สรุปงบล่าสุด CIVIL

บริษัท ซีวิลเอนจีเนียริง จำกัด (มหาชน)
สรุปงบการเงิน
ไตรมาสที่ 4 ปี 2567
สรุปสั้น
ยังไม่มีรายละเอียด อยู่ระหว่างการจัดทำข้อมูล
สรุปด้วย AI(O) BOT
## บทสรุปผลประกอบการ หุ้น CIVIL: วิเคราะห์ผลงานปี 2567 และแนวโน้มอนาคต (ฉบับปรับปรุง)
บทความนี้สรุปผลประกอบการของ บริษัท ซีวิลเอนจีเนียริง จำกัด (มหาชน) (CIVIL) ในปี 2567 โดยครอบคลุมผลการดำเนินงานในไตรมาส 4, ภาพรวมรายปี, ฐานะทางการเงิน, กระแสเงินสด และวิเคราะห์ปัจจัยที่มีผลกระทบต่อผลกำไร รวมถึงประเมินความเสี่ยงและโอกาสในการลงทุน
**1. สรุปรายได้รวมและกำไร:**
* **ปี 2567:** CIVIL มีรายได้รวม 4,968 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1% เมื่อเทียบกับปี 2566 ที่มีรายได้ 4,935 ล้านบาท การเติบโตนี้เป็นผลมาจากการเพิ่มขึ้นของรายได้จากการจำหน่ายวัสดุก่อสร้าง
* **ไตรมาส 4 ปี 2567:** บริษัทมีรายได้รวม 1,272 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 27% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน (1,005 ล้านบาท) โดยการเติบโตหลักมาจากรายได้ธุรกิจก่อสร้างที่เพิ่มขึ้น 22% และรายได้จากการจำหน่ายวัสดุก่อสร้างที่เพิ่มขึ้นถึง 191%
กำไรสุทธิในปี 2567 อยู่ที่ 115 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 22% จาก 94 ล้านบาทในปี 2566
**2. สถานการณ์เศรษฐกิจ:**
ปี 2567 ธุรกิจรับเหมาก่อสร้างภาครัฐได้รับผลกระทบจากการประกาศใช้งบประมาณปี 2567 ซึ่งส่งผลให้คาดการณ์การขยายตัวอยู่ที่ 3% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ปัจจัยหนุนการเติบโตในปี 2568 ยังคงมาจากการอนุมัติงบประมาณรายจ่ายปี 2568 การเร่งรัดการเบิกจ่ายงบลงทุน และโครงการโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่
บริษัทมีโอกาสในการเข้าร่วมประมูลงานโครงการขนาดใหญ่ เช่น โครงการรถไฟทางคู่ เฟส 2 (ช่วงขอนแก่น-หนองคาย), รถไฟความเร็วสูง (เฟส 2), สนามบินชุมพร, นครศรีธรรมราช (ส่วนขยาย), ดอนเมืองโทลเวย์ (รังสิต-บางปะอิน), มอเตอร์เวย์สาย 9 วงแหวนรอบนอกกรุงเทพฯ ฝั่งตะวันตก (ช่วงบางขุนเทียน-บางบัวทอง) และถนนเชื่อมต่อสนามบินอู่ตะเภา รวมถึงโครงการร่วมลงทุนระหว่างภาครัฐและเอกชน (PPP)
อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ยังคงเผชิญกับความท้าทายจากต้นทุนวัสดุก่อสร้างสำคัญที่ยังคงอยู่ในระดับสูง แม้ว่าจะมีแนวโน้มลดลงในปี 2567 รวมถึงความผันผวนของราคาพลังงาน และต้นทุนแรงงานที่มีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นตามการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ
**3. การเปลี่ยนแปลงในรายได้และกำไร:**
* **อัตรากำไรขั้นต้น:** ในไตรมาส 4 ปี 2567 อัตรากำไรขั้นต้นลดลงจาก 10.7% เป็น 7.6% เนื่องจากการปรับปรุงต้นทุนในกลุ่มประเภทงานทางและงานรถไฟ แต่สำหรับปี 2567 อัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นจาก 8.4% เป็น 8.9% เนื่องจากต้นทุนที่ประหยัดได้จากโครงการขนาดกลางขนาดเล็ก และการรับรู้รายได้ค่า K จากงานโครงการในกลุ่มงานรถไฟ
* **กำไรสุทธิ:** กำไรสุทธิสำหรับไตรมาส 4 ปี 2567 เทียบเท่าปีที่แล้วที่ 27 ล้านบาท แต่สำหรับปี 2567 เพิ่มขึ้นจาก 94 ล้านบาท เป็น 115 ล้านบาท อัตรากำไรสุทธิเพิ่มขึ้นจาก 1.9% เป็น 2.3% มาจากต้นทุนที่ประหยัดได้จากงานโครงการขนาดเล็ก ค่า K ที่รับรู้เพิ่มขึ้นในระหว่างงวด และจากการจำหน่ายวัสดุก่อสร้างที่เพิ่มขึ้น รวมถึงการโอนกลับประมาณการหนี้สินจากคดีความที่สิ้นสุดแล้ว (One-time)
* **ค่าใช้จ่ายในการบริหาร** ค่าใช้จ่ายในการบริหารในปี 2567 จำนวน 310 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 4% เมื่อเทียบกับปีก่อน
**4. ฐานะทางการเงิน (สินทรัพย์ หนี้สิน และส่วนของผู้ถือหุ้น):**
* **สินทรัพย์:** ณ สิ้นปี 2567 บริษัทฯ มีสินทรัพย์รวม 8,228 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.4% จากสิ้นปีก่อนหน้า การเพิ่มขึ้นนี้มาจาก เงินฝากธนาคาร, รายได้ที่ยังไม่เรียกชำระ, เงินฝากธนาคารที่มีภาระค้ำประกัน และลูกหนี้เงินประกันผลงาน
* **หนี้สิน:** บริษัทฯ มีหนี้สินรวม 6,322 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.8% จากสิ้นปีก่อนหน้า การเพิ่มขึ้นนี้มาจากเจ้าหนี้การค้าและเจ้าหนี้อื่น, เงินรับล่วงหน้าจากผู้ว่าจ้าง, เงินกู้ยืมระยะสั้นจากสถาบันการเงิน และรายได้ค่าก่อสร้างรับล่วงหน้า
* **ส่วนของผู้ถือหุ้น:** ส่วนของผู้ถือหุ้นมีจำนวน 1,906 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.9% จากสิ้นปีก่อนหน้า เนื่องจากการมีกำไรสุทธิจากการดำเนินงาน
**5. กระแสเงินสด:**
บริษัทฯ มีเงินสดสุทธิเพิ่มขึ้น 213 ล้านบาท โดยมีรายละเอียดดังนี้:
* **กิจกรรมดำเนินงาน:** กระแสเงินสดเพิ่มขึ้น 315 ล้านบาท สาเหตุหลักมาจากเจ้าหนี้การค้าและเจ้าหนี้อื่น และเงินรับล่วงหน้าจากผู้ว่าจ้าง
* **กิจกรรมจัดหาเงิน:** กระแสเงินสดเพิ่มขึ้น 36 ล้านบาท สาเหตุหลักจากเงินกู้ยืมระยะสั้นจากสถาบันการเงินเพิ่มขึ้น
* **กิจกรรมลงทุน:** กระแสเงินสดลดลง 138 ล้านบาท สาเหตุหลักจากเงินฝากธนาคารที่มีภาระค้ำประกันเพิ่มขึ้น
**6. ปัจจัยความเสี่ยงและโอกาสในการลงทุน:**
* **ความเสี่ยง:**
* ความผันผวนของราคาวัสดุก่อสร้าง
* บริษัทมีการติดตามความเคลื่อนไหวของราคาวัสดุก่อสร้างที่สําคัญ มีการจัดทําประมาณการการสั่งซื้อวัสดุก่อสร้างที่สําคัญเมื่อได้รับงานใหม่ นอกจากนี้งานโครงการถ่อสร้างของภาครัฐ มีค่างานก่อสร้างผันแปรตามค่า K (Escalator โล๐๒๐ๆ ที่ช่วยลดผลกระทบจากถารปรับขึ้นของราคาวัสดุถก่อสร้าง
* ความไม่แน่นอนของตลาดอสังหาริมทรัพย์
* แนวโน้มการปรับขึ้นคําแรงขั้นตํา
* บริษัทฯคาดว่าผลกระทบดังกล่าวอาววะยังอยู่ในระดับที่บริหารจัดการได้ al
* ESG Trend โดยเฉพฟาะด้านสิ่งแวดล้อม อาทิ การใช้วัสดุที่มีการปล่อย Greenhouse (6ลร (@ฟ6) การใช้เพล้งงานในพฟื้นที่ก่อสร้าง การ
*บริษัทได้รับการประเมิน ค6ไท อ๑๐๐ระ ประจําปี 2567 เต็ม 100 คะแนน “คีเยี่ยมสมควรเป็นตัวอย่าง” วาก โครงการ การประเมินคุณภาพการจัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย จัดโดยสมาคมส่งเสริมผู้ลงทุนไทย และสภาธุรภิจ๓สาดทุนไทย ซึ่งแสดงถึงความมุ่งมั่นของบริษัทที่คํานึงถึงสิทธิของผู้ ถือหุ้นตามแนวทางบรรษัทภิบาลที่ดี
* สภาพเศรษฐกีจยังคงมีความไม่แน่นอน
* **โอกาส:**
* การขยายโครงการใหม่
* การพัฒนาทรัพย์สินที่มีศักยภาพ
* การกระจายรายได้ในกลุ่มโครงการก่อสร้างขนาดกลางและเล็กที่สามารถรับรู้รายได้รวดเร็วกว่า
* การมองหาโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ
**7. สรุป:**
CIVIL สามารถสร้างการเติบโตของรายได้และกำไรได้ในปี 2567 แม้จะเผชิญกับความท้าทายจากสถานการณ์เศรษฐกิจและต้นทุนวัสดุก่อสร้างที่สูงขึ้น การบริหารจัดการต้นทุนที่มีประสิทธิภาพ การรับรู้รายได้จากโครงการขนาดกลางและเล็ก และการเพิ่มรายได้จากการจำหน่ายวัสดุก่อสร้าง เป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้บริษัทฯ รักษาความสามารถในการทำกำไรได้
บริษัทฯ มีฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง โดยมีสินทรัพย์มากกว่าหนี้สิน และมีกระแสเงินสดจากการดำเนินงานเป็นบวก นอกจากนี้ CIVIL ยังให้ความสำคัญกับการพัฒนาอย่างยั่งยืน โดยได้รับการประเมินในระดับสูงด้านบรรษัทภิบาลและมีโครงการด้านความยั่งยืนหลายโครงการ
บริษัทฯ มี Backlog ที่แข็งแกร่ง ซึ่งจะช่วยสนับสนุนการเติบโตของรายได้ในอนาคต นอกจากนี้ การวางแผนกลยุทธ์ในการกระจายรายได้ การควบคุมต้นทุน และการมองหาโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ จะช่วยให้บริษัทฯ เติบโตอย่างแข็งแกร่งยิ่งขึ้นในอนาคต
**ข้อจำกัด:** บทวิเคราะห์นี้อิงตามข้อมูลที่ให้มาเท่านั้น และอาจมีข้อมูลเพิ่มเติมที่สำคัญซึ่งไม่ได้ระบุไว้ในเอกสารนี้ การตัดสินใจลงทุนควรพิจารณาข้อมูลอื่นๆ และปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุนก่อนตัดสินใจ
**คำเตือน:** การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลให้รอบคอบก่อนตัดสินใจลงทุน
(8.42%)
(26.50%)
(26.75%)
(4.38%)
(19.94%)
(24.34%)
(8.39%)
(13.55%)
(36.39%)
(0.78%)
(3.09%)
(348.32%)