GGC
บริษัท โกลบอลกรีนเคมิคอล จำกัด (มหาชน)

สรุปงบการเงิน
ไตรมาสที่ 4 ปี 2567

สรุป OPPDAY

GGC สรุปผลประกอบการปี 2567: โอกาส, ความเสี่ยง, และกลยุทธ์สู่อนาคตที่ยั่งยืน

1. ภาพรวมผลกระทบต่อธุรกิจ (Business Impact Overview):
  • ผลกระทบเชิงบวก:

    • ราคาน้ำมันปาล์มดิบ (CPO) ปรับตัวสูงขึ้น 14% ส่งผลบวกต่อราคาผลิตภัณฑ์ของบริษัท

    • สต็อกสำรองของประเทศลดต่ำลง ทำให้เกิดแรงกดดันต่อราคา CPO ให้สูงขึ้น

    • ราคา CPKO (น้ำมันเนื้อในปาล์ม) สูงขึ้น 33% ส่งผลให้ราคาผลิตภัณฑ์ Fatty Alcohol สูงขึ้น

    • การขยายกำลังการผลิตของ THAI ETHOXYLATE (TEX) จาก 100,000 ตันต่อปี เป็น 150,000 ตันต่อปี

    • ราคากลีเซอรีนบริสุทธิ์ (RGL) มีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างมาก โดยไตรมาส 1 อยู่ที่ประมาณ 800 กว่าเหรียญต่อตัน

  • ผลกระทบเชิงลบ:

    • การลดสัดส่วนผสมของ B100 จาก B7 เหลือ B5 ในช่วงไตรมาสที่ 4 ทำให้ความต้องการในตลาดลดลง

    • ความไม่แน่นอนจากกฎระเบียบ EUDR (European Union Deforestation Regulation)

    • อัตราการใช้กำลังการผลิต (Utilization Rate) ลดต่ำลงเหลือ 58% เนื่องจากนโยบาย B5

    • ผลประกอบการขาดทุน 265 ล้านบาท แต่ Adjusted EBITDA ยังคงมีกำไร 555 ล้านบาท

    • ปริมาณการขาย Methyl Ester ลดลงเนื่องจากสภาวะตลาดที่มีการแข่งขันสูงขึ้น

2. โอกาสทางธุรกิจ (Business Opportunities):
  • High Value Products (HVP): บริษัทมุ่งเน้นการพัฒนาและขยายตลาดผลิตภัณฑ์ HVP เช่น Bio-solvent และผลิตภัณฑ์ที่ใช้ในเครื่องสำอาง

  • THAI ETHOXYLATE (TEX): การขยายกำลังการผลิต TEX เป็นโอกาสในการเพิ่มรายได้และกำไรในอนาคต

  • Fatty Alcohol: ตลาด Fatty Alcohol ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง ทำให้มีโอกาสในการขยายกำลังการผลิตในระยะยาว

  • กลีเซอรีน (Glycerin): ราคากลีเซอรีนที่ปรับตัวสูงขึ้นและความต้องการที่เพิ่มขึ้นเป็นโอกาสในการเพิ่มรายได้

กลยุทธ์:

  • มุ่งเน้น Portfolio Transformation เพื่อลดสัดส่วนของ Bio-energy และเพิ่มสัดส่วนของ Bio-chemical และ HVP

  • สร้างความแข็งแกร่งในการดำเนินธุรกิจด้วยการปรับปรุงประสิทธิภาพและลดต้นทุน

  • แสวงหาการเติบโตจากจุดแข็งของบริษัทในด้าน Bio-chemical และ HVP

  • ดำเนินการตามเป้าหมายความยั่งยืนตามหลัก ESG (Environmental, Social, and Governance)

3. ความเสี่ยงที่กำลังเผชิญ (Risks and Challenges):
  • ความผันผวนของราคา: ราคาน้ำมันปาล์มและวัตถุดิบอื่นๆ มีความผันผวนสูง ซึ่งส่งผลกระทบต่อต้นทุนการผลิตและราคาผลิตภัณฑ์

  • นโยบายภาครัฐ: การเปลี่ยนแปลงนโยบายเกี่ยวกับ Bio-diesel (เช่น B5) อาจส่งผลกระทบต่อความต้องการผลิตภัณฑ์ Methyl Ester

  • การแข่งขัน: ตลาดมีการแข่งขันสูงขึ้น ทำให้ยากต่อการรักษาส่วนแบ่งการตลาดและราคา

  • กฎระเบียบ: กฎระเบียบ EUDR ที่เกี่ยวข้องกับการตัดไม้ทำลายป่าอาจส่งผลกระทบต่อการนำเข้าวัตถุดิบ

  • สภาพเศรษฐกิจ: สภาพเศรษฐกิจที่ไม่แน่นอนอาจส่งผลกระทบต่อความต้องการผลิตภัณฑ์

4. วิธีการแก้ไขปัญหาผลกระทบ (Problem-Solving and Mitigation):
  • การบริหารความเสี่ยงทางการเงิน: ใช้เครื่องมือทางการเงินเพื่อบริหารความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน

  • การปรับปรุงประสิทธิภาพ: ลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตเพื่อรักษากำไร

  • การพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่: พัฒนาผลิตภัณฑ์ HVP ที่มีมูลค่าสูงเพื่อเพิ่มรายได้และลดการพึ่งพาผลิตภัณฑ์เดิม

  • การบริหารจัดการสต็อก: บริหารจัดการสต็อกวัตถุดิบอย่างมีประสิทธิภาพเพื่อลดผลกระทบจากความผันผวนของราคา

5. แนวโน้มและอนาคต (Outlook and Future Trends):
  • Portfolio Transformation: บริษัทตั้งเป้าหมายที่จะปรับเปลี่ยน Portfolio โดยเพิ่มสัดส่วนของ HVP ให้เป็น 15% ภายในปี 2030

  • การเติบโตอย่างยั่งยืน: มุ่งเน้นการดำเนินธุรกิจตามหลัก ESG เพื่อสร้างการเติบโตที่ยั่งยืนในระยะยาว

  • การขยายกำลังการผลิต: วางแผนที่จะขยายกำลังการผลิต Fatty Alcohol เพื่อตอบสนองความต้องการของตลาดที่เพิ่มขึ้น

  • ลดการพึ่งพา Bio-energy: ลดสัดส่วนของธุรกิจ Bio-energy และหันมาลงทุนใน Bio-chemical และ HVP มากขึ้น

6. ช่วงถาม-ตอบ (Q&A Session): [นาทีที่ 57:45]
  • Q: การบริหารความเสี่ยงทางการเงินและสภาพคล่องของบริษัทในปัจจุบัน
  • A: บริษัทมีนโยบายการบริหารอัตราแลกเปลี่ยนทั้งในระยะสั้นและระยะยาว โดยใช้เครื่องมือทางการเงินเพื่อลดผลกระทบ และมีเงินสดในมือมากกว่า 1,000 ล้านบาท พร้อมวงเงินสนับสนุนระยะสั้นจากสถาบันการเงินอีก 1,000 ล้านบาท ทำให้สามารถบริหารจัดการสภาพคล่องได้ดี
  • Q: ปัจจัยเสริมต่อผลประกอบการในปีนี้ โดยเฉพาะจากธุรกิจ THAI ETHOXYLATE (TEX)
  • A: TEX จะรับรู้กำไรจากการเป็น JV ประมาณปีละ 100 ล้านบาท และในปีนี้มีการขยายกำลังการผลิต 50% คาดว่าจะทำให้กำไรเพิ่มขึ้นเป็น 100-150 ล้านบาท แม้จะมีค่าใช้จ่ายในการลงทุนใหม่ เช่น ดอกเบี้ยและค่าเสื่อมราคา
  • Q: แผนการต่อยอดธุรกิจทางด้าน Bio-chemical ในอนาคตหลังขยายกำลังการผลิต TEX เสร็จสิ้น
  • A: บริษัทมีแผนที่จะต่อยอดธุรกิจด้วย High Value Products (HVP) โดยใช้กลยุทธ์ Asset Right Strategy ที่ไม่ต้องลงทุนใน Asset มากนัก แต่จะร่วมมือกับ Partner นอกจากนี้ยังมีแผนขยายกำลังการผลิต Fatty Alcohol เนื่องจากตลาดยังเติบโตปีละ 3-4%
  • หัวข้อที่ถามและคำตอบที่ผู้บริหารตอบ:
  • การบริหารความเสี่ยงทางการเงิน: เครื่องมือ, สภาพคล่องดี
  • TEX: ขยายกำลังผลิต, กำไรเพิ่ม, High Value
  • Bio-chemical: Asset Right Strategy, โตต่อเนื่อง

โดยสรุป, GGC กำลังปรับตัวเพื่อรับมือกับความท้าทายและความผันผวนในตลาด โดยมุ่งเน้นการเติบโตอย่างยั่งยืนผ่านการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าสูงและการบริหารจัดการความเสี่ยงอย่างมีประสิทธิภาพ