CPN
บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน)

สรุปงบการเงิน
ไตรมาสที่ 4 ปี 2567

สรุปสั้น

CPN ปี 67 ทำสถิติใหม่ รายได้ 51,845 ล้านบาท (+11% YoY) และกำไรสุทธิ 16,729 ล้านบาท (+11% YoY) โตจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย, การท่องเที่ยว, และกลยุทธ์ธุรกิจที่แข็งแกร่ง ธุรกิจหลัก, โครงการใหม่, และการจัดการต้นทุนที่ดีช่วยหนุนผลประกอบการ ไตรมาส 4/67 รายได้โต แต่กำไรลดเล็กน้อย จากผลกระทบทางบัญชี และธุรกิจที่อยู่อาศัยมีรายได้ลดลง, แต่รายได้อื่นเพิ่มขึ้น

CPN มุ่งมั่นพัฒนาโครงการใหม่, ปรับปรุงโครงการเดิม, และดำเนินธุรกิจยั่งยืน ตั้งเป้า Net Zero ภายในปี 2593

CPN มีแนวโน้มเติบโตที่ดีในอนาคต และนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่แนะนำ ซื้อ


ผู้เขียน อจน. นุ้ย

สรุปด้วย AI(O) BOT

## สรุปผลประกอบการบริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) (CPN) ปี 2567 และแนวโน้มในอนาคต (ฉบับปรับปรุง)

บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) (CPN) รายงานผลประกอบการปี 2567 ที่โดดเด่น โดยมีรายได้รวมและกำไรสุทธิสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 51,845 ล้านบาท และ 16,729 ล้านบาท ตามลำดับ เติบโต 11% จากปีก่อนหน้า ปัจจัยสนับสนุนหลักมาจากรายได้ค่าเช่าและบริการในศูนย์การค้าเดิมที่เติบโตอย่างแข็งแกร่ง ยอดขายร้านค้าที่เพิ่มขึ้นจากกลยุทธ์ Tenant Mix Optimization การจัดกิจกรรมส่งเสริมการตลาด และการสร้างประสบการณ์ใหม่ให้กับผู้ใช้บริการ รวมถึงผลประกอบการที่แข็งแกร่งจากโครงการศูนย์การค้าที่เปิดใหม่ เช่น เซ็นทรัล นครสวรรค์ และ เซ็นทรัล นครปฐม นอกจากนี้ ธุรกิจบริการศูนย์อาหาร และธุรกิจโรงแรม ยังมีผลประกอบการสูงสุดเป็นประวัติการณ์เช่นกัน ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่อยู่อาศัย แม้รายได้ในไตรมาส 4 จะลดลงเล็กน้อย แต่ภาพรวมทั้งปียังคงเติบโตได้ 7% จากปีก่อนหน้า แสดงให้เห็นถึงจุดแข็งของโครงการคอนโดมิเนียมที่อยู่ติดกับศูนย์การค้า การเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงาน เช่น การติดตั้งแผงผลิตพลังงานแสงอาทิตย์เพิ่มเติม อัตราค่าไฟฟ้าที่ลดลง และการปรับตัวดีขึ้นของอัตราหนี้สินสุทธิต่อทุน (Net D/E) ล้วนเป็นปัจจัยบวกที่ส่งผลให้ผลประกอบการโดยรวมเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ รายได้อื่น ๆ ก็เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญจากการดำเนินงานในต่างประเทศและจากการลงทุนอื่นของบริษัทฯ ในไตรมาส 4 ปี 2567 CPN รายงานรายได้รวม 13,842 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6% แต่กำไรสุทธิลดลงเล็กน้อย 2% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากผลกระทบทางบัญชีที่มิได้เกิดขึ้นเป็นประจำในส่วนแบ่งกำไร อย่างไรก็ตาม หากไม่รวมรายการพิเศษดังกล่าว กำไรสุทธิหลักจากการดำเนินงานยังคงเติบโตได้ถึง 11% สะท้อนถึงความสามารถในการทำกำไรที่แข็งแกร่งของธุรกิจหลัก

สำหรับแผนธุรกิจและกลยุทธ์ในอนาคต CPN ยังคงมุ่งเน้นการขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่อง ทั้งในส่วนของธุรกิจศูนย์การค้า โรงแรม และที่พักอาศัย โดยมีเป้าหมายที่จะเป็นผู้นำในการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์แบบผสมผสาน (Mixed-Use Development) ระดับประเทศและระดับภูมิภาค บริษัทฯ มีแผนที่จะลงทุนในโครงการใหม่ๆ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ รวมถึงการปรับปรุงและพัฒนาศูนย์การค้าที่มีอยู่ให้มีความทันสมัยและตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป โครงการที่กำลังจะเปิดตัวในอนาคตอันใกล้ ได้แก่ Market Place Theprak (มี.ค. 68), โรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพฯ (เปิดให้บริการแล้ว ก.ย. 67), เซ็นทรัล พาร์ค, เซ็นทรัล พาร์ค ออฟฟิศเศส, เอสเซสซิเดนเซส, และเซ็นทรัล กระบี่ นอกจากนี้ CPN ยังให้ความสำคัญกับการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน โดยมีเป้าหมายที่จะเป็นองค์กรปลอดคาร์บอน (Net Zero Carbon) ภายในปี 2593 โดยได้ดำเนินมาตรการต่างๆ เพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เช่น การออกแบบอาคารสีเขียว การติดตั้งพลังงานสะอาด และการบริหารจัดการขยะ สภาพัฒน์ฯ คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจไทยจะเติบโต 2.8% ในปี 2568 โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากการเบิกจ่ายงบประมาณภาครัฐที่เพิ่มขึ้น การขยายตัวของการบริโภคภาคเอกชน การฟื้นตัวของการท่องเที่ยว และการส่งออกที่เติบโตต่อเนื่อง ซึ่งปัจจัยเหล่านี้จะเป็นแรงขับเคลื่อนให้ CPN สามารถเติบโตได้อย่างต่อเนื่องในอนาคต

เมื่อพิจารณาจากผลประกอบการที่แข็งแกร่ง แผนธุรกิจที่ชัดเจน และแนวโน้มการเติบโตของเศรษฐกิจไทย CPN จึงเป็นหุ้นที่น่าสนใจลงทุนในระยะยาว แม้ว่าราคาหุ้นเฉลี่ยในไตรมาส 4 ปี 2567 จะอยู่ที่ 62.03 บาท ซึ่งต่ำกว่าช่วงต้นปี แต่ด้วยปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่งและศักยภาพในการเติบโต CPN ยังคงเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุนที่ต้องการลงทุนในหุ้นที่มีความมั่นคงและมีโอกาสเติบโตในระยะยาว โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปัจจุบันที่อัตราดอกเบี้ยอยู่ในระดับต่ำ การลงทุนในหุ้นที่มีการจ่ายปันผลสม่ำเสมออย่าง CPN จึงเป็นทางเลือกที่น่าสนใจในการสร้างผลตอบแทนที่มั่นคงในระยะยาว ทั้งนี้ การลงทุนในหุ้นมีความเสี่ยง นักลงทุนควรศึกษาข้อมูลอย่างรอบคอบก่อนตัดสินใจลงทุน กำไรขั้นต้นและกำไรจากการดำเนินงานก็เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในปี 2567 แสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพในการบริหารจัดการต้นทุนของบริษัทฯ โครงสร้างทางการเงินก็แข็งแกร่งขึ้น โดยอัตราหนี้สินรวมที่มีภาระดอกเบี้ยสุทธิต่อส่วนของผู้ถือหุ้นลดลง และความสามารถในการจ่ายดอกเบี้ยก็สูงขึ้น

***

**วิเคราะห์ความสัมพันธ์:**

* **รายได้และกำไร:** รายได้ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องส่งผลให้กำไรสุทธิเพิ่มขึ้นตามไปด้วย แสดงถึงความสามารถในการทำกำไรของบริษัท
* **อัตรากำไรขั้นต้นและอัตรากำไรสุทธิ:** อัตรากำไรขั้นต้นและอัตรากำไรสุทธิที่อยู่ในระดับสูง แสดงถึงประสิทธิภาพในการบริหารต้นทุนและความสามารถในการทำกำไรของบริษัท
* **D/E:** อัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (D/E) ที่อยู่ในระดับที่บริหารจัดการได้ แสดงถึงความแข็งแกร่งทางการเงินของบริษัท
* **ปัจจัยสำคัญที่มีผลกระทบต่อกำไร:** การเปิดตัวสาขาใหม่และการปรับปรุงสาขาเดิมส่งผลให้รายได้และกำไรเพิ่มขึ้น
* **จำนวนสาขา:** การขยายสาขาอย่างต่อเนื่องเป็นปัจจัยสำคัญในการเติบโตของรายได้และกำไร

**พัฒนาการสำคัญ:**

* การเปิดตัวสาขาใหม่: เซ็นทรัล นครสวรรค์ และ เซ็นทรัล นครปฐม
* การปรับปรุงสาขาเดิม: ปรับปรุงและพัฒนาศูนย์การค้าให้มีความทันสมัยและตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภค
* การเติบโตของธุรกิจบริการศูนย์อาหารและธุรกิจโรงแรม

**อนาคตการลงทุน:**

* การขยายธุรกิจไปยังต่างประเทศ
* การลงทุนในโครงการใหม่ๆ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ
* การพัฒนาโครงการรูปแบบผสมผสาน

**โอกาส:**

* การเติบโตของเศรษฐกิจไทยและการฟื้นตัวของการท่องเที่ยว
* การขยายตัวของธุรกิจอีคอมเมิร์ซและการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้บริโภค
* การให้ความสำคัญกับการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน

**ความเสี่ยง:**

* การแข่งขันที่รุนแรงในธุรกิจศูนย์การค้าและอสังหาริมทรัพย์
* ความผันผวนของเศรษฐกิจและการเมือง
* การเปลี่ยนแปลงกฎหมายและนโยบายของรัฐบาล

**ข้อมูลการเงินเพิ่มเติมสำหรับการวิเคราะห์:**

* **ลักษณะธุรกิจ:** พัฒนาและให้เช่าพื้นที่ศูนย์การค้าขนาดใหญ่และประกอบธุรกิจอื่นที่เกี่ยวเนื่อง
* **P/E:** 13.15 (ล่าสุด)
* **P/BV:** 2.28 (ล่าสุด)
* **YIELD:** 3.65% (ล่าสุด)
* **ข้อมูลราคาหุ้นเฉลี่ย:** ข้อมูลราคาหุ้นเฉลี่ยรายไตรมาสตั้งแต่ปี 2553 ถึงปัจจุบัน
* **อัตรากำไรสุทธิ:** ข้อมูลอัตรากำไรสุทธิรายปีตั้งแต่ปี 2561 ถึงปัจจุบัน
* **เงินสดสุทธิจากกิจกรรมดำเนินงาน:** ข้อมูลเงินสดสุทธิจากกิจกรรมดำเนินงานรายปีตั้งแต่ปี 2561 ถึงปัจจุบัน
* **เงินสดสุทธิจากกิจกรรมการลงทุน:** ข้อมูลเงินสดสุทธิจากกิจกรรมการลงทุนรายปีตั้งแต่ปี 2561 ถึงปัจจุบัน
* **อัตราส่วนสภาพคล่อง:** อัตราส่วนสภาพคล่องและอัตราส่วนสภาพคล่องหมุนเร็ว
* **อัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้น:** อัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้นและอัตราส่วนหนี้สินมีภาระดอกเบี้ยสุทธิต่อส่วนของผู้ถือหุ้น
* **ความสามารถในการจ่ายดอกเบี้ย:** ความสามารถในการจ่ายดอกเบี้ย


รายได้รวม
14,354.97 ล้านบาท
1,562.00ล้านบาท
(12.21%)
ไตรมาสก่อนหน้า
979.15ล้านบาท
(7.32%)
ช่วงเดียวกันของปีก่อน
ยังไม่มีรายละเอียด อยู่ระหว่างการจัดทำข้อมูล
กำไรขั้นต้น
7,797.34 ล้านบาท
336.99ล้านบาท
(4.52%)
ไตรมาสก่อนหน้า
377.01ล้านบาท
(5.08%)
ช่วงเดียวกันของปีก่อน
ยังไม่มีรายละเอียด อยู่ระหว่างการจัดทำข้อมูล
อัตรากำไรขั้นต้น(%)
54.32 ล้านบาท
4.00ล้านบาท
(6.86%)
ไตรมาสก่อนหน้า
1.16ล้านบาท
(2.09%)
ช่วงเดียวกันของปีก่อน
ยังไม่มีรายละเอียด อยู่ระหว่างการจัดทำข้อมูล
ค่าใช้จ่ายรวม
2,706.35 ล้านบาท
719.17ล้านบาท
(36.19%)
ไตรมาสก่อนหน้า
205.50ล้านบาท
(8.22%)
ช่วงเดียวกันของปีก่อน
ยังไม่มีรายละเอียด อยู่ระหว่างการจัดทำข้อมูล
อัตราค่าใช้จ่าย(%)
18.85 %
ยังไม่มีรายละเอียด อยู่ระหว่างการจัดทำข้อมูล
กำไรสุทธิ
3,893.41 ล้านบาท
232.27ล้านบาท
(5.63%)
ไตรมาสก่อนหน้า
82.85ล้านบาท
(2.08%)
ช่วงเดียวกันของปีก่อน
ยังไม่มีรายละเอียด อยู่ระหว่างการจัดทำข้อมูล
อัตรากำไรสุทธิ(%)
27.12 %
ยังไม่มีรายละเอียด อยู่ระหว่างการจัดทำข้อมูล
D/E
1.77 เท่า
ยังไม่มีรายละเอียด อยู่ระหว่างการจัดทำข้อมูล
กระแสเงินสด
5,383.02 ล้านบาท
642.12ล้านบาท
(13.54%)
ไตรมาสก่อนหน้า
336.90ล้านบาท
(5.89%)
ช่วงเดียวกันของปีก่อน
ยังไม่มีรายละเอียด อยู่ระหว่างการจัดทำข้อมูล