สรุปงบล่าสุด BE8

บริษัท เบริล 8 พลัส จำกัด (มหาชน)
สรุปงบการเงิน
ไตรมาสที่ 4 ปี 2567
สรุปสั้น
BE8 รายได้ปี 67 โต 3.56% แต่กำไรสุทธิลดลง 36.78% จากต้นทุนและค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้น รายได้หลักมาจากให้คำปรึกษาและบริการด้านเทคโนโลยี, ไตรมาส 4 รายได้เพิ่ม 15.67% จากการเบิกจ่ายงบประมาณภาครัฐ แม้สินทรัพย์รวมเพิ่มขึ้น หนี้สินรวมลดลง ทำให้อัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้นลดลง อัตรากำไรลดลง ROE ลดลงจาก 8.94% เป็น 5.44%, ROA ลดลงจาก 7.92% เป็น 6.22% BE8 วางกลยุทธ์สู่ AI-Powered Digital Transformation โดยมี Backlogs ที่ 1.87 พันล้านบาทและมีโครงการประมูลอีก 5.7 พันล้านบาท
หยวนต้าแนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมาย 19.50 บาท โดยมองเห็นสัญญาณการฟื้นตัวและการเติบโตจาก AI-Powered Digital Transformation BE8 จับมือกับทิพยกรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จัดตั้ง JV คือ Horizon T8 (BE8 ถือ 49%) เพื่อพัฒนาสินค้าและบริการให้กับเครือทิพย โดยมีโครงการที่จะทำร่วมกันกว่า 20 โครงการ Virtual Bank มีคู่ค้าเข้ามาเจรจาหลายราย และตั้งเป้ารายได้และกำไรฟื้นตัวสู่ศักยภาพปกติในปี 2568
IAA คาดการณ์ EPS ปี 68 ที่ 0.86 บาท ราคาเป้าหมายเฉลี่ย 18.32 บาท Upside 65.02% ข้อมูลล่าสุด PE: 19.02 Yield: 2.16%
สรุปด้วย AI(O) BOT
## สรุปผลประกอบการหุ้น BE8: บริษัท เบริล 8 พลัส จำกัด (มหาชน) ปี 2567 (ฉบับสมบูรณ์)
**ภาพรวมผลการดำเนินงานปี 2567:**
บริษัท เบริล 8 พลัส จำกัด (มหาชน) หรือ BE8 รายงานผลการดำเนินงานปี 2567 โดยมีรายได้จากการขายและให้บริการรวม 2,495.18 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.56% เมื่อเทียบกับปี 2566 อย่างไรก็ตาม กำไรสุทธิสำหรับปี 2567 อยู่ที่ 154.50 ล้านบาท ลดลง 36.78% จากปีก่อนหน้า แม้ว่ารายได้จะเติบโต แต่ต้นทุนและค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นส่งผลกระทบต่อกำไรสุทธิ
**1. สรุปรายได้รวม:**
ในไตรมาส 4 ปี 2567 บริษัทฯ มีรายได้จากการขายและให้บริการ 706.00 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15.67% เมื่อเทียบกับไตรมาส 3 ปี 2567 ปัจจัยหลักมาจากการเบิกจ่ายงบประมาณภาครัฐที่เพิ่มขึ้นในการลงทุนด้านการรักษาความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์และดิจิทัล ทรานส์ฟอร์เมชัน กำไรสุทธิในไตรมาส 4 อยู่ที่ 44.31 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเล็กน้อย 0.29% จากไตรมาสก่อนหน้า
**2. สถานการณ์เศรษฐกิจ:**
แม้ว่าในปี 2567 เศรษฐกิจจะมีการชะลอตัว แต่การลงทุนจากภาครัฐในช่วงไตรมาส 3 และ 4 ในด้านดิจิทัล ทรานส์ฟอร์เมชัน และการรักษาความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ ช่วยกระตุ้นความต้องการในตลาด นอกจากนี้ การพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้เป็นอย่างดี ส่งผลให้บริษัทฯ สามารถขยายฐานรายได้
บริษัทฯ มีการลงทุนในกิจการร่วมค้า บจก. ฮอไรซอนที 8 จำนวน 15 ล้านบาท เพื่อยกระดับ InsureTech ให้กับอุตสาหกรรมประกันภัยด้วย AI-Powered Digital Transformation และลงทุนใน บจก. ฮาร์ทเซล เอ็นเตอร์เทนเมนท์ จำนวน 2 ล้านบาท เพื่อเสริมสร้างพันธมิตรในกลุ่มบริษัทด้านคำปรึกษาด้านการผลิตสื่อ งานแสดง งานโฆษณาและประชาสัมพันธ์
**3. การเปลี่ยนแปลงในรายได้และกำไร:**
* **รายได้:** รายได้จากการขายและให้บริการเพิ่มขึ้นจาก 2,409.35 ล้านบาท ในปี 2566 เป็น 2,495.18 ล้านบาท ในปี 2567
* รายได้หลักมาจากการให้บริการให้คำปรึกษาด้านกลยุทธ์และเทคโนโลยี (1,087.39 ล้านบาท) และการให้บริการด้านเทคโนโลยี (1,407.79 ล้านบาท) ซึ่งรวมถึงการขายและการให้เช่าใช้สิทธิการใช้งาน (781.28 ล้านบาท) และการดูแลระบบเทคโนโลยีและจัดหาบุคลากรเทคโนโลยี (626.51 ล้านบาท)
* **กำไร:** กำไรสุทธิลดลงจาก 244.39 ล้านบาท ในปี 2566 เป็น 154.50 ล้านบาท ในปี 2567
* **ต้นทุนและค่าใช้จ่าย:** ต้นทุนการให้บริการ ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารเพิ่มขึ้น เนื่องจากจำนวนบุคลากรที่เพิ่มขึ้น ทำให้ค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับบุคลากร การฝึกอบรม และการพัฒนาบุคลากรสูงขึ้น รวมถึงค่าเครื่องมือและอุปกรณ์ต่างๆ ที่จำเป็นในการดำเนินงานที่สูงขึ้น
* บริษัทฯ บันทึกผลขาดทุนด้านเครดิตที่เกิดขึ้นจำนวน 2.50 ล้านบาท และค่าใช้จ่ายการตัดจำหน่ายของมูลค่ายุติธรรมของสินทรัพย์ไม่มีตัวตนและภาษีเงินได้รอตัดบัญชีจากการปันส่วนราคาซื้อเพิ่มขึ้นจำนวน 7.75 ล้านบาท (รายการทางบัญชีที่ไม่มีผลกระทบกับกระแสเงินสด)
* **อัตรากำไรขั้นต้น:** ลดลงจาก 25.91% ในปี 2566 เป็น 21.46% ในปี 2567
* **อัตรากำไรจากการดำเนินงาน:** ลดลงจาก 9.98% ในปี 2566 เป็น 8.73% ในปี 2567
* **อัตรากำไรสุทธิ:** ลดลงจาก 7.85% ในปี 2566 เป็น 5.55% ในปี 2567
**4. สินทรัพย์และหนี้สิน:**
* **สินทรัพย์รวม:** เพิ่มขึ้นจาก 3,989.33 ล้านบาท ในปี 2566 เป็น 4,001.77 ล้านบาท ในปี 2567
* **หนี้สินรวม:** ลดลงจาก 1,189.68 ล้านบาท ในปี 2566 เป็น 1,122.73 ล้านบาท ในปี 2567 เนื่องจากการลดลงจากการจ่ายคืนเงินกู้ระยะสั้น เพื่อบริหารจัดการลดภาระหนี้สินและต้นทุนทางการเงิน
* **เจ้าหนี้การค้าและเจ้าหนี้อื่น:** เพิ่มขึ้นจาก 276.70 ล้านบาท ในปี 2566 เป็น 312.17 ล้านบาท ในปี 2567 เป็นผลจากการดำเนินงานปกติของกิจการ
* **สำรองผลประโยชน์ระยะยาวของพนักงาน:** เพิ่มขึ้นจากการจ้างงานที่เพิ่มขึ้นเพื่อรองรับการเติบโตของกิจการ
* **ส่วนของผู้ถือหุ้น:** เพิ่มขึ้นจาก 2,799.65 ล้านบาท ในปี 2566 เป็น 2,879.04 ล้านบาท ในปี 2567 เนื่องจากการเพิ่มขึ้นจากกำไรจากการดำเนินงาน
* **อัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (D/E Ratio):** ลดลงจาก 0.42 ในปี 2566 เป็น 0.39 ในปี 2567 แสดงถึงความแข็งแกร่งทางการเงินที่เพิ่มขึ้น
**5. การเปลี่ยนแปลงในกระแสเงินสด:**
(ไม่มีข้อมูลในเอกสารที่ให้มา)
**6. ปัจจัยความเสี่ยงและโอกาสในการลงทุน:**
(ไม่มีข้อมูลในเอกสารที่ให้มา)
**7. สรุปสั้นท้ายสุด:**
ถึงแม้ว่ารายได้รวมของ BE8 จะเติบโตขึ้นในปี 2567 แต่กำไรสุทธิกลับลดลงเนื่องจากต้นทุนและค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งค่าใช้จ่ายด้านบุคลากรและการลงทุนในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ยังคงมีฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง มีหนี้สินรวมที่ลดลง และมีส่วนของผู้ถือหุ้นที่เพิ่มขึ้น รวมถึงมีการลงทุนในธุรกิจใหม่ๆ เพื่อเสริมสร้างศักยภาพในการเติบโตในอนาคต การจัดการความเสี่ยงและการควบคุมค่าใช้จ่ายจึงเป็นสิ่งสำคัญเพื่อให้บริษัทฯ สามารถรักษาความสามารถในการทำกำไรและเติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาว การลดลงของอัตรากำไรขั้นต้น อัตรากำไรจากการดำเนินงาน และอัตรากำไรสุทธิ เป็นสิ่งที่ต้องจับตามองและแก้ไข
**อัตราส่วนทางการเงินที่สำคัญ:**
* **อัตราส่วนสภาพคล่อง:** เพิ่มขึ้นจาก 1.56 เป็น 1.86
* **อัตราส่วนทุนหมุนเวียนเร็ว:** ลดลงจาก 0.64 เป็น 0.62
* **อัตราผลตอบแทนผู้ถือหุ้น (ROE):** ลดลงจาก 8.94% เป็น 5.44%
* **อัตราผลตอบแทนจากสินทรัพย์ (ROA):** ลดลงจาก 7.92% เป็น 6.22%
**โดยสรุป:** BE8 ยังคงเติบโตในแง่ของรายได้ แต่ความท้าทายอยู่ที่การบริหารจัดการต้นทุนและค่าใช้จ่ายเพื่อรักษาระดับความสามารถในการทำกำไรในอนาคต
(16.76%)
(17.69%)
(6.26%)
(0.69%)
(8.97%)
(14.45%)
(15.82%)
(10.94%)
(0.31%)
(20.04%)
(42.21%)
(527.91%)