สรุปงบล่าสุด GGC

บริษัท โกลบอลกรีนเคมิคอล จำกัด (มหาชน)
สรุปงบการเงิน
ไตรมาสที่ 4 ปี 2567
สรุปสั้น
ยังไม่มีรายละเอียด อยู่ระหว่างการจัดทำข้อมูล
สรุปด้วย AI(O) BOT
## บทสรุปผลประกอบการ หุ้น GGC: บริษัท โกลบอลกรีนเคมิคอล จำกัด (มหาชน) (ปรับปรุงข้อมูลล่าสุด)
**ภาพรวมผลการดำเนินงานประจำปี 2567**
บริษัท โกลบอลกรีนเคมิคอล จำกัด (มหาชน) (GGC) รายงานผลการดำเนินงานประจำปี 2567 โดยมีรายได้จากการขายรวม 19,006 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7% เมื่อเทียบกับปี 2566 ปัจจัยหลักมาจากการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ปริมาณการขาย และราคาผลิตภัณฑ์ที่ปรับตัวสูงขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในธุรกิจแฟตตีแอลกอฮอล์ อย่างไรก็ตาม กำไรสุทธิลดลง 32% เหลือ 555 ล้านบาท สาเหตุหลักมาจากอัตรากำไรที่ลดลงของธุรกิจแฟตตีแอลกอฮอล์ รวมถึงการรับรู้ Stock Gain/Loss จำนวน 290 ล้านบาท จากแนวโน้มราคาผลิตภัณฑ์และวัตถุดิบที่สูงขึ้น โดยเฉพาะในช่วงปลายปี เมื่อรวมผลกระทบจากการรับรู้ Stock Gain/Loss ดังกล่าวแล้ว ทำให้บริษัทฯ มี Adjusted EBITDA จำนวน 845 ล้านบาท สำหรับผลการดำเนินงานกับบริษัทร่วมทุน ในปี 2567 บริษัทฯ รับรู้ผลขาดทุน จำนวน 567 ล้านบาท โดยหลักจากผลขาดทุนจากธุรกิจเอทานอลทีอยู่ในช่วงเร็มการผลิตในปีนี่ ทำให้ผลประกอบการประจำปี 2567 บริษัทฯ มีผลขาดทุนสุทธิ จำนวน 265 ล้านบาท
**ผลการดำเนินงานรายไตรมาส**
* **ไตรมาส 4/2567:** บริษัทฯ มีรายได้จากการขายรวม 5,457 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 25% เมื่อเทียบกับไตรมาส 4/2566 Adjusted EBITDA อยู่ที่ 101 ล้านบาท ลดลง 60% จากปีก่อน โดยมีการรับรู้ Stock Gain/Loss จำนวน 231 ล้านบาท ทำให้ EBITDA อยู่ที่ 332 ล้านบาท จากสถานการณ์ราคาเฉลี่ยของผลิตภัณฑ์เมทิลเอสเทอร์และแฟตตีแอลกอฮอล์ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นตามแนวโน้มราคาวัตถุดิบ ทำให้บริษัทฯ รับรู้กำไรสุทธิ 150 ล้านบาท ปรับตัวดีขึ้นจากไตรมาส 4/2566
**ผลการดำเนินงานตามกลุ่มธุรกิจ**
* **กลุ่มธุรกิจเมทิลเอสเทอร์ (B100):** ถึงแม้ว่าราคาขายเมทิลเอสเทอร์ปรับตัวเพิ่มขึ้น 11% ตามราคาน้ำมันปาล์มดิบ (PO) ที่สูงขึ้น (43.70 บาท/กก. ในปี 2567 เทียบกับ 39.22 บาท/กก. ในปี 2566) แต่ปริมาณการขายลดลง 10% เนื่องจากการปรับนโยบายลดส่วนผสมไบโอดีเซลของภาครัฐจาก B7 เป็น B5 (เริ่ม 21 พฤศจิกายน 2567) และการแข่งขันที่สูงขึ้นในตลาดจากการขยายกำลังการผลิตของผู้ผลิตรายเดิม (เพิ่มขึ้น 1.7 ล้านลิตร/วัน ทำให้กำลังการผลิตรวมอยู่ที่ 11.96 ล้านลิตร/วัน) ส่งผลให้รายได้จากการขายของธุรกิจนี้อยู่ที่ 12,315 ล้านบาท ลดลงเล็กน้อย 1% จากปีก่อน อัตราการใช้กำลังการผลิตเฉลี่ยในอุตสาหกรรมลดลงอยู่ที่ประมาณ 35-40% ในปี 2567 เทียบกับ 58% ในปี 2566 ทั้งนี้ บริษัทฯ รับรู้ Stock Gain/Loss จำนวน 167 ล้านบาท และ Adjusted EBITDA จำนวน 121 ล้านบาท คิดเป็น Adjusted EBITDA Margin ที่ 1%
* **สถานการณ์ตลาดเมทิลเอสเทอร์:**
* **อุปทาน:** เพิ่มขึ้นจากการขยายกำลังการผลิต
* **อุปสงค์:** ลดลงจากการปรับลดส่วนผสมไบโอดีเซล และราคาน้ำมันดีเซลที่สูงขึ้น ทำให้ประชาชนลดการเดินทาง
* **ราคา:** เพิ่มขึ้นตามราคาน้ำมันปาล์มดิบ
* **กลุ่มธุรกิจแฟตตีแอลกอฮอล์:** รายได้จากการขายสำหรับปี 2567 อยู่ที่ 6,590 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 26% เมื่อเทียบกับปี 2566 ปัจจัยหลักมาจากราคาผลิตภัณฑ์แฟตตีแอลกอฮอล์เฉลี่ยที่เพิ่มขึ้น 17% ตามแนวโน้มราคาน้ำมันเมล็ดในปาล์มดิบ (CPKO) ปรับตัวสูงขึ้น อย่างไรก็ตาม Adjusted EBITDA ลดลง 30% เหลือ 434 ล้านบาท ปริมาณการขายเพิ่มขึ้น 6% โดยภาพรวมอุปทานในไตรมาส 4/2567 ตึงตัวขึ้นเนื่องจากผู้ผลิตหลายรายหยุดดำเนินการผลิตชั่วคราวเพื่อซ่อมบำรุง
* **สถานการณ์ตลาดแฟตตีแอลกอฮอล์:** ราคาเฉลี่ยของ Short Chain Fatty Alcohol ปรับตัวสูงขึ้น 55% มาอยู่ที่ 2,812 เหรียญสหรัฐฯ ต่อตัน, Mid Cut Fatty Alcohol เพิ่มขึ้น 71% เป็น 2,316 เหรียญสหรัฐฯ ต่อตัน และ Long Chain Fatty Alcohol เพิ่มขึ้น 43% เป็น 1,953 เหรียญสหรัฐฯ ต่อตัน ในไตรมาส 4/2567 ความต้องการใช้ผลิตภัณฑ์ Mid Cut Fatty Alcohol ปรับตัวดีขึ้นในช่วงฤดูหนาวสำหรับกลุ่มผู้ผลิตเครื่องสำอาง ในส่วนอุปทานรวมของตลาดค่อนข้างตึงตัวเนื่องจากผู้ผลิตหลายรายหยุดดำเนินการผลิตชั่วคราว
* **ธุรกิจอื่นๆ (Food & Nutraceutical):** บริษัทฯ เริ่มดำเนินธุรกิจจำหน่ายผลิตภัณฑ์ที่เป็นส่วนประกอบอาหารและโภชนเภสัชต่างๆ และรับรู้รายได้ 101 ล้านบาทในปี 2567
**สถานะทางการเงิน**
* สินทรัพย์รวม: 11,338 ล้านบาท (เงินสดและเงินลงทุนระยะสั้น 1,057 ล้านบาท)
* หนี้สินรวม: 1,823 ล้านบาท
* ส่วนของผู้ถือหุ้น: 9,515 ล้านบาท
**ปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อผลการดำเนินงาน**
* **ราคาน้ำมันปาล์มดิบ (PO) และ น้ำมันเมล็ดในปาล์มดิบ (CPKO):** ราคาน้ำมันปาล์มดิบ และน้ำมันเมล็ดในปาล์มดิบ ซึ่งเป็นวัตถุดิบหลักของ GGC มีความผันผวนสูง และส่งผลกระทบต่อต้นทุนการผลิตและกำไรของบริษัทฯ โดยราคาน้ำมันปาล์มดิบได้รับผลกระทบจากสต็อกน้ำมันปาล์มที่ลดลงในมาเลเซีย และท่าทีของรัฐบาลอินโดนีเซีย
* **นโยบายภาครัฐ:** การเปลี่ยนแปลงนโยบายเกี่ยวกับส่วนผสมไบโอดีเซล (ลดจาก B7 เป็น B5) มีผลกระทบต่อปริมาณการขายเมทิลเอสเทอร์
* **สถานการณ์ตลาด:** การแข่งขันที่สูงขึ้นในตลาดเมทิลเอสเทอร์ และความกังวลเกี่ยวกับนโยบายการกีดกันทางการค้า ส่งผลต่อผลการดำเนินงานของ GGC
* **ผลการดำเนินงานของบริษัทร่วมทุน:** การรับรู้ผลขาดทุนจากบริษัทร่วมทุน (ธุรกิจเอทานอล) ส่งผลกระทบต่อกำไรสุทธิของ GGC
* **กฎระเบียบ EUDR:** ความกังวลเกี่ยวกับกฎระเบียบ EUDR ส่งผลให้ผู้ซื้อกักตุนสินค้าแฟตตีแอลกอฮอล์
* **การหยุดดำเนินการผลิต:** ในไตรมาส 4/2567 บริษัทฯ และผู้ผลิตรายอื่นในตลาดแฟตตีแอลกอฮอล์มีการหยุดดำเนินการผลิตชั่วคราวเพื่อซ่อมบำรุง ซึ่งส่งผลกระทบต่ออุปทาน
**แนวโน้มธุรกิจในปี 2568**
* **เมทิลเอสเทอร์:** คาดว่าความต้องการทรงตัวจากปีก่อน โดยภาครัฐยังคงสัดส่วนผสมไบโอดีเซลที่ B5 ในช่วงไตรมาส 1/2568 และคาดว่าจะปรับเพิ่มเป็น B7 ในช่วงที่เหลือของปี อุปทานคาดว่าจะทรงตัวเช่นกัน
* **แฟตตีแอลกอฮอล์:** คาดว่าความต้องการทรงตัว ปัจจัยบวกจากเศรษฐกิจโลกฟื้นตัว และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในจีน การเลื่อนบังคับใช้กฎระเบียบ EUDR อาจทำให้มีการสะสมสต็อกสินค้าในช่วงปลายปี อุปทานมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจากการขยายกำลังการผลิตของผู้ผลิตในอินโดนีเซีย
* **กลีเซอรีน:** คาดว่าความต้องการปรับตัวดีขึ้นตามเศรษฐกิจโลกฟื้นตัว โดยเฉพาะตลาด Oleochemical
* **เอทานอล:** คาดว่าความต้องการเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ และภาคการท่องเที่ยวฟื้นตัว
**บทสรุป**
ผลการดำเนินงานของ GGC ในปี 2567 ได้รับผลกระทบจากปัจจัยหลายประการ ทั้งด้านราคาวัตถุดิบ นโยบายภาครัฐ สถานการณ์ตลาด กฎระเบียบระหว่างประเทศ และการหยุดดำเนินการผลิตเพื่อซ่อมบำรุง การลดลงของส่วนผสมไบโอดีเซล (B7 เป็น B5) ส่งผลกระทบต่อธุรกิจเมทิลเอสเทอร์ ในขณะที่ธุรกิจแฟตตีแอลกอฮอล์ได้รับผลกระทบจากต้นทุนวัตถุดิบที่สูงขึ้น ถึงแม้ปริมาณขายจะเพิ่มขึ้น บริษัทฯ จำเป็นต้องบริหารจัดการความเสี่ยงจากความผันผวนของราคาวัตถุดิบ ปรับตัวให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงนโยบายภาครัฐ และกฎระเบียบระหว่างประเทศ รวมถึงหาโอกาสใหม่ๆ ในการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต และขยายตลาด เพื่อรักษาความสามารถในการทำกำไรและการเติบโตในอนาคต
(122.56%)
(128.00%)
(110.73%)
(141.03%)
(5.25%)
(5.67%)
(118.34%)
(288.20%)
(152.58%)
(583.35%)
(32.54%)
(70.84%)