สรุปงบล่าสุด BGC

บริษัท บีจี คอนเทนเนอร์ กล๊าส จำกัด (มหาชน)
สรุปงบการเงิน
ไตรมาสที่ 4 ปี 2567
สรุปสั้น
ยังไม่มีรายละเอียด อยู่ระหว่างการจัดทำข้อมูล
สรุปด้วย AI(O) BOT
## บทสรุปผลประกอบการ บริษัท บีจี คอนเทนเนอร์ กล๊าส จำกัด (มหาชน) (BGC) - ฉบับสมบูรณ์
บทความนี้สรุปผลประกอบการและฐานะทางการเงินของ บริษัท บีจี คอนเทนเนอร์ กล๊าส จำกัด (มหาชน) (BGC) โดยอ้างอิงข้อมูลจากรายงานผลประกอบการปี 2567 ที่บริษัทฯ ได้เผยแพร่
**1. สรุปรายได้รวม:**
ในปี 2567 บริษัทฯ มีรายได้จากการขายรวม 14,416 ล้านบาท ลดลง 4% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า สาเหตุหลักมาจากการลดลงของความต้องการผลิตภัณฑ์เบียร์และโซดา อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ได้มีการปรับปรุงสูตรการผลิตและใช้พลังงานทางเลือกเพื่อลดต้นทุน รวมถึงนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต
**2. สถานการณ์เศรษฐกิจ:**
ในปี 2567 เศรษฐกิจไทยได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอกหลายประการ เช่น นโยบายการเงินของสหรัฐฯ และยุโรป รวมถึงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจากจีน แม้ว่าการลงทุนจะเพิ่มขึ้น แต่การเบิกจ่ายงบประมาณต่ำกว่าที่คาดการณ์ การบริโภคถูกฉุดรั้งจากหนี้ครัวเรือนและดอกเบี้ยสูง ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นตามนโยบายการเงินของสหรัฐฯ นอกจากนี้ การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ และสงครามในยูเครน-รัสเซีย และอิสราเอล-ปาเลสไตน์ยังส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลก
อุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์แก้วในประเทศไทยมีการเติบโตอย่างค่อยเป็นค่อยไป โดยได้รับแรงหนุนจากการท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้น และมีความต้องการบรรจุภัณฑ์แก้วในกลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม นอกจากนี้ ความต้องการบรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและสามารถรีไซเคิลได้ยังคงเป็นแนวโน้มสำคัญที่ผลักดันการเติบโตของตลาดนี้ อย่างไรก็ตาม อุตสาหกรรมยังต้องเผชิญกับความท้าทายจากต้นทุนวัตถุดิบ ความผันผวนของค่าเงินบาท และเศรษฐกิจโลก
**3. การเปลี่ยนแปลงในรายได้และกำไร:**
* **รายได้จากการขาย:** ลดลง 4% YoY สาเหตุหลักมาจากปริมาณการขายสินค้ากลุ่มผลิตภัณฑ์เบียร์และโซดาที่ลดลง
* **กำไรขั้นต้น:** เพิ่มขึ้น 10% YoY เป็น 1,996 ล้านบาท และอัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้น 279 bps เป็น 17% เนื่องจากต้นทุนวัตถุดิบและราคาพลังงานปรับตัวลง
* **ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร:** เพิ่มขึ้น 15% YoY เป็น 1,672 ล้านบาท จากค่าเช่าคลังที่เพิ่มขึ้นและการตั้งสำรองสินค้าเสื่อมสภาพ
* **กำไรสุทธิส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นบริษัทใหญ่:** ลดลง 20% YoY เป็น 259 ล้านบาท สอดคล้องกับผลประกอบการที่ลดลง
**4. สินทรัพย์และหนี้สิน:**
* **สินทรัพย์รวม:** 19,135 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.1% YoY จากการเพิ่มขึ้นของสินค้าคงเหลือ
* **หนี้สินรวม:** 13,916 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.1% YoY จากเงินกู้ยืมระยะยาวจากธนาคารที่เพิ่มขึ้น
* **ส่วนของผู้ถือหุ้น:** 5,219 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.2% YoY
* **อัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (D/E Ratio):** 2.7 เท่า (ไม่เปลี่ยนแปลงจากปีก่อนหน้า)
* บริษัทฯ มีการลงทุนซื้อหุ้นสามัญ 5% ในบริษัท บางกอกแคน แมนนูแฟคเจอริ่ง จำกัด ซึ่งเป็นผู้ผลิตบรรจุภัณฑ์กระป๋องและฝากระป๋องอะลูมิเนียม เพื่อเพิ่มพอร์ตสินค้าของบริษัทฯ และขยายฐานลูกค้า
**5. การเปลี่ยนแปลงในกระแสเงินสด:**
* **เงินสดสุทธิจากกิจกรรมดำเนินงาน:** 1,466 ล้านบาท หลักมาจากกำไรจากการดำเนินงานและรายการที่ไม่ใช่เงินสด
* **เงินสดสุทธิจากกิจกรรมลงทุน:** ใช้ไป 1,450 ล้านบาท หลักจากการซื้อที่ดิน อาคาร อุปกรณ์ และอสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุน
* **เงินสดสุทธิจากกิจกรรมจัดหาเงิน:** ใช้ไป 21 ล้านบาท หลักจากการจ่ายเงินปันผล จ่ายคืนหนี้สิน และค่าใช้จ่ายทางการเงิน
**6. ปัจจัยความเสี่ยงและโอกาสในการลงทุน:**
**ปัจจัยความเสี่ยง:**
* ความผันผวนของราคาวัตถุดิบ
* ความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลก
* การแข่งขันในตลาด
* สถานะทางการเงินที่อ่อนตัวลง (อ้างอิงจากข้อมูลของ Tris Rating ที่ปรับแนวโน้มเป็น "ลบ")
**โอกาสในการลงทุน:**
* การท่องเที่ยวที่ฟื้นตัว
* ความต้องการบรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
* การขยายตลาดไปยังกลุ่มสินค้าอื่นๆ
* การลงทุนในบริษัท บางกอกแคน แมนนูแฟคเจอริ่ง จำกัด
**7. สรุปสั้นท้ายสุด:**
แม้ว่ารายได้จากการขายจะลดลงในปี 2567 แต่บริษัทฯ สามารถเพิ่มอัตรากำไรขั้นต้นได้จากการบริหารจัดการต้นทุนที่มีประสิทธิภาพ อย่างไรก็ตาม ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารที่เพิ่มขึ้นส่งผลให้กำไรสุทธิลดลง บริษัทฯ มีการจัดการความเสี่ยงโดยการลงทุนในธุรกิจใหม่ๆ และขยายฐานลูกค้า เพื่อรักษาความสามารถในการทำกำไรและการเติบโตในอนาคต บริษัทฯ ยังคงมีฐานะทางการเงินที่มั่นคง โดยมีอัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้นที่ 2.7 เท่า อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ควรให้ความสำคัญกับการจัดการกระแสเงินสดและควบคุมค่าใช้จ่ายเพื่อเพิ่มความสามารถในการทำกำไรและลดความเสี่ยงทางการเงิน
**ข้อมูลเพิ่มเติมที่น่าสนใจ:**
* **วงจรเงินสด:** 52.7 วัน เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า เนื่องจากระยะเวลาสินค้าคงเหลือที่เพิ่มขึ้น
* **Net Debt to EBITDA:** 4.5 เท่า ลดลงเล็กน้อยจากปีก่อนหน้า สะท้อนถึงความสามารถในการชำระหนี้ที่ดีขึ้น
* **Tris Rating:** ปรับแนวโน้มอันดับเครดิตเป็น "ลบ" สะท้อนถึงสถานะทางการเงินที่อ่อนตัวลง ซึ่งเป็นปัจจัยที่นักลงทุนควรพิจารณา
**คำเตือน:** บทสรุปนี้จัดทำขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลเท่านั้น ไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน นักลงทุนควรศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมและปรึกษาผู้เชี่ยวชาญก่อนตัดสินใจลงทุน
(15.94%)
(99.27%)
(5.37%)
(17.70%)
(25.35%)
(11,111.52%)
(57.16%)
(66.35%)
(38.36%)
(68.26%)
(192.98%)
(80.04%)