FN
บริษัท เอฟเอ็น แฟคตอรี่ เอ๊าท์เลท จำกัด (มหาชน)

สรุปงบการเงิน
ไตรมาสที่ 4 ปี 2567

สรุป OPPDAY

FN Factory Outlet: สรุป OPPDAY Q4/2567 เจาะลึกกลยุทธ์พลิกฟื้นธุรกิจและโอกาสการเติบโต

1. ภาพรวมผลกระทบต่อธุรกิจ (Business Impact Overview)

ถึงแม้ว่าในปี พ.ศ. 2567 เศรษฐกิจไทยจะขยายตัวต่อเนื่องจากการบริโภคภาคเอกชน แต่ก็ยังมีความผันผวนของระบบเศรษฐกิจและการเงินโลก ภาระหนี้สินครัวเรือนและภาคธุรกิจที่ยังอยู่ในระดับสูง และยังมีความผันผวนของผลผลิตและราคาเกษตร ส่งผลโดยรวมถึงรายได้ของบริษัทลดลงเล็กน้อย

  • รายได้รวมปี พ.ศ. 2567 ปิดที่ 441 ล้านบาท โดยรายได้สูงสุดอยู่ในไตรมาสที่ 4

  • รายได้หลักยังคงมาจากช่องทางสาขา แต่ลดลงจากการปิดสาขาในปี พ.ศ. 2566

  • ช่องทางดิจิทัลเติบโตอย่างต่อเนื่องทุกปี โดยเฉพาะปี พ.ศ. 2567 ที่โตขึ้นถึง 17%

  • รายได้ค่าเช่าโตขึ้นอย่างมากเช่นเดียวกัน

อัตรากำไรขั้นต้นยังคงรักษาระดับได้สูงกว่าปีที่แล้ว จากการพัฒนา Margin Mix ได้ดีขึ้น หากไม่นับในส่วนของการเปลี่ยนแปลงนโยบายการตั้งสำรอง GP ของเราสูงขึ้น 18 ล้านบาท หรือ 9% เลยทีเดียวค่ะ

ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารรวมของบริษัทลดลงจากปี พ.ศ. 2566 ค่อนข้างเยอะในทุกๆ ค่าใช้จ่าย ไม่ว่าจะเป็นค่าใช้จ่ายพนักงาน ค่าใช้จ่ายสาธารณูปโภค และอื่นๆ โดยรวมแล้วค่าใช้จ่ายโดยรวมของเราลดลงได้ถึง 54 ล้านบาท หรือลดลงถึง 16% เลยนะคะ ถ้าเทียบกับปีที่แล้ว

ผลประกอบการของบริษัทดีขึ้นมากทั้ง EBITDA และ Net Profit หากไม่นับเหตุการณ์ที่เป็น One-Time ในปี พ.ศ. 2566 ที่มีการปรับนโยบายในเรื่องของการตั้งสำรองสินค้าล้าสมัย และในปี พ.ศ. 2567 ที่เรามีการ Revert Deferred Tax EBITDA ในปี พ.ศ. 2567 ติดลบเพียง 13 ล้านบาทเท่านั้น ซึ่งผลประกอบการดีขึ้นคือติดลบน้อยลงถึง 49 ล้านบาทเลยค่ะ ในส่วนของ Net Loss ติดลบเหลือแค่ 46 ล้านบาทเท่านั้น ซึ่งดีขึ้นถึง 36 ล้านบาทจากนโยบายการลดค่าใช้จ่ายต่างๆ

ต้นปีสต็อกสินค้าสูงถึง 310 ล้านบาท แต่พอสิ้นปีแล้วลดลงเหลือ 191 ล้านบาท สามารถเคลียร์สินค้าที่มีอายุมากกว่า 18 เดือนได้ค่อนข้างมาก ทำให้ Inventory Day ของเราลดลงอย่างเห็นได้ชัด จาก 318 วัน เหลือเพียง 124 วัน

เงินสดของเราอยู่ที่ 22 ล้านบาท มีการนำเงินสดไปลงทุนที่พันธบัตรรัฐบาลในไตรมาสที่ 3 และมูลค่า ณ สิ้นปีโตขึ้นจากไตรมาสที่ 3 ตอนสิ้นปี พ.ศ. 2567 อยู่ที่ 125 ล้านบาท

Cash Equivalent ของเราใน 1 ปี เพิ่มขึ้นมา 16 ล้านบาท สินค้าคงเหลือลดลง 26 ล้านบาท จากการระบายสินค้าออกไป Fix Access ลดลงจากค่าเสื่อมราคา ส่วน Other ลดลงจากการปรับลดสัญญาเช่าของทางด้านสาขาศรีราชาค่ะ

หนี้สิน Total ของเรารวมแล้วลดลง 21 ล้านบาท จากมูลค่าหนี้สินตามสัญญาเช่า ส่วนผู้ถือหุ้นก็ลดลงก็มาจากผลประกอบการที่ได้กล่าวไปแล้วทั้งหมด

2. โอกาสทางธุรกิจ (Business Opportunities)

บริษัทมีแผนที่จะพัฒนาช่องทางดิจิทัลอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการสร้างการรับรู้ใหม่ (Brand Awareness) โดยการเพิ่มสินค้าที่หลากหลายมากขึ้นจากแบรนด์ชั้นนำต่างๆ ทั้งในและต่างประเทศ

บริษัทจะแบ่ง Tier ของสินค้าที่เป็นสินค้าแบรนด์ออกเป็น 3 Tier ตั้งแต่ Top Tier (เช่น Bose, Adidas, DKNY) Mass Brand และ Local Brand โดยคาดว่าจะเพิ่มจำนวนแบรนด์เป็นเกือบ 100 แบรนด์ภายในปีนี้

  • พัฒนาสินค้าในบ้านของตัวเอง โดยเน้นไปที่กลุ่มเครื่องนอนเป็นหลัก

  • ยกระดับ Themsoft ให้เป็นแบรนด์ที่เน้นเรื่องความเย็น โดยมีหมอนและเส้นใยตัวใหม่ที่เรียกว่า Cooling Genesis

  • พัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เช่น หมอนรุ่น Alpha และ Orthopedic ที่รองรับกระดูกต้นคอเป็นพิเศษ

บริษัทเน้นการใช้เส้นใย Cooling Genesis ในผลิตภัณฑ์ต่างๆ รวมถึงการทำเป็นผ้าห่มเย็นที่สามารถลดอุณหภูมิผิวได้ถึง 2 องศา และพัฒนาคุณสมบัติของเส้นใยให้สามารถพิสูจน์ได้ด้วยการวัดแบบ Q-Max

บริษัทมีการเติมเรื่องของความเย็นจากธรรมชาติและนอนพักผ่อนที่มีคุณภาพจาก Prim ที่ใช้เส้นใยจากธรรมชาติมาช่วยบำบัดให้การนอนดีขึ้น รวมถึงการใช้เส้นใยแบบ Oeko-Tex ที่เป็น Standard แบบ Class 1 ซึ่งสามารถใช้ได้กับเด็กที่อายุต่ำกว่า 36 เดือน

บริษัทให้ความสำคัญกับ Loriga ซึ่งเป็นแบรนด์ที่ทำเกี่ยวกับกระเป๋าเดินทางและอุปกรณ์สำหรับการเดินทางโดยเฉพาะ โดยจะเพิ่มรุ่นใหม่ๆ เข้ามาเพิ่มเติม และเพิ่มระยะเวลารับประกันให้เพิ่มขึ้นจากเดิม 1 ปี เป็น 5 ปี รวมถึงเสริมคุณสมบัติต่างๆ เข้าไป

บริษัทมีเป้าหมายที่จะทำสินค้าที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าในราคาที่ดีที่สุด และให้ดีลที่ดีที่สุดแก่ลูกค้า

3. ความเสี่ยงที่กำลังเผชิญ (Risks and Challenges)

สถานการณ์เศรษฐกิจในปัจจุบันยังมีความท้าทายค่อนข้างมาก ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการสร้างรายได้ตามเป้าหมายที่วางไว้

การแข่งขันในตลาด B2B ค่อนข้างสูง โดยเฉพาะในเรื่องของราคา ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อ Profit Margin ของบริษัท

4. วิธีการแก้ไขปัญหาผลกระทบ (Problem-Solving and Mitigation)

บริษัทมุ่งเน้นการสร้าง Revenue ควบคู่ไปกับการลดค่าใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพ โดยการปรับกลยุทธ์ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน

บริษัทให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการ Stock สินค้าอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อลดต้นทุนและเพิ่มสภาพคล่องทางการเงิน

บริษัทวางแผนที่จะขยายช่องทางการจัดจำหน่ายไปยัง B2B และช่องทางออนไลน์มากยิ่งขึ้น เพื่อเพิ่มโอกาสในการสร้างรายได้

5. แนวโน้มและอนาคต (Outlook and Future Trends)

บริษัทตั้งเป้าที่จะพลิกกลับมามีกำไรและสร้างการเติบโตที่ยั่งยืน โดยมุ่งเน้นการสร้าง Brand Awareness การพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ และการขยายช่องทางการจัดจำหน่าย

บริษัทให้ความสำคัญกับ ESG (Environmental, Social, and Governance) โดยเข้าร่วมกับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และดำเนินกิจกรรม ESG อย่างเต็มรูปแบบ

  • ติดตั้ง Solar Rooftop ในทุกสาขา และมีสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า

  • ร่วมมือกับองค์กรสวนสัตว์ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์คู่หมวกเอกกับหมูเด้ง

บริษัทได้รับรางวัลระดับ 5 ดาว ดีเลิศ 3 ปีซ้อน ใน CGR ของปี 2567 และรางวัล Outstanding Investment Relation ซึ่งสะท้อนถึงการให้ความสำคัญกับนักลงทุน

6. ช่วงถาม-ตอบ (Q&A Session) [เริ่ม Q&A นาทีที่ 37:54]

  1. Good Deal, B2B, Online จะเริ่มเห็นผลเมื่อไหร่?

    จะเริ่มเห็นผลในสงกรานต์นี้ (เดือนเมษายน) และจะเริ่มทำในทุกสาขา สาขาที่เห็นโดดเด่นมากที่สุดคือหัวหิน ใน Q ถัดไปจะ Expand แบรนด์เหล่านี้ไปยังสาขาอื่นๆ

  2. เป้าหมายรายได้ปีนี้เป็นอย่างไร?

    คาดหวังที่จะพลิกกลับมามีกำไร และชนะปีที่แล้วให้ได้ โดยโฟกัส 2 เรื่องใหญ่ๆ คือการสร้าง Revenue กับการลดค่าใช้จ่าย แม้การสร้าง Revenue จะไม่ง่าย แต่ก็มีแผนรับมือ

  3. รายได้จาก Online คิดเป็นเท่าไหร่ต่อยอดขาย?

    เดือนหนึ่งประมาณ 5 ล้านบาท และกำลัง Challenge กันเพิ่มขึ้น 20-30% จากสิ่งที่กำลังทำอยู่

  4. บริษัทคิดว่าจะมีกำไรไตรมาสไหน?

    คาดหวังว่าจะเริ่มผลิ ดอก ออกผลใน Q3 และ Q4 เพราะ Q2 เป็นจุดเริ่มต้นที่จะนำแบรนด์ต่างๆ เข้ามา

  5. แผน Renovate ปีนี้มีกี่สาขา งบลงทุนเท่าไหร่?

    เริ่มทำที่หัวหินก่อนเป็นสาขาแรก และมีใน Pipeline อีก 2 สาขา คือที่อยุธยา และที่พัทยา งบประมาณ Renovate ประมาณไม่น่าเกิน 20 ล้าน

  6. Solar Cell ติดตั้งไปกี่สาขาแล้ว?

    ประมาณ 5 สาขา เป็นของ FN เอง 3 และกับบ้านปูอีก 2

  7. Q1-Q4 ยังคงเป็น High Season ตลอดปี 2568 หรือไม่?

    High Season จริงๆ คือ Q2 กับ Q4 นั่นเลยเป็นเหตุผลว่าทำไมถึงโฟกัสในช่วงสงกรานต์

  8. GPM ที่รับจ้างบริษัทออกแบบชุด จะเท่าๆ GPM ของสินค้าแบรนด์ของบริษัทเองหรือไม่?

    ไม่เท่า เพราะ B2B ต้องแข่งขันเรื่องราคาเป็นหลัก แต่ตัวปริมาณในการผลิตมันจะเยอะกว่า

  9. ปี 2568 จะมีปิดเพิ่มอีกหรือไม่?

    ไม่มี ตอนนี้มี 9 สาขา น่าจะ Stable ที่ 9 สาขานี้

  10. เงินสดของบริษัทเริ่มจะหมดแล้ว จะต้องกู้เพิ่มไหม?

    ตอนนี้ยังมีเงินสดอยู่ในบริษัทประมาณ 100 นิดๆ ล้าน ที่เป็นเงินสดแบบ Cash On Hand เลย และมีการนำเงินสดเหล่านั้นไปซื้อพันธบัตรรัฐบาลเก็บเอาไว้ด้วย

  11. สรุปแล้วแนวทางสาขาที่จะทำแท่นชาร์จเพื่อดึงดูดลูกค้ายังคงทำไหม?

    ยังคง Continue ทำอยู่ และไม่ได้ผูกขาดกับเจ้าใดเจ้าหนึ่ง

  12. บริษัทมีแผนจะล้างขาดทุนสะสมในปี 2568 หรือไม่ ถ้าเริ่มมีกำไรช่วง Q3 Q4?

    ต้องทำอยู่แล้ว ถ้าเกิดว่ามีกำไรยังไงก็ต้องทำ

  13. ถ้าเริ่มมีกำไรปี 2569 จะกลับมาจ่ายปันผลหรือไม่?

    นั่นคือเป้าหมายของเรา

  14. บริษัทได้จับเทรนด์การบริโภคที่สินค้าเน้นถูกและคุณภาพดีหรือไม่?

    กลับไปที่สไลด์ที่พรีเซนต์ จะพูดเรื่องของ Good Deal สินค้าดี คุณภาพดี ราคาดี

  15. ปี 2568 Capex มีเท่าไหร่ ใช้ทำอะไรบ้าง?

    หลักๆ ก็ Renovate สาขา กับ Invest ลงไปในเรื่องของการทำฝั่งของ Online

  16. สินค้าของบริษัทตัวใหม่ๆ คิดว่าจะมีการตั้งสำรองหรือไม่ ถ้าขายไม่ดี?

    นั่นคือเป้าหมาย สินค้าที่เอาเข้ามาจำเป็นจะต้องขายได้

  17. อยากให้บริษัทศึกษาบริษัทจีนที่ทำที่นอนและหมอน แล้วขายได้มูลค่าหลายพันล้าน?

    FN ให้ความสำคัญเกี่ยวกับเรื่องนอนมากๆ และโฟกัสเรื่องนอนยังไงให้มีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะนอนแล้วเย็นขึ้น

  18. ตัวตลาด 5D Market จะขยายไปทุกๆ สาขาที่เหลือหรือไม่?

    ตัวตลาด 5D จะทำกับสาขาที่ค่อนข้าง Local หน่อย หมายถึงว่ามีความต้องการของ Local ค่อนข้างสูง

ชื่อหัวข้อที่ถามและคำตอบที่ผู้บริหารตอบในคลิป

  • Good Deal, B2B, Online จะเริ่มเห็นผลเมื่อไหร่?

  • เป้าหมายรายได้ปีนี้เป็นอย่างไร?

  • รายได้จาก Online คิดเป็นเท่าไหร่ต่อยอดขาย?

  • บริษัทคิดว่าจะมีกำไรไตรมาสไหน?

  • แผน Renovate ปีนี้มีกี่สาขา งบลงทุนเท่าไหร่?

  • Solar Cell ติดตั้งไปกี่สาขาแล้ว?

  • Q1-Q4 ยังคงเป็น High Season ตลอดปี 2568 หรือไม่?

  • GPM ที่รับจ้างบริษัทออกแบบชุด จะเท่าๆ GPM ของสินค้าแบรนด์ของบริษัทเองหรือไม่?

  • ปี 2568 จะมีปิดเพิ่มอีกหรือไม่?

  • เงินสดของบริษัทเริ่มจะหมดแล้ว จะต้องกู้เพิ่มไหม?

  • สรุปแล้วแนวทางสาขาที่จะทำแท่นชาร์จเพื่อดึงดูดลูกค้ายังคงทำไหม?

  • บริษัทมีแผนจะล้างขาดทุนสะสมในปี 2568 หรือไม่ ถ้าเริ่มมีกำไรช่วง Q3 Q4?

  • ถ้าเริ่มมีกำไรปี 2569 จะกลับมาจ่ายปันผลหรือไม่?

  • บริษัทได้จับเทรนด์การบริโภคที่สินค้าเน้นถูกและคุณภาพดีหรือไม่?

  • ปี 2568 Capex มีเท่าไหร่ ใช้ทำอะไรบ้าง?

  • สินค้าของบริษัทตัวใหม่ๆ คิดว่าจะมีการตั้งสำรองหรือไม่ ถ้าขายไม่ดี?

  • อยากให้บริษัทศึกษาบริษัทจีนที่ทำที่นอนและหมอน แล้วขายได้มูลค่าหลายพันล้าน?

  • ตัวตลาด 5D Market จะขยายไปทุกๆ สาขาที่เหลือหรือไม่?

โดยสรุป, FN Factory Outlet ยังคงมุ่งมั่นที่จะปรับปรุงผลการดำเนินงานและสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน โดยมุ่งเน้นที่การพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ การขยายช่องทางการจัดจำหน่าย และการบริหารจัดการต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมทั้งให้ความสำคัญกับ ESG เพื่อสร้างความยั่งยืนในระยะยาว