีโอกาสในการเจรจาต่อรองราคาสินค้าจากจีนได้ถูกลง ข้อเสียคืออาจมีการแข่งขันที่สูงขึ้น อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ จะคัดเลือกสินค้าที่มีคุณภาพและตรงกับความต้องการของลูกค้า

  8. Omni-Channel และการดึง Traffic

    • คำถาม: มีกลยุทธ์ในการส่งเสริมการขายแบบ Omni-Channel และดึง Traffic เข้ามาในร้านอย่างไร?

    • คำตอบ: บริษัทฯ มี Omni-Channel ที่หลากหลาย เช่น การซื้อสินค้าออนไลน์แล้วไปรับที่สาขา การสะสมแต้ม การเชื่อมโยงข้อมูลระหว่างช่องทางต่างๆ นอกจากนี้ ยังมีการพัฒนา Service ต่างๆ เช่น การจองคิวติดตั้ง เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับลูกค้า

  9. ธุรกิจในมาเลเซีย

    • คำถาม: ธุรกิจในมาเลเซียเป็นอย่างไร?

    • คำตอบ: ธุรกิจในมาเลเซียยังคงมีกำไร แต่ยอดขายไม่ได้สูงมากนัก เนื่องจากมีเพียง 7 สาขา อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ยังคงมองเห็นโอกาสในการเติบโตในมาเลเซียในอนาคต

  10. Same Store Sales Growth (SSSG) ในเดือนเมษายน

    • คำถาม: SSSG ในเดือนเมษายนเป็นอย่างไร?

    • คำตอบ: ยังคงติดลบ เนื่องจากสภาพอากาศที่ไม่เอื้ออำนวย (ฝนตกต่อเนื่อง) ส่งผลกระทบต่อยอดขายสินค้าบางประเภท

  11. ผลกระทบจากแผ่นดินไหว

    • คำถาม: หลังเกิดแผ่นดินไหว มียอดสั่งซื้อสินค้าเพิ่มขึ้นหรือไม่?

    • คำตอบ: หลังเกิดแผ่นดินไหว ยอดขายค่อนข้างซบเซา เนื่องจากผู้บริโภคชะลอการซื้อสินค้าขนาดใหญ่ และรอการประเมินความเสียหายจากประกันภัย

  12. Private Brand และ House Brand

    • คำถาม: House Brand มีการเติบโตไม่รวดเร็วนัก?

    • คำตอบ: ปีที่ผ่านมา House Brand เติบโตค่อนข้างมาก โดยเฉพาะ Mega Home ปีนี้อาจเติบโตไม่มากเท่าที่คาดหวังเนื่องจากสถานการณ์ภายนอก แต่สัดส่วนยังคงใกล้เคียงเดิม

  13. การทำใบเสนอราคาใน Application

    • คำถาม: ต้องการให้ปรับปรุงการทำใบเสนอราคาใน Application ให้ง่ายขึ้น?

    • คำตอบ: รับทราบและจะแจ้งให้ทีมงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการปรับปรุง

  14. การขยายสาขาไปต่างประเทศ

    • คำถาม: มีโอกาสที่จะขยายสาขาไปยังประเทศอื่นๆ อีกหรือไม่?

    • คำตอบ: มีการศึกษาความเป็นไปได้ในการขยายสาขาไปยังประเทศต่างๆ อย่างต่อเนื่อง แต่ในระยะนี้จะ Focus ที่ตลาดในประเทศไทยก่อน

  15. เป้าหมาย SSSG ในปี 2568

    • คำถาม: คาดว่า SSSG ในปี 2568 จะเป็นบวกหรือไม่?

    • คำตอบ: ยังไม่สามารถระบุได้อย่างชัดเจน เนื่องจากสถานการณ์เศรษฐกิจยังมีความไม่แน่นอน แต่จะพยายามทำ SSSG ให้ใกล้เคียงศูนย์ หรือทรงตัวให้ได้

โดยสรุป HMPRO เผชิญกับความท้าทายในไตรมาส 1/2568 จากปัจจัยภายนอกหลายประการ แต่ยังคงมุ่งมั่นในการปรับตัวและพัฒนาธุรกิจเพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน โดยให้ความสำคัญกับการควบคุมค่าใช้จ่าย การพัฒนาช่องทางการขาย Omni-Channel การขยายฐานลูกค้า และการสร้างความผูกพันกับลูกค้าในระยะยาว บริษัทฯ ตระหนักถึงความเสี่ยงต่างๆ และมีแผนการรับมืออย่างรอบคอบ เพื่อให้สามารถก้าวข้ามอุปสรรคและบรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้