CHAYO
บริษัท ชโย กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)

สรุปงบการเงิน
ไตรมาสที่ 4 ปี 2567

สรุป OPPDAY

```html

สรุป Oppday ชโย กรุ๊ป: โตไม่หยุด ฉุดไม่อยู่ กับเป้าหมายปี 68 ที่ 20%

สวัสดีครับ ท่านผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์, ท่านนักลงทุน, และท่านผู้จัดการกองทุน วันนี้ชโย กรุ๊ปมาออก Oppday ครั้งที่ 24 แล้ว ในวันที่ 4 มีนาคม โดยจะพูด 5 เรื่องหลักๆ คือ:

  1. Subject ของชโย ว่าเราทำธุรกิจอะไรบ้าง
  2. รายละเอียดของบริษัทแต่ละบริษัท
  3. เรื่องการเงิน
  4. งบ Console เป็นอย่างไร
  5. ปีที่แล้วเป็นอย่างไรและปีนี้เราจะทำอะไรต่อไป

ภาพรวมผลกระทบต่อธุรกิจ (Business Impact Overview)

โครงสร้างผู้ถือหุ้นไม่มีการเปลี่ยนแปลง ถือ Property ประมาณ 100%, ชโย AMC ประมาณ 100%, ชโย Capital 71.45%, 55A5 สุร ประมาณ 95% และ JB 55%

โครงสร้างรายได้ปี 67 คล้ายเดิม ประมาณ 90.09% มาจากธุรกิจบริหารสินทรัพย์ (AMC), 7.29% มาจากธุรกิจปล่อยสินเชื่อ, 1.43% มาจากธุรกิจติดตามทวงถามหนี้, และ 1.19% มาจากธุรกิจจัดหาคนงาน

รายได้ปี 67 อยู่ที่ประมาณ 2,026 ล้านบาท เติบโตจากปีก่อนประมาณเกือบ 500 ล้านบาท หรือประมาณ 32.71% ธุรกิจบริหารสินทรัพย์ (AMC) มีรายได้ประมาณ 1,825 ล้านบาท เพิ่มจากปีที่แล้วประมาณ 456 ล้านบาท หรือประมาณ 33% ธุรกิจปล่อยสินเชื่อมีรายได้ทั้งหมดประมาณ 147 ล้านบาท โตจากปีที่แล้วประมาณ 40.85 ล้านบาท หรือโตประมาณ 38.19% ธุรกิจติดตามทวงถามหนี้ลดลง จาก 33 ล้านบาท เหลือ 28.97 ล้านบาท ลดลงประมาณ 4.75 ล้านบาท หรือประมาณ 14% ธุรกิจจัดหาคนงานโตจาก 17.55 เป็น 24.15 หรือโตประมาณ 6.6 ล้านบาท ตามโรงงานที่เพิ่มขึ้น

NPL ในระบบล่าสุดอยู่ที่ประมาณ 496,061 ล้านบาท โตมาจากปีที่แล้วประมาณ 0.65% เพิ่มขึ้นเล็กน้อย แต่สถาบันการเงินต่างๆ มีการ Manage NPL และมีการขาย NPL ออกมาอย่างต่อเนื่อง ใน 496,000 ล้านบาท เป็นหนี้อุปโภคบริโภคส่วนบุคคลเป็นหลัก ประมาณ 174,462 ล้านบาท สินเชื่อรายย่อยอุปโภคบริโภคเพิ่มจากปีที่แล้วประมาณ 10% จาก 157,000 ล้านบาท เป็น 174,000 ล้านบาท เพิ่มประมาณ 10.64% หนี้เสียมาจากตัว Home Loan มากที่สุด คือประมาณ 160,000 ล้านบาท หรือคิดเป็นประมาณ 66%, Car Loan ประมาณ 22,000 ล้านบาท คิดเป็นประมาณ 13%, Personal Loan 37,000 กว่าล้านบาท คิดเป็น 21%, และ Credit Card ประมาณ 8,700 คิดเป็นประมาณ 5%

รายได้จากตัวบริหารสินทรัพย์ (AMC) ปีนี้มีทั้งหมด 1,825 ล้านบาท Contribution แบ่งเป็น 2 ส่วน คือมาจากหนี้ไม่มีหลักประกันประมาณ 1,201 ล้านบาท หรือคิดเป็นประมาณ 65% ของตัวรายได้ของบริหารสินทรัพย์ และตัวมีหลักประกันอยู่ประมาณ 624 ล้านบาท คิดเป็น 34% โครงสร้างของรายได้มีการเปลี่ยนแปลง ปีที่แล้วรายได้ทั้งหมดอยู่ 1,368 ล้านบาท แบ่งเป็นตัวหนี้ไม่มีหลักประกันประมาณ 800 ล้านบาท หรือคิดเป็น 58% ปีนี้เป็น 65% แล้ว ส่วนของมีหลักประกัน คือปีที่แล้วอยู่ที่ 567 หรือคิดเป็น 41% ของ 1,368 ปีนี้ลดลงเหลือประมาณแค่ 34% การเติบโตมาจากหนี้ตัวไม่มีหลักประกันเป็นหลักเลย ปีที่แล้วไม่มีหลักประกัน 800 ล้านบาท ปีนี้เพิ่มเป็น 1,200 นะ เพิ่มเกือบประมาณ 400 ล้านเลย หรือประมาณเกือบ 50% เลย ส่วนของมีหลักประกันเพิ่มจาก 567 เป็น 624 เพิ่มประมาณ 57 ล้าน หรือเพิ่มประมาณแค่ 10% เอง

Gross Profit Margin ใกล้เคียงของเดิม ปีที่แล้วอยู่ประมาณ 82.1 ปีนี้ก็ทำได้ดีขึ้นเหลือเป็น 82.9 ในส่วนของตัวพอร์ตหนี้เสียที่เราหันบริหารอยู่ปัจจุบันนี้ครับ ทั้งหมดมีประมาณสัก 104,350 ล้านบาท คิดเป็นในส่วนของตัวที่ไม่มีหลักประกันประมาณ 82% นะฮะ หรือประมาณ 85,881 ล้านบาท ตัวมีหลักประกันอยู่ประมาณสัก 18,469 ล้านบาท หรือประมาณ 17.7% นะฮะ แต่ว่าถ้าจะมาดูในเรื่องของตัวที่ตัดต้นทุนหมดแล้วนะฮะ ก็อยู่ประมาณสัก 35,207 ล้านบาท หรือคิดเป็นประมาณสัก 41% ของ 85,881 ล้านบาท การซื้อหนี้ปีที่แล้วเนี่ยเราจบไปประมาณสัก 5,766 ล้าน หรือใช้เงินซื้อหนี้ไปประมาณสัก 400 กว่าล้านนะครับ 406 ล้าน

ณ 31 ธันวาคม ปีที่แล้ว เรามีเงินลงทุนในสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ แบ่งเป็นตัวมีหลักประกันประมาณ 3,089 ล้าน ให้ไม่มีหลักประกันประมาณสัก 3,089 ล้านบาท นะครับ มีหลักประกันประมาณ 44,156 ล้านนะฮะ รวมเป็น 7,216 ล้านบาท ครับ ในส่วนของธุรกิจ อ่าติดตามทวงถามหนี้สินนะครับ อ่าปีนี้เนี่ยรายได้เราลดจาก 33.71 ล้าน เหลือ 28.97 ล้านบาทนะครับ ก็หลักๆ ก็คือว่าเราโยกบุคลากรของเราเนี่ยมาตามหนี้ส่วนเรา ถ้าสมมุติมอง มองจริงๆ เนี่ย ถ้า รายได้ทั้งหมดเนี่ย รายได้ทั้งหมดเนี่ยเรามีอยู่ประมาณ 68 ล้านนะฮะ เป็นรายการระหว่างกันเนี่ยประมาณสัก 39.26 นะครับ ก็ที่ อ่าเน็ตก็เหลือประมาณสัก 28.97 ล้านบาท ในขณะ ในขณะปีที่ อ่าในขณะที่ปีที่แล้วเนี่ย เรามีรายได้ทั้งหมดประมาณ 38.74 นะฮะ หักรายการระหว่างกันประมาณ 5 ล้านกว่าบาทเอง ก็เหลือประมาณ 33.71 เนี่ยฮะ อย่าง อย่างงั้นจะเห็นได้ว่ายอด ยอดจริงๆ เนี่ยเราโตนะฮะจาก 38 เป็น 68 เนี่ยโตเกือบ 30 ล้านเลย นะแต่ว่า มันเป็นรายการภายใน เป็นการให้บริการการติดตามทวงถามหนี้กับพอร์ตที่เราซื้อมาเองมากกว่านะครับ นะถ้า ถ้ามองลึกลงไปในเรื่องของตัวรายได้นะครับ ถ้าเป็นเก็บให้สื่อสารเนี่ย ปีนี้เราเก็บให้สื่อสารน้อยลงนะครับ จาก 189 เหลือ 165 ล้านบาทนะครับ ทำให้รายได้เราลดไปประมาณสัก เอ่อ 1 ล้านกว่าบาท หรือประมาณสัก 10% เองนะครับ ในส่วนของตัวที่เป็นสหกรณ์การเงินนะครับ จริงๆแล้วเนี่ยสหกรณ์การเงินเนี่ยเราเก็บให้กับสหกรณ์การเงินเพิ่มมากขึ้นนะฮะ จาก 147 ล้านเป็น 273 ล้านบาทนะฮะ แต่คอมก็ ก็มองอ่าเปอร์เซ็นต์คอมก็น้อยลงฮะ อยู่ประมาณ 7.29% เนื่องจากเป็นหนี้ใหม่มากขึ้นนะฮะ ทำให้ อ่ารายได้เราลดลงจาก อ่า 23 ล้าน เอ่อเหลือประมาณ 19 ล้าน ลดลงประมาณ 3 ล้าน ลดลงประมาณสัก 16% นะฮะ ในส่วนของตัว Gross Profit Margin ของเราก็ อ่าเท่าของเดิมครับ อยู่ประมาณสัก 37% นะครับ ในส่วนธุรกิจ อ่าปล่อยสินเชื่อนะครับ ก็เราปล่อยสินเชื่อไปประมาณสัก 1,000 ล้านนะครับ 1,000 ล้านเนี่ย เอ่อประมาณ 95.337% เนี่ยหรือประมาณ 958 ล้านเนี่ย เป็นตัวของหนี้มีหลักประกันนะครับ เอ่ออีกประมาณสัก 38.1% เนี่ยหรือประมาณ 38 ล้านเนี่ย เป็น เป็นสิน สินเชื่อ สินเชื่อสวัสดิการนะฮะ ส่วนที่เหลืออีกประมาณสัก 0.82% เนี่ยเป็น อ่าพวก Marine P Loan แล้วก็ตัว Advance P Loan นะครับ ก็ Outstanding นี่เราอยู่ประมาณสัก 989 ล้านนะครับ ก็ อ่าในส่วนของรายได้ตาม ตามส่วนงานนะฮะ ก็อย่างตัวของ AMC นะฮะ เรามี 1,825 ล้านนะฮะ มีต้นทุน 350 นะครับ ก็เราเหลือตัว อ่า Gross Profit Margin ประมาณสัก 1,500 ประมาณ 83% นะฮะ ส่วนของ Service ที่ผมเรียนเมื่อกี้นะฮะก็คือว่า เรามีรายได้ทั้งในรายได้ทั้งหมดประมาณ 68 ล้านฮะ แต่ตัดรายการ รายได้ระหว่างกันไปประมาณสัก 39 ล้าน เหลือประมาณ 28 ล้านนะครับ แล้วมีต้นทุนเหลือ 18 ล้าน เหลือ อ่าตัว Gross Profit Margin ประมาณสัก 10 ล้าน หรือประมาณ 37% นะฮะ ส่วนธุรกิจ อ่าปล่อยสินเชื่อนะครับมีรายได้ทั้งหมด 147 นะฮะ ต้นทุนประมาณ 3 ล้านนะครับ เรามีกา Gross Profit Margin ประมาณ 144 ล้าน หรือประมาณ 98% เลยนะครับ ส่วนของตัวจัดหาคนงานนะครับ มีรายได้ 24 ล้านนะฮะ ต้นทุนประมาณ 9 ล้านนะครับ อ่าส่งผลให้เรามีตัว Gross Profit Margin อยู่ประมาณสัก 14 ล้านฮะ คิดเป็นประมาณ 60% นะครับ ก็โดย โดยที่ไอ้ตัว Gross Profit Margin โดยรวมของเราอยู่ประมาณ 83% นะครับ หรือคิดเป็นประมาณสัก 1,683 ล้านนะครับ แล้วก็มีต้น ค่าใช้จ่ายการขายบริหารประมาณ 16 123 ล้านนะครับ มีรายได้อื่น ๆ อีก 10 ล้านนะครับ ชอบกำไรจากการขายสินทรัพย์ รอการขายประมาณ 56 ล้านนะครับ ส่วนของผลทุ ผล เอ่อขาดทุนด้านเครดิตฮะ ปีนี้เรา อ่าวิ่งขึ้นสูงขึ้นไปอีก เป็น 835 ล้านฮะ หรือคิดเป็นประมาณสัก 41% เลยนะครับ โดย ในขณะที่ปีที่แล้วอยู่ประมาณสัก 27% นะครับ เรามี อ่าต้นทุนทางการเงินประมาณสัก 310 ล้าน ส่งผลให้เรามีกำไรก่อนภาษีประมาณ 477 นะครับ ค่าใช้จ่ายภาษีเงินได้ประมาณ 112 ฮะ กำไรสุทธิประมาณสัก 365 ล้าน

วิธีการแก้ไขปัญหาผลกระทบ (Problem-Solving and Mitigation)

มาดูในเรื่องของตัวงบการเงินรวมนะครับ ก็ปีนี้ทั้งปีนะฮะเรามีรายได้ 2,026 ล้านนะครับ ตัวของต้นทุนการให้บริการของเราอยู่ประมาณสัก 332.93 ล้านบาท หรือคิดเป็นประมาณ 16.4% ซึ่ง ซึ่ง อ่าใกล้เคียงกับปีที่แล้ว โดยที่ต่ำกว่าปีที่แล้วประมาณสัก 1% นิดๆ นะครับ

อยู่ประมาณสัก 4 4% ปีนี้เราอยู่ประมาณสัก 40% นะครับ อ่ากำไรขั้นต้นของเราก็อยู่ที่ประมาณ 1,683 ล้านนะฮะ รวม อ่ารายได้อื่น ๆ 10 ล้านนะฮะ แล้วก็กำไรจากการขายสินทรัพย์ รอการขายประมาณ 56 ล้านนะครับ ค่าใช้จ่ายในการบริหารเนี่ยเราอยู่ประมาณสัก 126.63 ล้านบาท หรือคิดเป็นประมาณสัก 6.2% นะฮะ ซึ่ง ซึ่ง อ่าถ้า ถ้ามองเป็นเปอร์เซ็นต์แล้ว เปอร์เซ็นต์ของเราปีเนี้ยต่ำกว่าปีที่แล้ว ปีที่แล้วอยู่ประมาณ 7.9 ปีนี้อยู่ประมาณ 6.2 นะครับ ผลขาดทุนด้านเครดิตนะฮะ ก็ 835 ล้านนะฮะ คิดเป็น 41% นะฮะ เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วนะที่ ปีที่แล้วอยู่ประมาณ 406 ล้าน ถ้ามองในเรื่องของ Quarter 3 Quarter 4 นะฮะ Quarter 3 เรามี ECL อยู่ประมาณสัก 160 ล้านนะครับ ปีนี้เพิ่ม Quarter 4 ปีเนี้ย เพิ่มเป็น 251 หรือ 252 ล้านนะฮะ เพิ่มประมาณสัก 91 ล้านนะฮะ หลักๆ การเพิ่มจาก 91 ล้านเนี่ยมันมาจากตัว อ่าตัว ECL ของหนี้มีหลักประกันที่ครบ 5 ปี อยู่ประมาณสัก อ่าเกือบ 70 ล้านนะ ประมาณ 67 ล้านนะฮะ แล้วก็มีอื่นๆ อีกประมาณสัก 20 กว่าล้าน รวมเป็น 91 ล้าน ส่งผลให้ตัว Quarter 4 เนี่ย ไอ้ตัว ECL เราเพิ่มจาก อ่า Quarter 3 เนี่ยประมาณ 91 ล้าน จาก 16 60 ล้านเป็น 256 252 ล้านครับ เรามีกำไรก่อนภาษี 477 นะฮะ คิดเป็น 23% ของรายได้นะฮะ ค่าใช้จ่ายภาษีเนี่ย อ่า 112 ล้าน คิดเป็น 5.5% นะฮะ ส่งผลให้มีกำไรสุทธิ อ่าจำนวน 365 ล้าน หรือคิดเป็นประมาณ 18% ของรายได้นะครับ ก็แบ่งเป็นส่วนของบริษัทใหญ่ประมาณสัก 241 ล้านนะครับ หรือประมาณสัก 12% นะฮะ ของตัว อ่าส่วนที่ไม่มีอำนาจควบคุมอีกประมาณสัก 6.1% หรือประมาณ สัก 124 ล้านครับ ในส่วนของตัวยอดจัดเก็บนะครับ Quater 4 เนี่ยเราจบไปประมาณสัก 160 ล้านนะครับ ปีนี้เราเชื่อว่า อ่าแต่ละ Quater เนี่ยคงไม่ต่ำกว่า 151 และ 150 ล้านนะครับ โดยที่มกราคมของเราเนี่ยจบไปอยู่ประมาณสัก 63 ล้านนะครับ กุมภาพันธ์พึ่งจบไปเนี่ย คาดว่าน่าจะประมาณสัก 55 ล้านนะครับ อย่างนั้นเนี่ย อ่า Quater 1 เรา เราค่อนข้างมั่นใจว่า ก็น่าจะไม่ต่ำกว่า 160 ล้านเหมือนกันนะฮะ ครับ แต่ว่าทั้งปีเนี่ยเรามองว่าแต่ละ Quater ไม่ควรจะต่ำกว่า 15 50 ล้านแล้วนะครับ ในส่วนของตัว Gross Profit Margin นะ ก็ไอ้ตัวไอ้ตัวกำไรก็ยังอยู่ประมาณสัก 18% ครับที่ที่เรียนไปเมื่อกี้ครับ ส่วนของตัวทรัพย์สินนะครับ อ่าสินทรัพย์นะครับ สินทรัพย์ของเรา อ่าเพอะ หน้าถัดไปเลยครับ สินทรัพย์ของเรา ณ 31 ธันวาคมเนี่ยเรามีประมาณ 9,705 ล้านนะฮะ หรือเพิ่มขึ้นประมาณสัก 373 ล้านนะครับ โดยการเพิ่มขึ้นเนี่ยฮะ ก็หลักๆ มาจากตัว เงินให้สินเชื่อแก่สินทรัพย์ ด้อยคุณภาพประมาณสัก 350 ล้าน หรือเพิ่มจาก 6,896 เป็น 7,246 ล้านนะครับ แล้วก็เป็นการเพิ่มของทรัพย์สิน รอการขายก็จาก 400 405 ล้านเป็น 664 ล้าน หรือประมาณ 259 ล้าน ก็จากภาวะตลาดของอสังหาตอนเนี้ยค่อนข้างขายช้านะฮะ ก็ ก็ส่วนใหญ่เราก็ทำให้ขายได้น้อยลงนะก็ จะเห็นจะสะท้อจากในเรื่องของกำไรจากการขายสินทรัพย์ รอการขายที่ลดลงจากปีที่แล้วนะครับ แล้วก็มีการลดลงของเงินสดประมาณสัก 217 ล้านนะครับ ในส่วนของของ อ่าตัวหนี้สินนะครับ หนี้สินของเราเนี่ย อ่าเพิ่มขึ้นประมาณสัก 93 ล้านนะครับ หลักๆ เนี่ยก็คือเป็น เป็นการเพิ่มของตัว อ่าเงินกู้สถาบันการเงิน ทั้งระยะสั้นและระยะยาวเนี่ย ประมาณสัก 142 ล้านนะฮะ แล้วมีการลดลงของตัวหุ้นกู้นะฮะ ที่เรามีขายจ่ายคืนไปประมาณสัก 133 ล้านนะครับ แล้วก็มีอีกตัวนึงในเรื่องของการเพิ่มขึ้นของตัวหนี้สิน ภาษีเงินได้รอตัดบัญชี อีกประมาณสัก 72 ล้านนะครับ ในส่วนของตัวส่วนของผู้ถือหุ้นนะครับ ส่วนของผู้ถือหุ้นของเราเพิ่มประมาณสัก 277 ล้านนะฮะ เพิ่มจาก 4,295 เป็น เป็น 4,572 ล้านนะฮะ การเพิ่มขึ้นส่วนใหญ่เนี่ยก็เป็นหลักๆ ก็คือมาจากตัวกำไรสะสมที่ไม่ได้จัดสรรเนี่ย ประมาณ 188 ล้าน นะฮะ แล้วก็การเพิ่มขึ้นของตัว อ่าส่วนที่ส่วนได้ส่วนเสียที่ไม่อำ มีอำนาจควบคุมประมาณ 76 ล้านนะฮะ แล้วก็การเพิ่มขึ้นของสำรองตามกฎหมายประมาณสัก 13.24 ล้านครับ ในส่วนของตัว อ่า Ratio นะครับ Ratio ก็ดี Ratio ของเราก็ต่ำลงเล็กน้อยเหลือประมาณสัก 1.12% นะครับ แต่ถ้าเป็น อ่า Interest Bearing แล้วเราอยู่ประมาณสัก 1.02 นะครับ ROE ของเราอยู่ประมาณสัก อ่า 8% นะครับ

โอกาสทางธุรกิจ (Business Opportunities)

ตั้งเป้าปี 2568 โต 20% โดยเน้นการซื้อหนี้ และใช้งบประมาณไม่เกิน 1,000 ล้านบาท JV กับสถาบันการเงินยังมีการพูดคุยกันอยู่

ธุรกิจเร่งรัดหนี้สินน่าจะโตได้ 20% เพราะได้งานจากสถาบันการเงินมา 4 ที่ แต่ละที่ก็ใหญ่ๆ ทั้งนั้น ปล่อยสินเชื่อก็โตไม่เกิน 10% และธุรกิจจัดหาแรงงานก็น่าจะได้ประมาณ 20% ปีหน้าทั้งปี การโตจะไปที่การซื้อหนี้ไม่มีหลักประกัน และโตไม่ต่ำกว่า 20% Quater 1 เราก็ซื้อได้แล้วบ้าง ประมาณ 700 ล้าน ปีนี้คง Quater 2 ซื้ออะไรไม่เยอะ ไปดู Quater 4 ที่ต้นปีต้น Quater 4 น่าจะซื้อเยอะๆ

Eco System ของเราจะเน้นต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ ในเรื่องของ ESG เราให้ความยืดหยุ่นกับลูกค้าในการชำระ ดูตามกำลังเป็นหลัก และให้ส่วนลดตามความเหมาะสม ในด้านสังคมก็ส่งเสริมให้คนมีวินัยในการใช้เงิน และทำธรรมาภิบาล ในเรื่องของสิ่งแวดล้อมก็มีการรณรงค์ในเรื่องของการใช้กระดาษ การประหยัดพลังงานประหยัดน้ำ และทำ CSR อย่างต่อเนื่อง เช่น การบริจาคช่วยเหลือหน่วยงานต่างๆ

เรื่องการให้ส่วนลดลูกค้า เราทำมากกว่าที่แบงค์ชาติกำหนด ลูกค้าติดต่อเราได้เลย เพราะเราทำตามนโยบายภาครัฐตั้งแต่ท่านนายกประยุทธ์ ที่มีโครงการช่วยเหลือประชาชน ด้วยการทำปรับปรุงสร้างหนี้ แล้วก็มาท่านนายกเศรษฐา แล้วก็มาท่านนายกแพรทองธาร เราก็ทำอย่างต่อเนื่องและก็ร่วมกับแบงค์ชาติ ร่วมกับแบงค์พาณิชย์ แต่สิ่งที่ทำเนี่ยคือเราทำมากกว่าเพราะว่าดอกเบี้ยเนี่ยแทบผมว่า 100% เกือบๆ 100% เราไม่ได้คิดลูกค้าอยู่แล้วนะครับ แล้วส่วนลดเราก็ให้มากกว่าสถาบันการเงินเพราะว่าเราซื้อหนี้เสียมา ก็อยากให้ลูกค้าติดต่อเราเข้ามาเยอะๆ นะครับเพื่อจะได้เครดิตคืนไป โครงการคืนสู้เราช่วยเนี่ย เรา เราบอกว่าเรา เราให้ได้มากกว่าทางแบงค์รับถ้าจะทำกับเรานะครับ แต่แล้วแต่แล้วแต่ท่านลูกค้าเลย ของเราให้ ให้มากกว่าทาง ทางโครงการคืนสู้เราช่วยอยู่แล้ว เร็วกว่า มากกว่า

ความเสี่ยงที่กำลังเผชิญ (Risks and Challenges)

N/A

แนวโน้มและอนาคต (Outlook and Future Trends)

ชโย กรุ๊ปทำ 4 ธุรกิจ: รับจ้างเร่งรัดหนี้สินให้แบงค์และสื่อมือถือ, ซื้อหนี้เสียจากสถาบันการเงิน (ทั้งมีและไม่มีหลักประกัน โดยปีนี้จะซื้อหนี้ไม่มีหลักประกันมาเยอะ), ปล่อยสินเชื่อทั้งแบบมีหลักประกันและไม่มีหลักประกัน (ชโย แคปิตอลที่เลื่อนการเข้าตลาดไป ถ้าต้นปีหน้าแก้ไขปัญหาเรียบร้อยจะยื่นเข้าใหม่), และส่งคนเข้าโรงงาน (ปัจจุบันมี 1,700 คน และจะทำให้โตและขายออกไป หรือซื้อชาวบ้านเข้ามา โดยพิจารณาจากกลยุทธ์ที่เหมาะสม เพราะต้องการปล่อยสินเชื่อด้วย แต่ตั้งเป้าปล่อยสินเชื่อไม่มาก)

ปีที่แล้วน่าจะต่ำสุดแล้ว ปี 2568 น่าจะเป็นปีที่ค่อยๆ ดีขึ้นเรื่อยๆ ในไตรมาส 1, ไตรมาส 2 และไตรมาส 3 และโตไม่ต่ำกว่า 20% รายได้หลักๆ 2,026 ล้านบาท มาจากหนี้ไม่มีหลักประกันประมาณ 1,200 ล้านบาท คิดเป็นเกือบ 60% และเทรนด์ก็น่าจะเพิ่มขึ้นไปเรื่อยๆ

ช่วงถาม-ตอบ (Q&A Session) [เริ่ม Q&A นาทีที่ 41.25]

  1. หัวข้อ: ดอกเบี้ยค้างรับและการบันทึก
    • คำถาม: เมื่อประมาณการรายได้ดอกเบี้ยไว้ แต่ลูกค้าไม่จ่าย จะบันทึกดอกเบี้ยค้างรับในงวดนี้หรือไม่ และบันทึกอย่างไร ทั้งเงินให้สินเชื่อและหนี้ด้อยคุณภาพ มีความแตกต่างกันอย่างไร?
    • คำตอบ: เวลาซื้อพอร์ตหนี้มา (ทั้งมีและไม่มีหลักประกัน) ต้องทำการประมาณการออกไปก่อน โดยปัจจุบันทำไปประมาณ 8 ปี (96 งวด) ต้องประมาณการลูกค้า 96 งวด สมมติประมาณการเดือนละ 10 บาท เวลาสิ้นเดือนรับรู้ 10 บาทไปก่อน ถ้าเก็บได้ 8 บาท ส่วนต่าง 2 บาทจะตั้ง ECL ทำแบบนี้ทุกเดือน หนี้มีหลักประกันจะแตกต่างกัน คือทำประมาณการ 5 ปี สมมติซื้อ 50 ล้าน ราคาแฟร์ 100 ล้าน ส่วนต่าง 50 ล้าน (หาร 5 เลย แค่ 5 ปี) ก็ทยอยรับรู้ปีละ 10 ล้าน จนกว่าจะมีการขายทอดตลาดออกไป หรือลูกค้ามาทำปรับปรุงโครงสร้างหนี้ โดยปกติการเร่งขายทอดตลาดอยู่ประมาณ 3-4 ปี ถ้าปีที่ 4 รับรู้ไปถึงปีที่ 3 แล้ว (80 ล้าน) ปีที่ 4 ขายได้ (สมมติขายได้ 100 ล้านเลย) ส่วนต่าง 20 ก็จะรับรู้ปีที่ 4 แต่ถ้าขายได้ 90 ก็แค่รับรู้แค่ 10
  2. หัวข้อ: ประมาณการรับหนี้ด้อยคุณภาพ
    • คำถาม: ประมาณการรับหนี้ด้อยคุณภาพไว้กี่ปี?
    • คำตอบ: ปัจจุบันหนี้ไม่มีหลักประกันอยู่ประมาณ 8 ปี มีหลักประกัน 5 ปี หนี้ไม่มีหลักประกันตัดไปแล้ว 30,000 กว่าล้าน จาก 85,000 ล้าน (ตัดต้นทุน amortize เรียบร้อยแล้ว 35,000 ล้าน)
  3. หัวข้อ: ข้อมูลสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ
    • คำถาม: สามารถแยกได้หรือไม่ว่าสินทรัพย์ด้อยคุณภาพที่ซื้อมาจากปีไหน เก็บแล้วเท่าไหร่ แยกประเภทมีหลักประกันและไม่มีหลักประกัน?
    • คำตอบ: เดี๋ยวไปดูให้ ถ้าไม่เป็นความลับเกินไป
  4. หัวข้อ: การตัดต้นทุนหนี้มีหลักประกันครบ 5 ปี
    • คำถาม: หนี้มีหลักประกันตัดต้นทุน 5 ปี (ซื้อมา 100 ตัดไป 20 จนครบ 5 ปี) การจัดการและเหตุผลบันทึกขาดทุนว่าเกิดจากการตั้งสำรองหนี้มีหลักประกันที่ครบ 5 ปี?
    • คำตอบ: หนี้มีหลักประกันต้องออกในปีที่ 5 โดยปกติการดำเนินคดีและเร่งขายทอดตลาดจะอยู่ประมาณ 3-4 ปี ถ้าขายได้ก็ไม่มี แต่ถ้าขายไม่ได้และไปใช้สิทธิ์ความเป็นเจ้าหนี้ซื้อแทนมา (ตัวอย่าง 50 รับรู้ไป 3 ปีแล้วเป็น 80 ปีที่ 4 ไม่มีคนซื้อ ราคาตลาด 100 ล้าน เราก็ใช้สิทธิ์ความเป็นเจ้าหนี้ในซื้อกลับมาที่ราคา 80 ล้าน ถ้า 80 ล้านแล้วเนี่ยมันจะเป็น NPA, NPA แล้วก็จะไม่รับรู้รายได้ต่อแล้ว) ในเคสที่เกิดขึ้น คือ 1 มันจะมีเคสใหญ่เคสนึงเกิดขึ้นว่า มันมีการประมูลขายทอดตลาดไปแล้ว แล้วลูกค้าไม่จ่ายตังค์ ทำให้ต้องออกมาประมูลใหม่ ตัวนี้คือเนื่องจากว่าเรารับรู้รายได้ไปหมดแล้ว แล้วปีที่ 5 เนี่ย มันยังขายไม่ได้ เราก็ต้องมีการขยายประมาณการมา แล้วก็ทำ ตามทำ อ่าทุทำ discount ให้มันเป็น PV มันก็จะเกิดตัว ตัว ECL ตรงนี้
  5. หัวข้อ: การตัดสินใจใช้ JV หรือซื้อเอง
    • คำถาม: มีเงื่อนไขหรือวิธีการตัดสินใจอย่างไร ใช้ JV หรือใช้กรุ๊ปซื้อ?
    • คำตอบ: ชโย AMC จะซื้อหนี้ไม่มีหลักประกันเป็นหลัก และซื้อหนี้มีหลักประกันรายเล็กและรายกลาง แต่ถ้าเป็นชโย JV เดิมจะซื้อหนี้เฉพาะมีหลักประกันและหนี้รายใหญ่ แต่ต่อมาได้คุยกับผู้ถือหุ้น เห็นว่าหนี้ไม่มีหลักประกันออกมาเยอะ เลยอยากช่วยแบงค์พาณิชย์ จึงไปซื้อหนี้ไม่มีหลักประกันเพิ่มเข้ามาด้วย สรุปได้ว่าชโย JV จะซื้อหนี้มีหลักประกันรายใหญ่ และซื้อหนี้ไม่มีหลักประกัน ส่วนชโย AMC ซื้อหนี้แบบไม่มีหลักประกัน และซื้อหนี้แบบมีหลักประกันรายเล็ก ตอนนี้หนี้ออกมาเยอะ ทั้งชโย AMC และชโย JV ไม่ได้แข่งกัน เพราะ Supply มันออกมาเยอะมาก อย่างเมื่อกี้ที่โฟกัสที่หนี้มันออกมาประมาณเกือบๆ 500,000 (490,000 ล้าน) โฟกัสอยู่ที่ 100,000 กว่า ใน 100,000 กว่าเป็นหนี้มีหลักประกันเรื่องบ้านอย่างเดียวก็ 60,000-70,000 ล้านแล้ว และอีก 60,000 ล้านที่รวมๆ กันก็คือ มี Credit Card, Personal Loan, Car Loan พวกนี้ก็สามารถซื้อซื้อได้อีกเยอะเลยอีก 60,000-70,000 ล้านเลยที่ต้องสลัดออกไป
  6. หัวข้อ: ดอกเบี้ยรับไตรมาส 4 ลดลง
    • คำถาม: เหตุใดดอกเบี้ยรับในไตรมาส 4 ถึงลดลงมากกว่าจาก Quater 3 มีเงินสดจากดอกเบี้ยรับประมาณ 100 กว่าล้าน แต่ไตรมาส 4 มีเจ อันนี้ไม่น่าจะใช่นะ?
    • คำตอบ: เงินสดรับใน Quater 4 อยู่ประมาณ 160 ล้านบาท รายได้ก็มากกว่านั้นอยู่แล้ว
  7. หัวข้อ: ECL สูงในไตรมาส 4
    • คำถาม: เหตุใด ECL ถึงสูง 252 ล้าน?
    • คำตอบ: อธิบายไปแล้ว
  8. หัวข้อ: การตั้งสำรองหนี้ครบ 5 ปี
    • คำถาม: การตั้งสำรองหนี้แบบนี้ครบ 5 ปีคือส่วนไหน ทำไมต้องตั้งและตั้งเท่าไหร่?
    • คำตอบ: ประมาณ 67 ล้านที่อธิบายไป
  9. หัวข้อ: ECL ในไตรมาสต่อๆ ไป
    • คำถาม: ไตรมาสต่อๆ ไปจะมี การตั้ง ECL 2 หลัก 200 ล้านอีกหรือไม่?
    • คำตอบ: ไตรมาส 4 มี 160+20 ประมาณ 180 ล้าน น่าจะต่อๆ ไปก็อาจจะมีเพิ่มขึ้นลดลงตามการจัดเก็บ ไตรมาส 1 ปีที่แล้วตั้งสำรองไปเยอะ แล้วมันจะเหลืออยู่เลยเอาใส่มาในไตรมาส 4 ปีนี้มันคงเหลือเพราะว่าเวลาเราซื้อหนี้มาเนี่ยมันมี EIR ข้างบนแล้วก็มี ECL ข้างล่าง ฉะนั้นทุกการซื้อหนี้มันต้องมีทั้งหมดเลย แต่ว่าไอ้เยอะๆ อย่างเงี้ยผมว่าเข้าใจว่าเราใส่ไปในไตรมาส 1 ปีที่แล้ว แล้วก็ใส่มาในไตรมาส 4 ปีที่ ปีที่แล้วเยอะมากละ งั้นมันจะมีเนี่ยคงมีไม่เยอะแล้ว ถ้าจะดูว่าปัจจุบันนี้มี ก็ ก็อยู่ประมาณเนี้ยผม ผมเดานะ ไตรมาส ไตรมาส 1 น่าจะอยู่ประมาณสัก 180 ถึง ถึง ถึง 200 ล้านครับ ตีว่า 200 ล้านแค่นั้น ถ้าจะดูว่าปัจจุบันมีพอร์ทลูกหนี้เท่าไหร่ จะดูได้จากตัวเลขอันไหนในเอกสาร ก็มีตัวนี้ก็คือแสนกว่าล้านที่เรากำลังบอกไปว่ามีหนี้มีหลักประกันประมาณสัก 80,000 ในสไลด์ที่ แสนล้านต่อเงินลงทุนคงเหลืออะไรสัก 7,000 ล้าน ใช่ครับ ประมาณนั้นนะ ตัวมี 143,510 ล้านนะฮะ แบ่งจะเป็นตัวสไลด์ที่ เนี่ยก็คือมีไม่มี มี มีหลักประกัน 1 18,400 19 ล้าน ไม่มีหลักประกันประมาณ 85,891 ล้านนะครับ
  10. หัวข้อ: แผนการออกหุ้นกู้
    • คำถาม: บริษัทมีแผนจะออกหุ้นกู้ ที่จะครบอย่างไรครับ?
    • คำตอบ: เดี๋ยวเราดูอาจจะ Quarter 2 หรือ Quarter 3 ค่อยดูอีกที
  11. หัวข้อ: ความชัดเจนในการ JV กับสถาบันการเงิน
    • คำถาม: การ JV กับสถาบันการเงิน มีความชัดเจนอย่างไรครับ?
    • คำตอบ: ไม่ ไม่ ไม่ชัดเจนอะครับ เพราะว่าเราได้รับการติดต่อเป็นระยะๆ นะฮะ แล้วก็ เราก็ต้องรอ รอ ฝ่าย ฝ่ายธนาคารอย่างเดียวครับ แต่ของ แต่ใน ในแง่เราเนี่ย เราพร้อมนะฮะในการ JV เพราะว่า ใช้เงินสักประมาณไม่เกิน 100 ล้านเราก็ทำได้แล้ว
  12. หัวข้อ: ผลดีผลเสียของโครงการคืนสู้เราช่วย
    • คำถาม: โครงการคืนสู้เราช่วย เป็นผลดีผลเสียต่อบริษัทอย่างไรครับ?
    • คำตอบ: ภาพรวมแล้วเป็นผลดี ให้ลูกค้าติดต่อเข้ามา อยากเชิญชวนให้ลูกค้าเข้ามาติดต่อ และถ้านักลงทุนรู้จักลูกค้าหรืออะไรก็ตามที่มีปัญหา อยากให้ติดต่อเข้ามา เพราะเข้าใจว่าคนที่ติดต่อเข้ามาเป้าหมายสมมติว่าต้องการ 100 ราย แต่เข้ามาจริงๆ ประมาณ 30 กว่ารายเอง เพราะงั้น ได้แค่ 33% ที่ ที่ท่านตั้งเป้า ตั้งเป้าไว้นะครับ โครงการนี้ทำให้ประชาชนดี แล้วก็แบงค์พาณิชย์ก็ดี เพราะว่ามีการปรับปรุงสร้างหนี้ แล้วพอปรับปรุงสร้างหนี้ก็จะส่งผลให้กับชโยเนี่ย เวลาเรารับจ้างตามหนี้เนี่ย งานรับจ้างตามหนี้จะเพิ่มมากขึ้นเพราะว่าเขาปรับปรุงสร้างหนี้แล้วก็ต้องให้เราคอยติดตามเพิ่มมากขึ้น แต่ว่าจะเป็นผลผมช้าในการซื้อหนี้เสียของชโย แต่มาช้าเนี่ยเพราะช้าไปแค่ 6 เดือน เพราะฉะนั้นไตรมาส 1 กับไตรมาส 2 ของปี 68 เนี่ยก็จะช้าลงหน่อยก็เป็นกลยุทธ์ที่เราซื้อน้อยในด้านไตรมาส 1 และไตรมาส 2 อยู่แล้ว เพราะว่าโครงการคืนสู้ดุลย์ช่วยเนี่ยเราสมัครล่าสุดถึง 30 เมษายนใช่ไหมครับ เราอาจจะทำให้ในเรื่องของการขายเนี่ยอะไรต่างๆ เนี่ยทางสถาบันการเงินอาจจะชะลอลงบ้างนะครับ เพราะว่าขายมาแล้วเดี๋ยวต้องดึงคืนอะไรต่างๆ เดี๋ยว มันก็จะมี ปัญหาอะไรต่างๆ เข้าไป
  13. หัวข้อ: แนวโน้มผลการดำเนินงานไตรมาส 1
    • คำถาม: แนวโน้มผลการดำเนินงานไตรมาส 1 จะเป็นอย่างไร?
    • คำตอบ: ทั้งปีปี 68 มองว่ารายได้จะโตประมาณ ไม่ต่ำกว่า 20% คิดว่า ก็ ก็คง ก็คงสะท้อนในเรื่องของตัว ตัวรายได้ แล้วก็ผลประกอบการ ไตรมาส 1 ไม่มีอะไรมากเป็น เป็นปกติ แต่ว่าก็เทรนด์มันจะ จะโตขึ้นครับ

โดยสรุป, ชโย กรุ๊ปเผชิญปีที่ท้าทาย แต่ยังคงรักษาการเติบโตไว้ได้ โดยมีกลยุทธ์ที่ชัดเจนในการซื้อหนี้, การจัดการต้นทุน, และการขยายธุรกิจหลัก บริษัทตั้งเป้าที่จะเติบโตอย่างต่อเนื่องในปี 2568 และมุ่งเน้นการสร้างผลตอบแทนที่ดีต่อนักลงทุน

```