สรุปงบล่าสุด HMPRO
บริษัท โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน)
สรุปงบการเงิน
ไตรมาสที่ 3 ปี 2567
สรุปสั้น
ในช่วงไตรมาสที่ 3 ของปี 2567 บริษัท HMPRO เผชิญกับการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญในด้านกำไรและรายได้ โดยมีกำไรสุทธิที่ 1,442 ล้านบาท ลดลง 5.94% YoY รายได้รวมลดลง 2.73% YoY เป็น 17,012.63 ล้านบาท โดยมีปัจจัยจากการใช้จ่ายของผู้บริโภคที่ลดลงเนื่องจากแรงกดดันทางเศรษฐกิจและการเข้าฤดูฝนที่ทำให้การจับจ่ายชะลอตัว ในส่วนของสินทรัพย์ เงินสด และการลงทุนคงที่ ขณะที่ความเสี่ยงยังคงเพิ่มสูงขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงในนโยบายทางการเมืองและเศรษฐกิจ
ในด้านการดำเนินงานบริษัท มีการขยายสาขาใหม่ถึง 3 แห่ง ทำให้ปัจจุบันมีทั้งหมด 92 สาขา ขณะที่รายได้จากค่าเช่าเพิ่มขึ้น 7.67% YoY เป็น 467.46 ล้านบาท แต่รายได้อื่นๆ กลับลดลง 7.63% YoY เป็น 615.38 ล้านบาท การเพิ่มขึ้นของกำไรขั้นต้นจากการขายอยู่ที่ 4,309.32 ล้านบาท โดยมีอัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นจาก 26.72% เป็น 27.05% ขณะที่ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารเพิ่มขึ้นเล็กน้อย โดยสัดส่วนค่าใช้จ่ายต่อยอดขายเพิ่มขึ้นจาก 19.75% เป็น 20.37% ส่งผลให้กำไรก่อนหักค่าใช้จ่ายทางการเงินลดลง
สรุปด้วย AI(O) BOT
บริษัท โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ HMPRO ได้เปิดสาขาใหม่ 3 แห่ง ในไตรมาส 3/2567 ได้แก่ โฮมโปร สาขา หนองคาย โฮมโปร สาขา ระยอง (ทับมา) และเมกาโฮม สาขา ระยอง (ทับมา) ส่งผลให้ ณ สิ้นไตรมาส 3/2567 บริษัทฯ มีโฮมโปร 92 สาขา โฮมโปรเอส 5 สาขา เมกาโฮม 29 สาขา และโฮมโปรที่ประเทศมาเลเซีย 7 สาขา นอกจากการขยายสาขา บริษัทฯ ยังคงมีการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายอย่างต่อเนื่องผ่านการจัดงาน HomePro Expo ในช่วงเดือนกรกฎาคม และการจัดกิจกรรม HomePro Everyday ในทุกๆ เดือน ทั้งในช่องทางสาขา Online Website และ Marketplace ในด้านผลการดำเนินงาน 3 เดือน และ 9 เดือน บริษัทฯ มีรายได้รวม 17,012.63 ล้านบาท ในช่วงไตรมาส 3/2567 ลดลง 2.73% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน ส่วนในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2567 บริษัทฯ มีรายได้รวม 54,293.93 ล้านบาท ลดลง 0.64% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน
HMPRO มีแผนธุรกิจมุ่งเน้นการขยายสาขาใหม่ทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยเฉพาะในกลุ่มเมกาโฮม ซึ่งมีอัตรากำไรสูง รวมถึงการพัฒนาช่องทางออนไลน์ และการเสริมสร้างความแข็งแกร่งของแบรนด์ บริษัทฯ คาดการณ์ว่าการเบิกจ่ายงบประมาณของรัฐบาล และนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจจะส่งผลดีต่อยอดขายในอนาคต โดยเฉพาะจากกลุ่มลูกค้ารายย่อย ของฝั่งธุรกิจเมกาโฮม อย่างไรก็ตาม การเข้าสู่ฤดูฝนอาจส่งผลกระทบต่อความสะดวกในการเข้ามาใช้บริการของลูกค้าที่สาขา โดยเฉพาะในส่วนของพื้นที่ภาคเหนือและภาคกลางตอนบน
การวิเคราะห์ผลประกอบการในไตรมาส 3/2567 ของ HMPRO บ่งบอกถึงความแข็งแกร่งของบริษัทฯ โดยเฉพาะในส่วนของอัตรากำไรขั้นต้นที่ปรับตัวสูงขึ้นเป็น 27.05% จาก 26.72% ในปีก่อน สะท้อนถึงการเพิ่มสัดส่วนสินค้าที่มีอัตรากำไรสูง โดยเฉพาะจากฝั่งธุรกิจเมกาโฮม ถึงแม้ว่ารายได้จะลดลงบ้างจากสภาพเศรษฐกิจ และผลกระทบจากฤดูฝน แต่กำไรสุทธิยังคงอยู่ในระดับสูงที่ 1,442.00 ล้านบาท ลดลงเพียง 5.94% เท่านั้น ส่วนข้อมูลทางการเงินย้อนหลังแสดงให้เห็นถึงความเสถียรของบริษัทฯ โดย P/E เฉลี่ยย้อนหลังอยู่ที่ 33.13 P/BV เฉลี่ยย้อนหลังอยู่ที่ 8.98 และ YIELD เฉลี่ยย้อนหลังอยู่ที่ 2.43 ซึ่งโดยทั่วไปถือว่าอยู่ในระดับที่น่าสนใจ นอกจากนี้ D/E ของบริษัทฯ อยู่ที่ 1.62 เท่า ซึ่งแสดงถึงการกู้ยืมเงินเพื่อลงทุนเพียงเล็กน้อย แสดงถึงความแข็งแกร่งในฐานะการเงินของบริษัทฯ วงจรเงินสดของ HMPRO อยู่ที่ -1.46 สะท้อนถึงประสิทธิภาพของบริษัทฯ ในการสร้างยอดขายและเรียกเก็บเงินสดจากลูกหนี้ได้เร็ว ทำให้บริษัทฯ มีเงินสดมาใช้หมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจได้อย่างเพียงพอ รวมถึงเงินสดสุทธิจากกิจกรรมการลงทุน “ติดลบ” แสดงให้เห็นว่าบริษัทฯ นำเงินไปลงทุนต่อยอดธุรกิจ ดังนั้น HMPRO อาจเหมาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการลงทุนระยะยาว เน้นการเติบโตของกำไร หรือต้องการรับเงินปันผล อย่างไรก็ตาม นักลงทุนควรติดตามผลประกอบการอย่างใกล้ชิด และประเมินความเสี่ยง ดังต่อไปนี้:
**โอกาส:**
* การขยายสาขาใหม่ทั้งในประเทศและต่างประเทศ
* การเพิ่มสัดส่วนสินค้าที่มีอัตรากำไรสูง
* การพัฒนาช่องทางออนไลน์และเสริมสร้างความแข็งแกร่งของแบรนด์
* การเบิกจ่ายงบประมาณของรัฐบาลและนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ
**ความเสี่ยง:**
* สภาพเศรษฐกิจที่ชะลอตัว
* การแข่งขันที่รุนแรงในธุรกิจค้าปลีก
* ปัญหาอุปทานสินค้า
* ผลกระทบจากภัยธรรมชาติ (น้ำท่วม)
* การเปลี่ยนแปลงของนโยบายรัฐบาล
(8.21%)
(2.73%)
(5.09%)
(0.81%)
(3.38%)
(1.97%)
(4.09%)
(1.05%)
(11.08%)
(5.94%)
(6.74%)
(21.05%)