CMC
บริษัท เจ้าพระยามหานคร จำกัด (มหาชน)

สรุปงบการเงิน
ไตรมาสที่ 4 ปี 2567

สรุปสั้น

ยังไม่มีรายละเอียด อยู่ระหว่างการจัดทำข้อมูล


ผู้เขียน

สรุปด้วย AI(O) BOT

## สรุปผลประกอบการและวิเคราะห์หุ้น CMC (บริษัท เจ้าพระยามหานคร จำกัด (มหาชน))

CMC ในปี 2567 มุ่งเน้นการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์เพื่อที่อยู่อาศัย โดยเฉพาะคอนโดมิเนียม ทาวน์เฮ้าส์ ทาวน์โฮม และบ้านเดี่ยว รวมถึงพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ให้เช่า และมีธุรกิจรับเหมาก่อสร้างและโรงงานผลิตเฟอร์นิเจอร์และผนัง แม้จะมีการขยายไปสู่ธุรกิจใหม่ เช่น Pet Healthcare แต่ผลประกอบการโดยรวมยังคงเผชิญกับความท้าทาย ในปี 2567 บริษัทมีรายได้รวม 1,958.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 55.1% จากปี 2566 ที่ 1,262.4 ล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่มาจากการเติบโตของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ อย่างไรก็ตาม บริษัทประสบผลขาดทุนสุทธิ 216.0 ล้านบาท ขาดทุนเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากปี 2566 ที่ขาดทุน 207.8 ล้านบาท โดยมีปัจจัยหลักจากผลขาดทุนในธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง (ที่ปัจจุบันยุติสัญญาไปแล้ว) และต้นทุนทางการเงินที่เพิ่มขึ้นจากการลงทุนในธุรกิจใหม่

บริษัทมีแผนธุรกิจและกลยุทธ์ในอนาคตที่มุ่งเน้นการเติบโตในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งเป็นธุรกิจหลักของบริษัท โดยมีโครงการระหว่างก่อสร้าง 5 โครงการ คาดว่าจะสร้างเสร็จในปี 2568-2570 นอกจากนี้ บริษัทยังให้ความสำคัญกับการขยายธุรกิจ Pet Healthcare ซึ่งอยู่ในช่วงเริ่มต้นและคาดว่าจะสร้างผลตอบแทนที่ดีในอนาคต บริษัทยังมียอดขายรอโอนกรรมสิทธิ์ (Backlog) รวมมูลค่าประมาณ 2,252.9 ล้านบาท และห้องชุดรอการขาย (Inventory) มูลค่าประมาณ 2,834.5 ล้านบาท ซึ่งเป็นปัจจัยสนับสนุนรายได้ในอนาคต อย่างไรก็ตาม บริษัทยังคงต้องเผชิญกับความท้าทายในการควบคุมต้นทุนและค่าใช้จ่าย เพื่อปรับปรุงผลกำไรให้ดีขึ้น

การพิจารณาว่า CMC เป็นโอกาสในการลงทุนหรือไม่นั้น ต้องพิจารณาจากปัจจัยหลายด้าน แม้ว่าบริษัทจะมีรายได้เพิ่มขึ้นและมี Backlog ที่แข็งแกร่ง แต่ผลขาดทุนสุทธิยังคงเป็นสิ่งที่ต้องจับตามองอย่างใกล้ชิด หากพิจารณาจากข้อมูลราคาหุ้นเฉลี่ยในช่วงปีที่ผ่านมา (4Q2567 = 1.07) และ P/BV ที่ 0.52 อาจมองได้ว่าราคาหุ้นยังต่ำกว่ามูลค่าทางบัญชี แต่ P/E ที่ -100 สะท้อนถึงผลขาดทุนของบริษัท อัตราส่วน D/E ที่ 2.43 แสดงถึงภาระหนี้สินที่ค่อนข้างสูง ดังนั้น การลงทุนใน CMC อาจเหมาะสำหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้สูง และมองเห็นศักยภาพในการฟื้นตัวของบริษัทในระยะยาว โดยมีปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตามคือ ความสามารถในการบริหารจัดการต้นทุน การสร้างผลกำไรจากธุรกิจ Pet Healthcare และการระบาย Inventory ที่มีอยู่

* **โอกาส:** การเติบโตของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในทำเลที่บริษัทมีความเชี่ยวชาญ, การขยายธุรกิจไปยัง Pet Healthcare ซึ่งเป็นตลาดที่มีศักยภาพ, ยอดขายรอโอนกรรมสิทธิ์ (Backlog) ที่แข็งแกร่ง

* **ความเสี่ยง:** ผลขาดทุนสุทธิที่ต่อเนื่อง, ภาระหนี้สินที่สูง, การแข่งขันที่รุนแรงในตลาดอสังหาริมทรัพย์, ความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจที่อาจส่งผลกระทบต่อกำลังซื้อของผู้บริโภค


รายได้รวม
966.08 ล้านบาท
444.33ล้านบาท
(85.16%)
ไตรมาสก่อนหน้า
646.40ล้านบาท
(202.20%)
ช่วงเดียวกันของปีก่อน
ยังไม่มีรายละเอียด อยู่ระหว่างการจัดทำข้อมูล
กำไรขั้นต้น
261.03 ล้านบาท
105.64ล้านบาท
(67.98%)
ไตรมาสก่อนหน้า
216.22ล้านบาท
(482.53%)
ช่วงเดียวกันของปีก่อน
ยังไม่มีรายละเอียด อยู่ระหว่างการจัดทำข้อมูล
อัตรากำไรขั้นต้น(%)
27.02 ล้านบาท
2.76ล้านบาท
(9.27%)
ไตรมาสก่อนหน้า
13.00ล้านบาท
(92.72%)
ช่วงเดียวกันของปีก่อน
ยังไม่มีรายละเอียด อยู่ระหว่างการจัดทำข้อมูล
ค่าใช้จ่ายรวม
12.62 ล้านบาท
101.10ล้านบาท
(88.90%)
ไตรมาสก่อนหน้า
62.52ล้านบาท
(83.20%)
ช่วงเดียวกันของปีก่อน
ยังไม่มีรายละเอียด อยู่ระหว่างการจัดทำข้อมูล
อัตราค่าใช้จ่าย(%)
1.31 %
ยังไม่มีรายละเอียด อยู่ระหว่างการจัดทำข้อมูล
กำไรสุทธิ
-79.57 ล้านบาท
31.34ล้านบาท
(64.97%)
ไตรมาสก่อนหน้า
22.19ล้านบาท
(38.67%)
ช่วงเดียวกันของปีก่อน
ยังไม่มีรายละเอียด อยู่ระหว่างการจัดทำข้อมูล
อัตรากำไรสุทธิ(%)
-8.24 %
ยังไม่มีรายละเอียด อยู่ระหว่างการจัดทำข้อมูล
D/E
2.31 เท่า
ยังไม่มีรายละเอียด อยู่ระหว่างการจัดทำข้อมูล
กระแสเงินสด
148.72 ล้านบาท
25.76ล้านบาท
(20.95%)
ไตรมาสก่อนหน้า
878.09ล้านบาท
(85.52%)
ช่วงเดียวกันของปีก่อน
ยังไม่มีรายละเอียด อยู่ระหว่างการจัดทำข้อมูล