GGC
บริษัท โกลบอลกรีนเคมิคอล จำกัด (มหาชน)

Oppday

ไตรมาสที่ 3 ปี 2568

สรุป OPPDAY

```html

GGC โชว์ผลงาน Q3/2568 ฝ่าวิกฤต B100 ซบเซา ชู Fatty Alcohol พระเอกขี่พยุงกำไร

สวัสดี ท่านนักลงทุน และ ผู้ถือหุ้น วันนี้เป็นการพบกันอีกครั้งในงาน Oppday ของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย GGC มานำเสนอผลประกอบการไตรมาส 3 โดยมีผู้บรรยาย 4 ท่าน:

  • คุณกฤษฎา ประเสริฐสุขโข (กรรมการผู้จัดการ)
  • คุณปิยะ สุริ (ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ สายงานพาณิชยกิจ)
  • คุณภัคกาวรรณ กมลชัยวานิช (ผู้จัดการฝ่าย หน่วยงานกลยุทธ์องค์กร)
  • คุณพรสุข รินสถิต (CFO)

โดยจะเริ่มจากคุณกฤษฎาพูดถึงไฮไลท์สำคัญ ตามด้วยคุณปิยะนำเสนอสถานการณ์ตลาด คุณพรสุขรายงานตัวเลขต่างๆ และคุณภัคกาวรรณกล่าวถึงแผนกลยุทธ์

กิจกรรมสำคัญในไตรมาส 3 ปี 2568

  • รางวัล AGM Checklist ปี 2568: ได้รับคะแนนเต็มร้อยในระดับดีเยี่ยมจากสมาคมส่งเสริมผู้ลงทุน ร่วมกับ กลต. และสมาคมบริษัทจดทะเบียน
  • การประเมินการรายงานการกำกับดูแลกิจการที่ดี: ได้รับ 5 ดาวเป็นปีที่ 8 ติดต่อกัน
  • ความร่วมมือกับ GIZ: จัดอบรมทบทวนวิทยากรเรื่องการจัดการสวนปาล์มแบบคาร์บอนต่ำเพื่อเศรษฐกิจสีเขียว (SPOP Klima)
  • การหารือแนวทางทำ Carbon Credit: พบผู้บริหารโรงสกัดน้ำมันปาล์มและผู้แทนเกษตรกรในโครงการ SPOP Klima
  • รางวัลอุตสาหกรรมสีเขียว: โรงผลิต B100 ที่ชลบุรีได้รับรางวัลอุตสาหกรรมสีเขียวระดับ 4
  • ร่วมมือกับญี่ปุ่น: เสวนาและแลกเปลี่ยนประสบการณ์ในงาน RSPO JAPON Conference 2025 ที่ญี่ปุ่น

กิจกรรมเหล่านี้สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของ GGC ในการดำเนินงานที่โปร่งใส, การกำกับดูแลกิจการที่ดี, และความยั่งยืน

ภาพรวมตลาดและการเงิน

  • ราคา CPO: สูงขึ้น 4% จากปีก่อนหน้า เนื่องจากราคาน้ำมันปาล์มและน้ำมันพืชปรับตัวสูงขึ้น
  • ความต้องการ B100: ต่ำกว่าปีก่อนหน้า เนื่องจากรัฐบาลลดสัดส่วนผสมเป็น B5
  • ราคา Fatty Alcohol: ราคา CPO ที่ตลาดมาเลเซียสูงขึ้น 41% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา
  • ความไม่แน่นอนจากภาษีของสหรัฐฯ: ทำให้ลูกค้ามีความระมัดระวังในการซื้อ
  • ราคา Glycerin: ค่อนข้างดีและราคาสูงต่อเนื่อง
  • Net Profit: ติดลบ 385 ล้านบาท
  • Adjusted EBITDA: 257 ล้านบาท สูงขึ้น 8% จากปี 2024
  • Adjusted EBITDA ของ FA: อยู่ที่ 224 ล้านบาท สูงขึ้น 38% จากปีที่แล้ว
  • Adjusted EBITDA ของ Biodiesel: ต่ำลงมาก จาก 61 ล้านบาท เหลือ 13 ล้านบาท
  • Plant Utilization B100: อยู่ที่ 51% แม้จะปรับลดเป็น B5
  • Plant Utilization Fatty Alcohol: อยู่ที่ 88% ใกล้เคียงกับปีที่แล้ว

โดยรวมแล้ว ผลประกอบการได้รับผลกระทบจากความต้องการ B100 ที่ลดลง แต่ Fatty Alcohol ยังคงเป็นตัวขับเคลื่อนหลัก

สถานการณ์ตลาด CPO และ CPO

  • CPO (Crude Palm Oil):
    • ผลผลิตและ Consumption ในประเทศลดลง
    • การส่งออกลดลง 39% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า และ 10% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว
    • สต็อกเพิ่มขึ้นเป็น 480,000 ตัน
    • คาดการณ์ Q4: ราคาจะ Soft ลงเนื่องจากกำลังผลิตเข้าสู่ตลาด แต่ Demand ของ Biodiesel ยัง Support อยู่
  • CPO (Crude Palm Kernel Oil):
    • Gap ราคา CPO และน้ำมันมะพร้าวแคบลง ทำให้ราคา Soft ตัวลง
    • EUTR เลื่อน Implement ไปอีก 1 ปี ทำให้ลูกค้า Delay การเก็บสต็อก Fatty Alcohol
    • Global Sentiment ไม่แน่นอนจากสงคราม ทำให้ Demand ผันผวน

ตลาด Methyl Ester (ME) หรือ Biodiesel

  • คาดการณ์ Q4: ปกติจะเป็นตลาดขาขึ้น แต่เนื่องจาก B5 ทำให้ Utilization ต่ำ
  • นโยบายรัฐบาล (คนละครึ่ง, ลดการเก็บเงินกองทุนน้ำมัน) ทำให้ราคา Diesel ลดลง

ตลาด Ethanol

  • Demand เป็นล้อกับ Methyl Ester ใน Q4
  • คาดการณ์ราคา Ethanol ทรงตัวและอาจลดลงเล็กน้อย

ผลิตภัณฑ์ Fatty Alcohol และ Glycerin

  • Fatty Alcohol:
    • ราคา FA สูงขึ้นเนื่องจากราคา CPO Jump ตั้งแต่ Q2
    • คาดการณ์ Q4: ราคาจะ Soft ลงเล็กน้อย
    • Market Supply เป็นลบ: มีผู้ผลิต FA เพิ่มขึ้น 3 ราย กำลังผลิต 390,000 ตัน
  • Glycerin:
    • ราคาสูงถึง 900-1,000 เหรียญต่อตัน และมีแนวโน้มทรงตัวหรือขึ้นต่อ
    • Demand จาก Home & Personal Care และ Epichlorohydrin ยังสูง
    • Product จาก FA และ B50 อาจทำให้ราคาสูงขึ้นได้

Financial Result

  • Revenue: ลดลงเล็กน้อยเนื่องจาก Volume ของ Methyl Ester และ Fatty Alcohol ลดลง
  • Adjusted EBITDA: 257 ล้านบาท (Fatty Alcohol เป็นหลัก)

โดยรวมแล้ว GGC ยังคงพึ่งพารายได้จาก Fatty Alcohol เป็นหลัก แต่ได้รับผลกระทบจากราคาและ Demand ของ Biodiesel ที่ลดลง

Balance Sheet Highlights

  • Assets: ลดลงจากการตัดค่าเสื่อมและผลขาดทุนจากการลงทุนใน Ethanol
  • Liabilities: ค่อนข้างต่ำ ส่วนใหญ่เป็นหนี้การค้า
  • Equity: ลดลงเนื่องจาก Loss 9 เดือน และการจ่ายเงินปันผล
  • Cash Flow: ค่อนข้าง Strong มีเงินสดต้นงวด 1,000 ล้านบาท
  • CAPEX: ใช้จ่ายน้อยและควบคุมได้ตามเป้าหมาย

กลยุทธ์ของบริษัท (คุณภัคกาวรรณ)

  • 3 กลยุทธ์หลัก: เข้มแข็ง เติบโต ยั่งยืน
  • 3 Strategic Focus:
    1. Portfolio Transformation
    2. Growth in Biochemicals
    3. Growth in Specialty Platform

โดยจะเน้นการ Transform ธุรกิจจาก Biofuel ไป Biochemical โดยใช้ Asset Utilization, Operational Excellence, และ Commercial Excellence นอกจากนี้ จะขยายไปสู่ High Value Product (HVP) โดยมีหลักการ Market Focus Business Transformation

4 แพลตฟอร์ม HVP ที่โฟกัส

  1. อาหารและอาหารสัตว์ (Nutrition, Premix)
  2. Pharmaceutical (วิตามิน, Clinical)
  3. Cosmetic & Personal Care (ผลิตภัณฑ์ใหม่ Alkyl Benzoate)
  4. Industrial Application (Biosolvents)

นอกจากนี้ ยังคงเดินหน้าในด้านความยั่งยืน (ESG Roadmap) และมี Enabler 4 ด้าน (Financial Management, Organization Transformation, Innovation, Governance Risk & Compliance) เพื่อให้บริษัทเติบโตอย่างยั่งยืน

เป้าหมายปี 2030

  • EBITDA 1,200 ล้านบาท
  • 15% EBITDA จาก HVP
  • Net Zero ในปี 2050

กลยุทธ์เหล่านี้มุ่งสู่การเป็น Leading Green Chemicals Company by Creating Sustainable Value

Q&A Session

[เริ่ม Q&A นาทีที่ 46:22]

ผลกระทบจากการยุบสภาหรือเลือกตั้งใหม่ต่อ GGC (คุณกฤษฎา):

แม้ GGC จะเกี่ยวข้องกับนโยบายรัฐบาล แต่คาดว่ารัฐบาลจะไม่เปลี่ยนแปลงนโยบายเรื่องส่วนผสม B100 หรือ Ethanol มากนัก การเลือกตั้งอาจมีผลดีต่อการใช้พลังงานที่เพิ่มขึ้นจากการจัดกิจกรรมต่างๆ

การพัฒนาผลิตภัณฑ์ HVP (คุณปิยะ):

  • Nutraris และ Astaxanthin จะถูกผลักดันมากขึ้นในปีนี้
  • Biosurfactants จะเป็นตัวเด่นในอนาคต
  • ผลิตภัณฑ์จะครอบคลุมทั้ง Industrial, Pharmaceutical, Home & Personal Care
  • ปรับโครงสร้างโรงงานเพื่อผลิต Biochemical ให้มากขึ้นจาก Asset เดิม

แนวทางการสร้างความเชื่อมั่นแก่นักลงทุน (คุณกฤษฎา):

Negative Impact จาก JV น่าจะหมดไปในปีหน้า และบริษัทจะปรับตัวโดยลดต้นทุนการผลิตและเปลี่ยน Bioenergy เป็น Biochemical Fatty Alcohol จะยังคงเป็นพระเอกและตลาดมีแนวโน้มเป็นขาขึ้น

สรุป: GGC มุ่งมั่นที่จะฟื้นฟูผลประกอบการและสร้างความเชื่อมั่นแก่นักลงทุน โดยมี Fatty Alcohol เป็นตัวขับเคลื่อนหลัก และเดินหน้าตามแผนกลยุทธ์ที่วางไว้

```