สรุปด้วย AI(O) BOT

บริษัท บิวเดอสมาร์ท จำกัด (มหาชน) หรือ BSM มีผลประกอบการในไตรมาส 2 ปี 2567 ที่น่าสนใจ โดยบริษัทและบริษัทย่อยมีรายได้รวม 116.07 ล้านบาท ลดลง 20.68% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า รายได้หลักมาจากธุรกิจจำหน่ายวัสดุก่อสร้าง ซึ่งมีรายได้เพิ่มขึ้น 2.05% เนื่องจากโครงการก่อสร้างต่างๆ ที่เริ่มฟื้นตัว ส่วนธุรกิจอสังหาริมทรัพย์มีรายได้ลดลง 55.21% ซึ่งส่วนใหญ่เกิดจากการขายโครงการแสนสราที่ลดลง อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ยังคงเดินหน้าพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมย่านใจกลางเมืองของบริษัท ทีค ดีเวลลอปเมนท์ จํากัด ซึ่งมีรายได้เพิ่มขึ้น 15.70% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า โดยบริษัทฯ ตั้งเป้าขยายธุรกิจทั้งสองด้านอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะธุรกิจจำหน่ายวัสดุก่อสร้างที่น่าจะเติบโตได้อย่างแข็งแกร่งในอนาคต เนื่องจากการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐ และโครงการอสังหาริมทรัพย์ภาคเอกชนยังคงมีแนวโน้มที่ดี

บริษัทฯ ตั้งเป้าที่จะขยายตลาดวัสดุก่อสร้างไปยังต่างประเทศ และเพิ่มความสามารถในการแข่งขันด้วยการพัฒนาผลิตภัณฑ์และเทคโนโลยีใหม่ๆ ทั้งนี้ บริษัทฯ มีแผนการลงทุนในโครงการใหม่ๆ เพื่อรองรับการเติบโตของธุรกิจในอนาคต โดยคาดการณ์ว่ารายได้จะเติบโตในระดับปานกลางถึงสูง อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ยังคงต้องติดตามสถานการณ์เศรษฐกิจและความผันผวนของอัตราดอกเบี้ยอย่างใกล้ชิด เพื่อปรับแผนธุรกิจให้สอดคล้องกับสถานการณ์

จากข้อมูลทางการเงินในอดีต บริษัท BSM มีอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E) ที่ค่อนข้างสูง โดยในไตรมาส 2 ปี 2567 D/E อยู่ที่ 1.91 แสดงถึงการกู้เงินมาลงทุนค่อนข้างมาก ส่งผลให้อัตราส่วนกำไรสุทธิลดลงอย่างต่อเนื่องจาก 2.92% ในปี 2562 เป็น 0% ในปี 2563 - 2565 และ -7.12% ในปี 2566 โดยมีผลขาดทุนสุทธิในไตรมาส 2 ปี 2567 ถึง 13.76 ล้านบาท ถึงแม้ว่าผลประกอบการในช่วง 6 เดือนแรกของปีจะมีสัญญาณที่ดีขึ้น แต่ยังคงมีผลขาดทุนสุทธิอยู่ที่ 11.61 ล้านบาท นอกจากนี้ บริษัทฯ มีวงจรเงินสดที่ค่อนข้างยาว โดยมีค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 524.82 วันในปี 2566 แสดงถึงการใช้เงินทุนหมุนเวียนที่มีประสิทธิภาพต่ำ
เมื่อพิจารณาจากผลประกอบการในไตรมาสล่าสุดและข้อมูลทางการเงินย้อนหลัง บริษัท BSM ยังมีความเสี่ยงสูง โดยมี P/E เท่ากับ -100 และ P/BV เท่ากับ 1.18 แสดงถึงการที่นักลงทุนมีการคาดการณ์ผลประกอบการในอนาคตค่อนข้างต่ำ อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ มีราคาหุ้นเฉลี่ยในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา อยู่ที่ 1.42 บาท จึงมีโอกาสที่จะปรับตัวขึ้นได้ แต่เหมาะสำหรับนักลงทุนที่สามารถรับความเสี่ยงได้สูง และต้องการลงทุนระยะยาวเท่านั้น
**โอกาส**
* บริษัทฯ มีโอกาสในการเติบโตของธุรกิจจำหน่ายวัสดุก่อสร้างเนื่องจากมีการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐ และโครงการอสังหาริมทรัพย์ภาคเอกชน
* บริษัทฯ มีโอกาสในการขยายตลาดไปยังต่างประเทศ
* บริษัทฯ มีโอกาสในการพัฒนาผลิตภัณฑ์และเทคโนโลยีใหม่ๆ

**ความเสี่ยง**
* ผลประกอบการของบริษัทฯ ในช่วงที่ผ่านมายังคงมีผลขาดทุนสุทธิ
* บริษัทฯ มีอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E) ที่ค่อนข้างสูง
* บริษัทฯ มีวงจรเงินสดที่ค่อนข้างยาว
* บริษัทฯ มี P/E เท่ากับ -100 และ P/BV เท่ากับ 1.18 แสดงถึงการที่นักลงทุนมีการคาดการณ์ผลประกอบการในอนาคตค่อนข้างต่ำ