สรุปด้วย AI(O) BOT

## บริษัท อี ฟอร์ แอล เอม จำกัด (มหาชน) (EFORL): ผลประกอบการไตรมาส 2/2567 พลิกกลับสู่ขาดทุน

บริษัท อี ฟอร์ แอล เอม จำกัด (มหาชน) หรือ EFORL ประกาศผลประกอบการไตรมาส 2/2567 รายได้รวม 252.13 ล้านบาท ลดลง 31% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่งผลให้บริษัทขาดทุนสุทธิ 20.52 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 244% จากไตรมาส 2/2566 ที่มีกำไรสุทธิ 14.26 ล้านบาท รายได้จากการขายและบริการของบริษัทลดลง 31% เป็น 249.22 ล้านบาท ในขณะที่กำไรขั้นต้นลดลง 36% เหลือ 81.85 ล้านบาท ส่งผลให้ อัตรากำไรขั้นต้นลดลงเหลือ 32.8% จาก 35.3% ในช่วงเดียวกันของปีก่อน ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารลดลง 9% เหลือ 95.89 ล้านบาท แต่ต้นทุนทางการเงินกลับเพิ่มขึ้น 7% เป็น 8.33 ล้านบาท เนื่องจากการกู้ยืมเงินจากบุคคลอื่นเพิ่มขึ้น

แผนธุรกิจในอนาคตของ EFORL ยังคงมุ่งเน้นการขยายตลาดและสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน โดยบริษัทวางแผนที่จะเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน ลดต้นทุน และเพิ่มช่องทางการขายใหม่ๆ เพื่อรองรับความต้องการของตลาดที่เปลี่ยนแปลงไป บริษัทคาดหวังว่าจะสามารถกลับมาทำกำไรได้ภายในปี 2568 ด้วยการปรับปรุงกลยุทธ์การตลาดและการบริหารจัดการอย่างมีประสิทธิภาพ

EFORL เป็นหุ้นที่มีความผันผวนสูง เนื่องจากได้รับผลกระทบจากสภาวะเศรษฐกิจและความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ ส่งผลให้ราคาหุ้นแกว่งตัวในช่วง 0.02-0.72 บาท ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม บริษัทยังคงมีฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง มี D/E ที่ระดับ 1.61 ซึ่งต่ำกว่า 1 สะท้อนถึงภาระหนี้สินที่ต่ำ และมีโอกาสในการกู้เงินจากสถาบันการเงินได้ง่ายขึ้น P/E อยู่ที่ระดับ 30.27 ซึ่งสะท้อนถึงความคาดหวังของนักลงทุนที่มีต่อผลประกอบการของบริษัทในอนาคต อย่างไรก็ตาม EFORL มี YIELD ต่ำกว่า 4% จึงไม่น่าสนใจสำหรับนักลงทุนที่เน้นรับเงินปันผล
**โอกาส**
* ฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง มี D/E ต่ำ บริษัทสามารถกู้ยืมเงินได้ง่าย
* มีโอกาสในการขยายตลาดและสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน
* ผลประกอบการในช่วงที่ผ่านมาอาจมีความผันผวน แต่บริษัทวางแผนที่จะกลับมาทำกำไรได้
**ความเสี่ยง**
* ผลประกอบการยังคงมีความผันผวน และอาจได้รับผลกระทบจากสภาวะเศรษฐกิจโลก
* ราคาหุ้นมีความผันผวนสูง และอาจได้รับผลกระทบจากการเคลื่อนไหวของเงินตราต่างประเทศ
* YIELD ต่ำ ไม่เหมาะสำหรับนักลงทุนที่เน้นรับเงินปันผล

โดยสรุป EFORL เหมาะกับนักลงทุนที่ต้องการเก็งกำไรระยะสั้น และมีความเสี่ยงสูง โดยนักลงทุนควรติดตามผลประกอบการของบริษัทอย่างใกล้ชิด และวิเคราะห์ความเสี่ยงของการลงทุนอย่างละเอียดก่อนตัดสินใจ