สรุป OPPDAY หุ้น CMC
Oppday
สรุป OPPDAY
สรุป Oppday CMC: ทิศทางใหม่สู่ Integrated Living Solutions Creator ปี 2568
สวัสดีครับท่านผู้ถือหุ้นและนักลงทุนทุกท่าน วันนี้เป็นวัน Opportunity Day หรือ Op Day ครั้งแรกในรอบ 5 ปีของบริษัท เจ้าพระยามหานคร จำกัด (มหาชน) หรือ CMC
กลุ่มบริษัทเจ้าพระยามหานคร เป็นผู้นำด้านการพัฒนาการอยู่อาศัยอย่างยั่งยืน สร้างสรรค์โครงการที่มีคุณภาพสูง ตอบสนองความต้องการของลูกค้า ส่งเสริมคุณภาพชีวิตของชุมชน และสร้างคุณค่าให้สังคมและสิ่งแวดล้อมในระยะยาว
Vision ของบริษัท:
- มุ่งเน้นสู่ความเป็นผู้นำระดับสากลด้านการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์
- ผสมผสานเทคโนโลยีและนวัตกรรมล้ำสมัยในการออกแบบและก่อสร้าง
- รองรับความต้องการของลูกค้าในทุกระดับ
- มุ่งเน้นความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม
- ขยายธุรกิจสู่ตลาดโลกเพื่อสร้างผลกระทบที่ดีต่อธุรกิจและสังคม
Mission ของบริษัท:
- จัดตั้งบริษัทโดยมีคณะกรรมการบริหารทั้งหมด 6 ท่าน (รวมประธานเจ้าหน้าที่บริหารเป็น 7 ท่าน)
- คณะกรรมการบริหารเป็นผู้ทรงคุณวุฒิและมีประสบการณ์ในธุรกิจนี้
CMC Group ก่อตั้งเมื่อปี พ.ศ. 2537 และได้แปรสภาพเป็นบริษัทมหาชนเข้าสู่ตลาด MAI เมื่อปี 2561 จากนั้นได้ปรับสภาพบริษัทเข้าสู่ตลาด SET เมื่อปี 2564 ปัจจุบันอยู่ในตลาดหลักทรัพย์มาแล้วประมาณ 5 ปีเศษ
ในขณะที่เข้าตลาดหลักทรัพย์ CMC มีบริษัทในกลุ่มอยู่ 4 บริษัท ปัจจุบันมีบริษัททั้งหมด 16 บริษัท ซึ่งอยู่ในกลุ่มธุรกิจต่างๆ ดังนี้:
กลุ่มธุรกิจ Property & Construction:
- มีทั้งหมด 8 บริษัท
- Property Development 7 บริษัท
- Construction 1 บริษัท
กลุ่มธุรกิจ Hospitality:
- มี 2 บริษัท
- Property Service 1 บริษัท
- New S-Curve 5 บริษัท
ในกลุ่ม Property ตัวหลักจะเป็นบริษัท เจ้าพระยามหานคร และบริษัท พระยาพาณิชย์ จำกัด ซึ่งทั้ง 2 บริษัทนี้จะดำเนินการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เกือบทั้งหมดที่มี
ในส่วนของบริษัทรับเหมาก่อสร้าง มีบริษัทรับเหมาก่อสร้างที่รับเหมาก่อสร้างของในกลุ่มบริษัทและภายนอกบริษัท โดยมีการใช้ผู้รับเหมาภายนอกบางส่วนในกรณีที่บริษัท ไทยสยามนคร (TSN) ไม่สามารถก่อสร้างได้ทันกำหนด เนื่องจาก TSN สามารถรับงานได้ประมาณปีละ 1,000 ล้านบาท โดย TSN มีจุดเด่นในเรื่องของการผลิตผลิตภัณฑ์ต่างๆ เกี่ยวกับงานก่อสร้าง เช่น แผ่น Panel Board, EPS Board, และเฟอร์นิเจอร์ Built-in ต่างๆ ตลอดจนอุปกรณ์วัสดุก่อสร้างที่ให้เช่า เช่น ลิฟต์, Passenger Lift, รถเช่า, และ Tower Crane
สยามมหานคร (SNC) เป็นบริษัท Property Service ดูแลงานบริหารนิติบุคคลอาคารชุดทั้งหมด ซึ่งปัจจุบันมีมากกว่า 20 นิติบุคคลอาคารชุด มากกว่า 30 อาคารที่รับดูแลบริหาร บริษัทได้ดำเนินธุรกิจให้เช่าอาคาร, ให้เช่าทรัพย์สิน, และพัฒนาซอฟต์แวร์ต่างๆ
ในส่วนของธุรกิจ Hospitality มี Brand Serviced Apartment ซึ่งให้รายได้ในลักษณะ Recurring Income เข้ามาสม่ำเสมอ
New S-Curve เป็นธุรกิจใหม่ที่ได้ดำเนินการขึ้นมา จะเป็น Platform ทางด้านสุขภาพและผู้สูงอายุ ธุรกิจที่ทำจะเป็นธุรกิจที่อยู่อาศัยสำหรับผู้สูงอายุ, สถานดูแลผู้สูงอายุ, และสถานดูแลและฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติด ซึ่งธุรกิจเหล่านี้จะเป็นธุรกิจที่สร้างรายได้ในอนาคต
CMC ได้เปลี่ยนสภาพจากธุรกิจ Property Development แท้ๆ ไปสู่ Integrated Living Solution Creator มีการ Diversify ไปยังธุรกิจ Hospitality, Senior Living, Wellness Healthcare, Serviced Residence, และ Smart Living Tech
จุดเด่นของ CMC Group ในวันนี้คือโครงการต่างๆ จะอยู่ในแนวระบบราง หรือเป็น Urban Living มี Land Bank อยู่ในทำเลระบบรางทั้งส่วนปัจจุบันและส่วนต่อขยาย มีการต่อยอดไปยัง Recurring Income Business ได้แก่ Medical Care, Senior Care, และ Property Solution
CMC เริ่ม Shift จาก Project Based Revenue ไปสู่ Platform Based Recurring Revenue
สภาพรายได้ในระยะ 2-3 ปีข้างหน้าจะมาจากโครงการต่างๆ ที่ปัจจุบันมี Backlog ซึ่งสามารถแปรสภาพทรัพย์สินมาเป็นรายได้ได้ทันที ได้แก่ โครงการ คิวเว่ ติวานนท์ (มีทั้ง Freehold และ Hospitality) และโครงการ เครสท์ เรสซิเดนซ์ (เป็นโครงการที่ดีมาก อยู่ห่างจากสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือเพียง 500 เมตร คาดว่าจะแล้วเสร็จปลายปี 2567 สร้างรายได้หลักในปีนี้และปีหน้า มูลค่าโครงการประมาณ 2,000 ล้านบาท)
โครงการ ชาโตว์ อินทาวน์ พหลฯ-ศรีรัช เป็นโครงการที่สร้างรายได้ในช่วงโควิด และหลังโควิดได้นำมาทำเป็นโครงการ Freehold ซึ่งจะเป็นรายได้หลักในปีนี้และปีหน้า และโครงการ เซอราโน่ บางนา ตรงข้ามห้างเซ็นทรัล บางนา เป็นโครงการที่เพิ่งเสร็จเมื่อปลายปีที่ผ่านมา เป็นโครงการที่ทำรายได้หลักในปีนี้ ประกอบด้วยคอนโด 4 อาคาร ประมาณ 800 ห้อง มูลค่าโครงการประมาณ 1,600 ล้านบาท
ได้ทำโครงการที่เป็นแนวราบ ชื่อ ชาโตว์ วิลเลจ ใกล้กับเซ็นทรัล เวสต์เกต เป็นโครงการ Townhouse ในระดับราคาประมาณ 2.5 ล้านบาทต่อหนึ่งหลัง มูลค่าโครงการประมาณ 400 ล้านบาท
โครงการที่เหลือจะเป็นโครงการที่เหลือจำนวนไม่มาก ได้แก่ คาซ่า ดีว่า สาทร และ เดอะริช เฟส 2
สำหรับโครงการที่จะทำให้รับรู้รายได้ในอนาคตระยะ 3 ปีข้างหน้า จะเป็น New Launch หรือ New Project ซึ่งจะสร้างรายได้ประมาณ 11,000 ล้านบาท จำนวน 6 โครงการ ได้แก่ โครงการ คิวเว่ นวมินทร์-ศรีบูรพา, โครงการ คิวเว่ สุขสวัสดิ์, โครงการ มนตรา, โครงการ วัน แบงค็อก ที่ รังสิต, โครงการ ชาโตว์ อินทาวน์ เกษตร แคมปัส, และโครงการ ชาโตว์ อินทาวน์ โรงเรียนนายเรือ
ทั้ง 6 โครงการจะสร้างรายได้ประมาณ 11,000 ล้านบาท ประกอบด้วย โครงการ คิวเว่ นวมินทร์ ประมาณ 2,000 ล้านบาท และโครงการ มนตรา จุฬาฯ-สามย่าน ซึ่งจะเป็นโครงการที่อยู่ใน New S-Curve กล่าวคือจะเป็น Medical มีทั้งเป็นลักษณะ Mixed-use ปัจจุบันได้ Test ตลาดอยู่
โครงการ คิวเว่ สุขสวัสดิ์ จะอยู่บนสถานีรถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการก่อสร้าง คาดว่าจะแล้วเสร็จประมาณปลายปี 2572 ในส่วนของ วัน แบงค็อก รังสิต คืออยู่ เป็นโครงการที่มีมูลค่าประมาณ 4,000 ล้านบาท ซึ่งจะอยู่ใกล้ๆ กับมหาวิทยาลัยกรุงเทพ จำนวน 2,500 ยูนิต
โครงการ ชาโตว์ อินทาวน์ 78 หรือเรียกว่าโครงการสถานีในเรือ อยู่ห่างจากสถานีในเรือเพียง 100 เมตร ซึ่งเป็นโครงการที่ให้ตอบสนองต่อลูกค้าได้ดีมาก และโครงการ ชาโตว์ อินทาวน์ เกษตร แคมปัส อยู่ใกล้กับมหาวิทยาลัยเกษตร จำนวน 2 อาคาร มูลค่าประมาณ 700 ล้านบาท โครงการนี้ก็มียอดจองจำนวนมาก
ผลประกอบการของบริษัท CMC Group ทำรายได้ได้ดี ในปี 2567 ใน 2568 ถือว่าเป็นปีที่ท้าทายมาก สิ่งที่ต้องการคือการ Turnaround บริษัท ซึ่งปัจจุบันได้มีการปรับปรุงรายละเอียด เช่น มีการทำโครงการที่ให้เกิดการรับรู้รายได้ที่เร็ว มีการระบายสินค้าในตลาด ลดค่าใช้จ่าย SG&A ลง ตลอดจนลดหนี้สินต่างๆ ลง ซึ่งในปี 2569 คาดว่าจะสามารถ Turnaround ได้ คาดว่าการเปลี่ยนผ่านจุดต่ำสุดได้เกิดขึ้นไปแล้วในไตรมาส 3 ที่ผ่านมา
ณ ตอนนี้ จุดของ CMC เรา เป็นบริษัทที่สร้าง Ecosystem ไม่ใช่เพียงแต่ Project ได้ปรับมาทำโครงการที่เป็น Smart Living Property Platform Hospitality, Senior Living, Wellness Integration ตลอดจน Medical และ Hospitality ทั้งหมดนี้ได้ดำเนินการไปปรับปรุงไป ในปีที่ผ่านมาในรอบที่ผ่านมา อย่างไรก็ตามความท้าทายก็ยังเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นอยู่สำหรับธุรกิจ Real Estate Development
ในปี 2567 และ 2568 ได้ทำเรื่อง ESG โดยได้ยื่น Apply สมัคร ESG กับทางตลาดหลักทรัพย์ไป ซึ่งได้อุทิศเพื่อสังคม สิ่งที่ทำไม่เพียงแต่หาเงินเข้ากับสังคม ต้องการให้ประชาชนคนไทยผู้บริโภคมีสุขภาพที่แข็งแรง จึงได้ไปร่วมมือโดยการทำ Collaboration กับทางโรงพยาบาลและมูลนิธิศิริราช จัด CMC Run for ศิริราช เพื่อหารายได้ซื้อเครื่องมือผ่าตัดให้ห้องผ่าตัดของศิริราช นับเป็นปีแรกที่จัดเป็นงานระดับชาติ ในการจัดงานนี้มีผู้เข้าร่วมมากกว่า 1,000 คน ได้หารายได้ให้แก่ศิริราชเป็นเงินกว่า 970,000 บาท ซึ่งนับเป็นความร่วมมือที่ดีมาก ซึ่งความร่วมมือเหล่านี้จะได้ดำเนินการต่อไปทุกปี
ในส่วนของ ESG ได้ทำการตรวจและประเมินผลการใช้คาร์บอนของบริษัท ประเมินกระบวนการภายในตลอดจนปรับปรุงกระบวนการในการออกแบบการใช้วัสดุการก่อสร้าง ซึ่งคาดว่าจะบรรลุเป้าหมายของการเป็น CMC Green ปัจจุบันนี้ และจะบรรลุเป้าหมายในการลดคาร์บอน โดยที่มีเป้าหมายในการลดคาร์บอนที่ชัดเจนจัดเป็นทำการเป็นแผน
ปัจจุบันมีการแยกขยะ ไม่ว่าเป็นขยะที่เป็น Recycle ได้กับขยะที่ต่างประเภท มีการดูแลสุขภาพของพนักงานและลูกค้าโครงการตลอดจนธุรกิจในสังคมนี้ ให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อม โดยที่ Implement โปรแกรม เกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมในขณะการก่อสร้างและเมื่อก่อสร้างเสร็จแล้ว
ทั้งหมดนี้คือสิ่งที่ทาง CMC ทำมา มีการเปลี่ยนแปลงจากบริษัทที่เป็น Property แท้ๆ มาเป็น Property ที่สนใจในสิ่งแวดล้อม และเป็น Value Creator โดยทาง โดยการ Diversify ไปยัง Hospitality, Senior Living, Wellness Healthcare, และ Serviced Residence ตลอดจน Smart Living Tech ปัจจุบันนี้ งานก่อสร้างก็ดำเนินไป โดยที่งานก่อสร้างได้ไปรับ ทั้งนอกบริษัท จำนวนมาก ทั้งในราชการและเอกชน
หากท่านผู้ถือหุ้นและนักลงทุนมีคำถามใด สามารถสอบถามเข้ามาได้
หากไม่มีท่านผู้ถือหุ้นหรือนักลงทุนสอบถามเข้ามา ก็ขอกล่าวสวัสดีสำหรับการนำเสนอ Oppday วันนี้
โดยสรุป CMC กำลังปรับตัวเพื่อเป็นมากกว่าผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ โดยมุ่งเน้นการสร้างคุณค่าที่ยั่งยืนและตอบโจทย์ความต้องการของสังคมในอนาคต
ช่วงถาม-ตอบ (Q&A Session): [00:31:31]
ไม่มีช่วงถาม-ตอบในไฟล์เสียงนี้