สรุปงบล่าสุด GGC
บริษัท โกลบอลกรีนเคมิคอล จำกัด (มหาชน)
สรุปงบการเงิน
ไตรมาสที่ 3 ปี 2567
สรุปสั้น
ยังไม่มีรายละเอียด อยู่ระหว่างการจัดทำข้อมูล
สรุปด้วย AI(O) BOT
## บริษัท โกลบอลกรีนเคมิคอล จำกัด (มหาชน) (GGC): ผลประกอบการไตรมาส 3 ปี 2567
บริษัท โกลบอลกรีนเคมิคอล จำกัด (มหาชน) (“บริษัทฯ”) รายงานผลประกอบการไตรมาส 3 ปี 2567 โดยมีรายได้รวม 4,481 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้าร้อยละ 14 บริษัทฯ มีกำไรจากการดำเนินงานก่อนดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (Adjusted EBITDA) 239 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมาร้อยละ 81 โดยหลักมาจากธุรกิจแฟตตี้แอลกอฮอลล์ที่มีอัตรากำไรที่ดีขึ้น
อย่างไรก็ตาม ผลประกอบการในไตรมาส 3/2567 บริษัทฯ รับรู้ผลขาดทุนสุทธิ 183 ล้านบาท (-0.18 บาท/หุ้น) เนื่องจากบริษัทฯ รับรู้ผลขาดทุนจากบริษัทร่วมทุน 150 ล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผลขาดทุนจากธุรกิจเอทานอลที่อยู่ในช่วงเริ่มการผลิต และผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน 119 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะในช่วงปลายไตรมาส
บริษัทฯ มีแผนธุรกิจและกลยุทธ์ในอนาคตในการมุ่งสู่ธุรกิจผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าเพิ่มสูง โดยได้เริ่มดำเนินธุรกิจ Food & Nutraceutical ซึ่งจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ที่เป็นส่วนประกอบอาหารและโภชนเภสัชต่างๆ บริษัทฯ คาดการณ์ว่าธุรกิจ Food & Nutraceutical จะมีส่วนสำคัญในการสร้างรายได้ในอนาคต โดยบริษัทฯ ตั้งเป้ารายได้จากธุรกิจนี้จะเติบโตอย่างต่อเนื่องในปีต่อๆ ไป
## โอกาสการลงทุนใน GGC: มองหาความเสี่ยงและโอกาสที่ซ่อนอยู่
จากผลประกอบการไตรมาสล่าสุดและข้อมูลทางการเงินย้อนหลัง บริษัทฯ มีความเสี่ยงและโอกาสที่น่าสนใจ ดังนี้
**โอกาส:**
* **อัตรากำไรขั้นต้นสูง:** ธุรกิจแฟตตี้แอลกอฮอลล์มีอัตรากำไรขั้นต้นสูง ซึ่งจะช่วยเสริมความแข็งแกร่งของผลประกอบการในอนาคต โดยเฉพาะเมื่อพิจารณาจากแนวโน้มราคาของน้ำมันเมล็ดในปาล์มดิบ (CPO) ที่มีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้น
* **การลงทุนในธุรกิจที่มีมูลค่าเพิ่ม:** ธุรกิจ Food & Nutraceutical เป็นธุรกิจที่มีแนวโน้มเติบโตสูงในอนาคต ซึ่งจะช่วยเพิ่มโอกาสในการสร้างรายได้ให้กับบริษัทฯ
* **ฐานะทางการเงินแข็งแกร่ง:** บริษัทฯ มี D/E 0.39 ซึ่งต่ำกว่า 1 บ่งบอกว่าพื้นฐานทางการเงินของบริษัทฯ แข็งแกร่ง และมีความสามารถในการชำระหนี้ได้ดี
* **ความต้องการเมทิลเอสเทอร์ในไตรมาส 3/2567 ปรับตัวเพิ่มขึ้น**: ความต้องการเมทิลเอสเทอร์ เพิ่มขึ้น 18,388 ตัน หรือคิดเป็นร้อยละ 6 จากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า เนื่องจากนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ เช่น นโยบายส่งเสริมการท่องเที่ยวและนโยบายตรึงราคาพลังงาน
* **ราคาน้ำมันปาล์มดิบมีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้น:** ราคาน้ำมันปาล์มดิบมีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้นจากความกังวลเกี่ยวกับการขาดแคลนวัตถุดิบ ซึ่งเป็นปัจจัยบวกต่อผลประกอบการของบริษัทฯ
* **ความต้องการแฟตตี้แอลกอฮอล์ปรับตัวดีขึ้น:** ความต้องการแฟตตี้แอลกอฮอล์ปรับตัวดีขึ้นจากความกังวลของผู้ซื้อเกี่ยวกับอุปทานที่ตึงตัวและปัญหาการขนส่งสินค้า
* **แนวโน้มราคาแฟตตี้แอลกอฮอล์ในปี 2568:** แนวโน้มราคาแฟตตี้แอลกอฮอล์มีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นในปี 2568 จากความต้องการในตลาดโลกที่เพิ่มขึ้น
**ความเสี่ยง:**
* **ความผันผวนของราคาสินค้าโภคภัณฑ์:** ราคาของน้ำมันปาล์มดิบ ซึ่งเป็นวัตถุดิบหลักในการผลิตเมทิลเอสเทอร์และแฟตตี้แอลกอฮอล์ มีความผันผวนสูง ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อผลประกอบการของบริษัทฯ
* **การแข่งขันในอุตสาหกรรม:** อุตสาหกรรมเคมีเพื่อสิ่งแวดล้อมมีการแข่งขันสูง โดยมีผู้เล่นรายใหญ่หลายราย ซึ่งอาจทำให้บริษัทฯ ต้องเผชิญกับแรงกดดันด้านราคาขาย
* **ผลขาดทุนจากบริษัทร่วมทุน:** ธุรกิจเอทานอลซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนของบริษัทฯ มีผลขาดทุนในไตรมาสนี้ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อผลประกอบการของบริษัทฯ ในอนาคต
* **อุปทานของเมทิลเอสเทอร์เพิ่มขึ้น:** การขยายกำลังการผลิตของผู้ผลิตรายเดิม ทำให้อุปทานของเมทิลเอสเทอร์ในไตรมาส 3/2567 เพิ่มขึ้น ซึ่งอาจส่งผลต่ออัตรากำไรของบริษัทฯ
* **การหยุดดำเนินการผลิตชั่วคราว:** ผู้ผลิตแฟตตี้แอลกอฮอล์หลายรายมีการหยุดดำเนินการผลิตชั่วคราวเพื่อซ่อมบำรุง ซึ่งอาจส่งผลต่ออุปทานและราคาแฟตตี้แอลกอฮอล์
* **นโยบายของสหภาพยุโรป:** การประกาศบังคับใช้กฎระเบียบใหม่ของสหภาพยุโรปเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ปลอดจากการทำลายป่าอาจส่งผลกระทบต่ออุปสงค์ของแฟตตี้แอลกอฮอล์ในอนาคต
การวิเคราะห์ในภาพรวม GGC เป็นบริษัทที่มีความเสี่ยงและโอกาสที่น่าสนใจ บริษัทฯ มีฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง และมีแผนธุรกิจที่ชัดเจนในการมุ่งสู่ธุรกิจที่มีมูลค่าเพิ่มสูง แต่บริษัทฯ ยังคงต้องเผชิญกับความผันผวนของราคาสินค้าโภคภัณฑ์และการแข่งขันในอุตสาหกรรม บริษัทฯ อาจเหมาะกับนักลงทุนที่มองหาโอกาสการลงทุนในระยะยาว และยอมรับความผันผวนได้
(1.58%)
(13.71%)
(10.72%)
(654.07%)
(12.52%)
(587.60%)
(13.00%)
(16.31%)
(2.39%)
(30.41%)
(170.82%)
(139.39%)