CHAO
บริษัท เจ้าสัว ฟู้ดส์ อินดัสทรี จำกัด (มหาชน)

สรุปงบการเงิน
ไตรมาสที่ 4 ปี 2567

สรุป OPPDAY

สรุป OPPDAY CHAO: ปี 2567 ไตรมาส 4 - โอกาสและความท้าทายในตลาดขนมขบเคี้ยว

สรุปผลการดำเนินงานประจำปี 2567 ของบริษัท เจ้าสัว ฟู้ดส์ อินดัสทรี จำกัด (มหาชน) (CHAO) และวิเคราะห์แนวโน้มธุรกิจในอนาคต

  1. ภาพรวมผลกระทบต่อธุรกิจ (Business Impact Overview):
  2. ปี 2567 บริษัทมีรายได้ 1,567 ล้านบาท เติบโต 4.9% จากปีก่อนหน้า กำไรขั้นต้นอยู่ที่ 571 ล้านบาท เติบโต 1%

    • ปัจจัยบวก: การจดทะเบียนเข้าตลาดหลักทรัพย์, การออกผลิตภัณฑ์ใหม่ (ข้าวตังแผ่นอบกรอบ, หมูแท่งรสชาติใหม่), การขยายตลาดส่งออกจาก 12 เป็น 21 ประเทศ
    • Market share อันดับ 1 ในตลาด Local Rice Cracker (79%) และ Meat Snack (62%)
    • รางวัล Super Brand 3 ปีซ้อน และ Most Admired Brand
    • ยอดขายเติบโตต่อเนื่องเฉลี่ย 12% (CAGR), Modern Trade เติบโต 23%, Online เติบโต 149%

  3. โอกาสทางธุรกิจ (Business Opportunities):
  4. บริษัทเห็นโอกาสในการเติบโตในตลาด Snack มูลค่า 1 แสนล้านบาท (เติบโตเฉลี่ย 5-6% ต่อปี)

    • กลุ่มข้าวตัง: ตลาด Gap Fill Snack (ขนมที่อิ่มท้อง) มูลค่าเกือบ 2 หมื่นล้านบาท เจ้าสัวมีสัดส่วนเพียง 1,100 ล้านบาท
    • กลุ่ม Meat Snack: ตลาดมูลค่า 33,000 ล้านบาท เจ้าสัวมี Market Share 62% แต่ยอดขายเพียง 380 ล้านบาท
    • กลยุทธ์: พัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่, ขยายฐานลูกค้า, เพิ่มช่องทางจัดจำหน่าย

  5. ความเสี่ยงที่กำลังเผชิญ (Risks and Challenges):
  6. ความเสี่ยงหลัก: การแข่งขันในตลาด Snack ที่สูง, ความผันผวนของราคาวัตถุดิบ (เนื้อหมู, ค่าแรง)

  7. วิธีการแก้ไขปัญหาผลกระทบ (Problem-Solving and Mitigation):
    • การเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตและลดต้นทุน (เจรจาต่อรองกับ Supplier, เพิ่ม Yield, ลด Loss, ใช้ Automation, Solar Rooftop)
    • การออกผลิตภัณฑ์ใหม่ที่มี Margin สูงขึ้น

  8. แนวโน้มและอนาคต (Outlook and Future Trends):
    • บริษัทตั้งเป้าหมายเติบโตเฉลี่ย 12-15% ต่อปี (CAGR) ในช่วง 5 ปีข้างหน้า
    • เน้นการสร้าง Brand Engagement, ขยายตลาด Better-for-You Snack, เพิ่มช่องทาง Online, ขยายตลาดต่างประเทศ
    • โรงงานใหม่จะพร้อมใช้งานต้นปี 2569
    • สัดส่วนการส่งออก: ตั้งเป้าหมายเพิ่มสัดส่วนให้สูงขึ้นทุกปี
    • ตั้งเป้าสัดส่วนรายได้ในประเทศ 65% และต่างประเทศ 35%

  9. ช่วงถาม-ตอบ (Q&A Session): [นาทีที่ 49:25]
    1. การขายใน TT (Traditional Trade):

      คำถาม: รบกวนช่วยเล่าการขายใน TT ให้หน่อยครับว่ามีสเต็ปในปัจจุบันเป็นยังไง แล้วก็อนาคตเป็นอย่างไรนะครับ แล้วจะเน้นขาย SKU และ Pack Size ไหนเป็นหลัก ทำไมถึงทำไมปีที่แล้วถึงเลือก Pack Size ขนาดเล็กก่อนซึ่งกระทบ GP ด้วยนะครับ

      คำตอบ: ร้านค้า TT ในประเทศไทยมีประมาณ 3 แสนร้านค้า บริษัทเพิ่งเข้าไปได้ 3 หมื่นร้านค้า จึงมี Room ให้เติบโตได้อีกมาก ช่องทางไม่ใช่แค่ Distributor แต่จะมีผ่านทางยี่ปั๊วด้วย ซึ่งบริษัทจะขยายให้เข้าถึงร้านค้าได้มากขึ้น เหตุผลที่เลือก Pack Size เล็ก (20 บาท) เพราะเป็นแกนของ Consumer สินค้าขนม Size ที่ใหญ่ที่สุดในตลาด TT คือขนาด 20 บาท เป็นสินค้าหัวหอกเพื่อ Penetrate เข้าไปในช่องทางนี้และโดนใจลูกค้าในช่องทางนี้มากที่สุด และยังคงเน้นการเติบโตในทุกช่องทาง

    2. กระแสตอบรับสินค้าใหม่ที่จีน:

      คำถาม: ตั้งแต่ต้นปีมา ฟีดแบคหนังปลา รสใหม่ที่ไปจีนเป็นอย่างไรบ้างแล้วก็มี Shipment ไปหรือยังครับ

      คำตอบ: อยากให้มองภาพของตลาดส่งออกเป็นภาพรวม เพราะแต่ละประเทศหรือสินค้าเองจะมีความ Mix ของสินค้าอยู่หลาย ๆ สินค้ารวมกัน ในประเทศจีนได้นำสินค้าใหม่ไปทดแทนสินค้าหนังปลา คือ สินค้าปลาแท่งและข้าวตัง ซึ่งปีที่แล้วได้นำสินค้าตัวอื่น ๆ เข้าไปทดแทนและสามารถทำยอดให้จีนเติบโตขึ้นมาได้

    3. ผลกระทบของ SG&A ใน TT:

      คำถาม: อาจจะกลับมาที่ TT ครับ อยากให้ช่วยอธิบายเกี่ยวกับ SG&A เพิ่มเติมหน่อยครับว่าทำไมถึงไปขยายในช่องทางใน TT แล้วมองว่ามันจะกระทบในระยะสั้นนะครับ

      คำตอบ: อย่างที่เรียนไป เราใช้สินค้าหัวหอกคือตัว Size 20 บาท ซึ่งเป็น Size หลักของ Traditional Trade และจะเป็นเหมือน One Size Promotion Pack เป็นรุ่นเพิ่มปริมาณ เพื่อให้สามารถเจาะเข้าไปในร้านค้าได้ง่ายขึ้น ก็เริ่มด้วยสินค้าตัวนี้เป็นตัวหลักและเดี๋ยวจะมีเสริมตัวสินค้าอื่น ๆ เข้าไปก็จะมาบริหารเรื่องของ Mix Portfolioรวมถึงรุ่นเพิ่มปริมาณก็อาจจะยังเพิ่มปริมาณอยู่แต่ก็อาจจะไม่ได้เพิ่มเยอะเหมือนตอนแรก เพราะฉะนั้น channel trade ยังมี room ที่จะโตอีกค่อนข้างเยอะ

    4. แนวโน้มยอดขายในประเทศ:

      คำถาม: ดูเหมือนว่ายอดขายในประเทศกำลังไปได้ดีนะครับ โมเมนตัมของยอดขายในประเทศจะยังคงเติบโตในเชิงบวกต่อไปใช่ไหมครับ

      คำตอบ: ก็ยังเป็นเชิงบวกแน่นอนครับ ก็ Quater 3 Quater 4 ปีที่แล้วก็เราโตได้ดีนะครับ แล้วก็ยังโตได้ดีอย่างต่อเนื่อง ซึ่งสินค้าที่เติบโตได้ดีก็คือกลุ่มข้าวตังนี่แหละครับ ก็เรายังคาดหวัง Growth อยู่ประมาณสักช่วง 15-20% ในส่วนของข้าวตังซึ่งเป็นสินค้าหลักของเรา และก็อย่างกลุ่มอื่น ๆ เองเนี่ย Meat Snack นะครับ ก็ที่ออก New Flavor มาใหม่ ๆ นะครับก็ยังโตได้อย่างต่อเนื่อง รวมถึงจริง ๆ กลุ่ม Meal นะครับกลุ่มอาหารเนี่ยที่เรามีสินค้าใหม่ ๆ เข้าไปในช่องทางออนไลน์ตรงนี้ก็เติบโตได้ดีนะครับแล้วก็ เป็นช่องทางที่เราถึงผู้บริโภคได้โดยตรง

    5. ผลิตภัณฑ์หลักในการเติบโต:

      คำถาม: จากไกด์ไลน์ว่าจะมีการ Grow 12-15% นะครับ อยากทราบว่าจะเติบโตมาจากผลิตภัณฑ์ไหนเป็นหลักครับ

      คำตอบ: กลุ่มข้าวตังจะเป็นกลุ่มที่เราจะเติบโตได้ดี ช่วง 15-20% เป็นหลักนะครับ รองลงมาก็จะเป็นถ้าในประเทศก็จะเป็นกลุ่ม Meat Snack ส่วนส่งออกเนี่ยก็จะเป็น cereal cracker ในการที่จะขยายไปในประเทศใหม่ ๆ และก็จะมีออกรสชาติใหม่ ๆ ด้วยนะครับ

    6. การโฟกัสช่องทางจัดจำหน่าย:

      คำถาม: อยากทราบว่าเจ้าสัวจะยังโฟกัสในช่องทาง Modern Trade เป็นหลักเหมือนเดิม หรือมีช่องทางอื่นที่บริษัทโฟกัสมากกว่านี้ครับ

      คำตอบ: เรายังเติบโตวางแผนในการเติบโตในทุกช่องทาง Modern Trade เนี่ยเราพาร์ทเนอร์กับทาง Key Account นะครับ ก็เน้นเรื่องของพื้นที่พิเศษต่างๆ และผลักดันสินค้าใหม่ ในแง่ของ trade ก็การเพิ่ม distribution จาก 30,000 ร้านค้า เนี่ยก็จะขยายเพิ่มเติมมากขึ้น ในแง่ของออนไลน์นะครับ ก็สินค้าที่เป็น Online Focus online only นะครับก็จะเพิ่มเติมมากขึ้น ในทุก ๆ ช่องทางนะครับเรายัง ต้องบอกว่าก็ยังคาดหวังการเติบโตในทุกช่องทาง

    7. สาเหตุที่ GPM ลดลงใน Q4:

      คำถาม: ทำไม GPM Quater 4 2024 ถึงลดลงเยอะมาก

      คำตอบ: มี 2 Factor หลัก ซึ่งเป็น Short Term อย่างสินค้าส่งออกจะมี GP ที่สูงกว่าในประเทศ แต่ช่วง Quarter 4 สินค้าส่งออกอาจจะชะลอตัวจากสินค้าที่เป็น OEM ซึ่งบริษัทขยายประเทศใหม่ ๆ และเน้นสินค้าที่เป็นแบรนด์ของตัวเองเป็นหลักซึ่งตอนนี้สินค้าแบรนด์ตัวเองที่ส่งออกเนี่ยอยู่ที่ 70% เรียบร้อยแล้ว และสินค้าที่ไป TT ตัว Size 20 บาทเนี่ยอาจจะ GP ต่ำนิดนึงแต่ก็อย่างที่บอกว่าเป็นการที่เหมือนโปรโมชั่นแพคช่วงแรกที่เรา penetrate เพื่อที่จะขยายช่องทาง ซึ่ง Factor หลัก ซึ่งก็กระทบแต่ว่าจะกระทบในช่วงระยะสั้นครับ

โดยสรุป บริษัท CHAO ยังคงมีศักยภาพในการเติบโตในตลาดขนมขบเคี้ยว โดยเน้นการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่, ขยายช่องทางจัดจำหน่าย, และสร้างแบรนด์ให้แข็งแกร่ง อย่างไรก็ตาม บริษัทต้องบริหารจัดการความเสี่ยงจากต้นทุนที่สูงขึ้น และการแข่งขันที่รุนแรงในตลาด