สรุปด้วย AI(O) BOT

บริษัท อีสเทิร์นโพลีเมอร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ EPG รายงานผลประกอบการไตรมาส 3/2567 โดยมีรายได้รวม 12,193.99 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้า 3.06% และเติบโต 3.1% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเป็นผลมาจากการเติบโตของธุรกิจหลักทั้งสามธุรกิจ ได้แก่ ธุรกิจผลิตและจำหน่ายฉนวนยางกันความร้อนและความเย็น ธุรกิจผลิตและจำหน่ายอุปกรณ์ชิ้นส่วนตกแต่งรถยนต์ และธุรกิจผลิตและจำหน่ายบรรจุภัณฑ์พลาสติก บริษัทฯ ยังคงมุ่งเน้นการขยายตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยเฉพาะในกลุ่มประเทศอาเซียน รวมถึงการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า

EPG วางแผนที่จะเพิ่มศักยภาพในการผลิตและขยายช่องทางการจัดจำหน่าย โดยเน้นการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ในการดำเนินงาน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและความยืดหยุ่น นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังวางแผนที่จะลงทุนในโครงการใหม่ ๆ เพื่อรองรับการเติบโตของธุรกิจในระยะยาว บริษัทฯ คาดการณ์ว่ารายได้ในปี 2568 จะเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยมีเป้าหมายที่จะเพิ่มอัตรากำไรขั้นต้น และอัตรากำไรสุทธิ

EPG น่าจะเป็นโอกาสการลงทุน เนื่องจากมีการเติบโตของรายได้อย่างต่อเนื่อง ประกอบกับอัตรากำไรขั้นต้น และอัตรากำไรสุทธิ ยังคงอยู่ในระดับดี ราคาหุ้นเฉลี่ยในช่วงที่ผ่านมามีแนวโน้มทรงตัว และมี P/E อยู่ที่ 10.85 ซึ่งต่ำกว่า 35 สะท้อนว่า ราคาหุ้น ยังไม่แพง และ D/E อยู่ที่ 0.56 แสดงให้เห็นถึง พื้นฐานทางการเงินที่แข็งแกร่ง และมีความเสี่ยงต่อการก่อหนี้ค่อนข้างต่ำ นอกจากนี้ วงจรเงินสด อยู่ที่ 151.23 วัน สะท้อนถึง การบริหารจัดการเงินทุนที่ดี และมีเงินสดหมุนเวียนเพียงพอสำหรับการดำเนินธุรกิจ แม้ว่า เงินสดสุทธิจากกิจกรรมการลงทุน จะติดลบ แต่ก็เป็นการลงทุนเพื่อขยายธุรกิจ ไม่ใช่การขายสินทรัพย์

อย่างไรก็ตาม EPG ยังคงมีความเสี่ยงในเรื่องของ การแข่งขันในตลาด การเปลี่ยนแปลงของราคาวัตถุดิบ และความผันผวนทางเศรษฐกิจ โดยเฉพาะในกลุ่มประเทศอาเซียน EPG เหมาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการลงทุนในธุรกิจที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง และมีความเสี่ยงต่ำ รวมถึงนักลงทุนที่มองหาการลงทุนระยะยาว เพื่อรับผลตอบแทนจากการเติบโตของธุรกิจ และนักลงทุนที่ต้องการรับเงินปันผล เนื่องจากบริษัทฯ มีนโยบายจ่ายเงินปันผล และมี YIELD ที่น่าสนใจ

**ข้อมูลเพิ่มเติมจาก ASPHERE:**

* บริษัท ASPHERE มีกำไรสุทธิในไตรมาส 3/2566 จำนวน 82.6 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 19.5 ของรายได้ เพิ่มขึ้นจาก 28.9 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 186.0 จากไตรมาสก่อนหน้า
* แม้จะมีค่าเผื่อการด้อยค่าและค่าตัดจำหน่ายลิขสิทธิ์เกมออนไลน์จำนวน 53.8 ล้านบาท แต่ ASPHERE ยังคงมีกำไรจากการดำเนินงาน 40.6 ล้านบาท และมีการรับรู้กำไรจากการขายบริษัทฯ ย่อยในประเทศมาเลเซียจำนวนทั้งสิ้น 66.4 ล้านบาท ส่งผลให้กำไรในไตรมาสนี้ปรับตัวสูงขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน
* บริษัท ASPHERE จะยังคงรักษาส่วนแบ่งทางการตลาดของประเทศมาเลเซียไว้ดังเดิม ภายใต้การดำเนินงานของบริษัทฯ ย่อยในประเทศสิงค์โปร์

**สรุปภาพรวม:**

EPG และ ASPHERE ต่างแสดงให้เห็นถึงการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยมีผลกำไรสุทธิ และอัตรากำไร ที่น่าประทับใจ ทั้งสองบริษัทมี D/E ที่ต่ำ สะท้อนถึง พื้นฐานทางการเงินที่แข็งแกร่ง และมี YIELD ที่น่าสนใจ ทำให้เป็นโอกาสการลงทุน สำหรับนักลงทุนที่ต้องการลงทุนระยะยาว และรับผลตอบแทนจากการเติบโตของธุรกิจ