สรุปงบล่าสุด FTE

บริษัท ไฟร์เทรดเอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน)
สรุปงบการเงิน
ไตรมาสที่ 4 ปี 2567
สรุปสั้น
FTE ปี 67 รายได้รวม 1,340.53 ล้านบาท (+17.09% YoY) แต่กำไรสุทธิ 116.23 ล้านบาท (-1.25% YoY) รายได้โตจากยอดขายสินค้า และงานโครงการ (โดยเฉพาะ กฟผ.) กำไรลดลงเพราะ GPM ลดลง ต้นทุนสูงขึ้น, ค่าใช้จ่ายขาย/บริหารเพิ่มขึ้น, และขาดทุน ECL จากการตั้งสำรองหนี้สงสัยจะสูญ FTE มีแผนธุรกิจปี 68 ตั้งเป้า 1,600 ล้านบาท เน้น Data Center, งานภาครัฐ และอุตสาหกรรมใหม่ๆ
จากการนำเสนอข้อมูลในการประชุมนักวิเคราะห์ (Oppday) พบว่า FTE มีส่วนแบ่งตลาดเพิ่มขึ้น, รายได้รวมเพิ่มขึ้น แต่กำไรสุทธิลดลงเล็กน้อย สาเหตุหลักมาจากต้นทุนสินค้าและค่าแรงสูงขึ้น รวมถึงการตั้งสำรองหนี้สูญเพิ่มขึ้น
FTE เน้นการเติบโตจากงานภาครัฐ, EEC และ Data Center โดยมี Backlog 600 ล้านบาท รวมถึงเน้น After Market Business และ Fire Pump เพื่อสร้าง Recurring Revenue
สรุปด้วย AI(O) BOT
## บทวิเคราะห์ผลประกอบการ บริษัท ไฟร์เทรดเอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) (FTE)
**ภาพรวมผลการดำเนินงานปี 2567:** บริษัท ไฟร์เทรดเอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ FTE รายงานผลประกอบการปี 2567 โดยมีรายได้รวมจากการขายและบริการ 1,340.53 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17.09% จากปีก่อนหน้า ซึ่งมีรายได้ 1,144.92 ล้านบาท โดยการเติบโตมาจากทั้งรายได้จากการขายสินค้าที่เพิ่มขึ้นจากการบริหารจัดการสต็อกที่มีประสิทธิภาพและการปรับราคาสินค้าบางรายการ และรายได้จากงานโครงการและการให้บริการที่เพิ่มขึ้นจากโครงการในกลุ่มโรงงานอุตสาหกรรมและโครงการของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย อย่างไรก็ตาม กำไรสุทธิของปี 2567 อยู่ที่ 116.23 ล้านบาท ลดลงเล็กน้อย 1.25% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้าที่ 117.70 ล้านบาท อัตรากำไรขั้นต้นลดลงเล็กน้อยจาก 26.49% เป็น 25.55% เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของสัดส่วนต้นทุนสินค้าและค่าแรง ส่วนค่าใช้จ่ายในการจัดจำหน่ายและบริหารเพิ่มขึ้น 12.21% จากการเพิ่มจำนวนพนักงานขายและค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้อง รวมถึงการปรับเพิ่มค่าแรงพนักงานส่วนงานบริหารและการให้สวัสดิการพนักงาน
**แผนธุรกิจและกลยุทธ์ในอนาคต:** แม้จะไม่มีข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับแผนธุรกิจและกลยุทธ์ในอนาคตจากข้อมูลที่ให้มา แต่จากผลการดำเนินงานที่ผ่านมาและการเติบโตของรายได้รวม FTE มีศักยภาพในการเติบโตต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากการขยายงานโครงการและการให้บริการในกลุ่มโรงงานอุตสาหกรรมและการไฟฟ้าฯ การบริหารจัดการต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพยังคงเป็นปัจจัยสำคัญในการรักษาระดับกำไรที่ดี นอกจากนี้ FTE ควรให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการลูกหนี้การค้าเพื่อลดผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น และการเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงานเพื่อลดค่าใช้จ่ายในการจัดจำหน่ายและบริหาร
**โอกาสและความเสี่ยงในการลงทุน:** การพิจารณา FTE เป็นโอกาสในการลงทุนต้องพิจารณาจากปัจจัยหลายด้าน แม้ว่ารายได้รวมจะเติบโตอย่างต่อเนื่อง แต่กำไรสุทธิกลับลดลงเล็กน้อย ซึ่งอาจเป็นสัญญาณเตือนถึงความท้าทายในการรักษาระดับความสามารถในการทำกำไร ข้อมูลราคาหุ้นเฉลี่ยในช่วงหลายปีที่ผ่านมาแสดงให้เห็นถึงความผันผวน ซึ่งอาจบ่งบอกถึงความไม่แน่นอนของตลาดที่มีต่อหุ้น FTE อย่างไรก็ตาม อัตราเงินปันผลตอบแทน (Dividend Yield) ที่ค่อนข้างสูงอย่างสม่ำเสมอ อาจดึงดูดนักลงทุนที่เน้นการลงทุนในระยะยาวเพื่อรับเงินปันผล
* **โอกาส:**
* การเติบโตของอุตสาหกรรมก่อสร้างและโรงงานอุตสาหกรรม ซึ่งจะเพิ่มความต้องการระบบดับเพลิงและสัญญาณแจ้งเหตุเพลิงไหม้
* ความเข้มงวดของกฎหมายและข้อบังคับด้านความปลอดภัยจากอัคคีภัย ซึ่งจะกระตุ้นให้เกิดการลงทุนในระบบป้องกันอัคคีภัย
* ความสามารถในการขยายตลาดไปยังกลุ่มลูกค้าใหม่ๆ หรือภูมิภาคใหม่ๆ
* **ความเสี่ยง:**
* การแข่งขันที่รุนแรงในอุตสาหกรรม
* ความผันผวนของราคาวัตถุดิบและต้นทุนแรงงาน
* ความล่าช้าในการชำระหนี้จากลูกค้า
* การเปลี่ยนแปลงของกฎหมายและข้อบังคับที่อาจส่งผลกระทบต่อธุรกิจ
**ข้อมูลการเงินเพิ่มเติมสำหรับการวิเคราะห์:**
* **ลักษณะธุรกิจ:** FTE เป็นผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายอุปกรณ์ดับเพลิงแบบครบวงจร รวมถึงให้บริการออกแบบ รับเหมา ติดตั้งระบบดับเพลิงและระบบสัญญาณแจ้งเหตุเพลิงไหม้ ซึ่งเป็นธุรกิจที่มีความต้องการอย่างต่อเนื่อง
* **P/E Ratio:** P/E Ratio ล่าสุดอยู่ที่ 8.62 ซึ่งอาจบ่งบอกว่าหุ้น FTE มีราคาที่ไม่แพงเมื่อเทียบกับกำไรต่อหุ้น
* **P/BV Ratio:** P/BV Ratio ล่าสุดอยู่ที่ 1.23 ซึ่งบ่งบอกว่าราคาหุ้นสูงกว่ามูลค่าทางบัญชีของบริษัทเล็กน้อย
* **Dividend Yield:** อัตราเงินปันผลตอบแทน (Dividend Yield) ล่าสุดอยู่ที่ 10.83% ซึ่งถือว่าสูงและน่าสนใจสำหรับนักลงทุนที่ต้องการรายได้จากเงินปันผล
* **D/E Ratio:** อัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (D/E Ratio) คงที่อยู่ที่ 0.46 ซึ่งแสดงให้เห็นว่าบริษัทมีโครงสร้างทางการเงินที่ค่อนข้างมั่นคง
* **วงจรเงินสด:** วงจรเงินสดที่ค่อนข้างยาว (195.22 วัน) อาจบ่งบอกถึงความท้าทายในการบริหารจัดการกระแสเงินสด
การตัดสินใจลงทุนใน FTE ควรพิจารณาปัจจัยเหล่านี้อย่างรอบคอบ และศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อประเมินความเสี่ยงและโอกาสในการลงทุนอย่างละเอียด
(2.75%)
(33.86%)
(9.54%)
(34.77%)
(6.63%)
(0.68%)
(51.39%)
(27.84%)
(50.08%)
(12.53%)
(32.90%)
(75.68%)