สรุปด้วย AI(O) BOT

## สรุปผลประกอบการบริษัท บลูบิค กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) (BBIK) ประจำปี 2567 และไตรมาส 4 ปี 2567

บลูบิค กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ BBIK ผู้ให้บริการที่ปรึกษาด้านดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันแบบครบวงจร รายงานผลประกอบการประจำปี 2567 โดยมีรายได้รวม 1,506.66 ล้านบาท เติบโต 14.72% เมื่อเทียบกับปี 2566 ที่มีรายได้ 1,313.29 ล้านบาท กำไรสุทธิอยู่ที่ 313.83 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.56% จากปีก่อนหน้าซึ่งอยู่ที่ 303.03 ล้านบาท อัตรากำไรสุทธิอยู่ที่ 21% ลดลงเล็กน้อยจากปี 2566 ที่ 23% อย่างไรก็ตาม ในไตรมาส 4 ปี 2567 บริษัทฯ มีรายได้รวม 409.13 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.05% เมื่อเทียบกับไตรมาส 3 ปี 2567 และเพิ่มขึ้น 10.04% เมื่อเทียบกับไตรมาส 4 ปี 2566 โดยมีกำไรสุทธิ 108.34 ล้านบาท คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิ 26% เพิ่มขึ้นจากไตรมาส 3 ปี 2567 ที่ 24% และไตรมาส 4 ปี 2566 ที่ 23% เป็นผลมาจากการประหยัดต่อขนาด (Economies of Scale) ของค่าใช้จ่ายคงที่ เนื่องจากการเติบโตของรายได้

บริษัทฯ มีสินทรัพย์รวม ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2567 มูลค่า 2,501.94 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 65.42 ล้านบาท จากสิ้นปี 2566 หนี้สินรวมอยู่ที่ 496.08 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 25.64 ล้านบาท และส่วนของผู้ถือหุ้นอยู่ที่ 2,005.86 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 39.77 ล้านบาท บริษัทฯ มีสัญญาการให้บริการคงเหลือ (Backlog) ณ สิ้นปี 2567 มูลค่า 842 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะรับรู้รายได้ในปี 2568 ไม่น้อยกว่า 669 ล้านบาท และส่วนที่เหลือจะรับรู้ในปี 2569-2572 นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังคงให้ความสำคัญกับการขยายธุรกิจไปยังต่างประเทศ โดยใช้ประโยชน์จากศักยภาพของบุคลากรด้านดิจิทัลและข้อได้เปรียบด้านต้นทุนบริการที่สามารถแข่งขันได้ในตลาดโลก

จากข้อมูลผลประกอบการและสถานะทางการเงินของ BBIK พบว่า บริษัทฯ มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในไตรมาส 4 ปี 2567 ที่มีรายได้และกำไรสุทธิสูงสุดเป็นประวัติการณ์ การที่บริษัทฯ มี Backlog ที่แข็งแกร่งและมีการขยายธุรกิจไปยังต่างประเทศ แสดงให้เห็นถึงโอกาสในการเติบโตในอนาคต อย่างไรก็ตาม นักลงทุนควรพิจารณาปัจจัยเสี่ยงต่าง ๆ เช่น การแข่งขันในตลาดที่ปรึกษาด้านดิจิทัลที่สูงขึ้น และความผันผวนของเศรษฐกิจโลก ก่อนตัดสินใจลงทุน

**วิเคราะห์เพิ่มเติม:**

* **รายได้และกำไร:** ถึงแม้ว่ารายได้รวมจะเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ แต่การเพิ่มขึ้นของกำไรสุทธิกลับน้อยกว่า ทำให้เห็นว่าต้นทุนในการดำเนินงานของ BBIK เพิ่มขึ้นเช่นกัน ซึ่งอาจเป็นผลมาจากการลงทุนในบุคลากร เทคโนโลยี หรือการขยายธุรกิจ อย่างไรก็ตาม ในไตรมาส 4 ปี 2567 อัตรากำไรสุทธิปรับตัวดีขึ้น แสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพในการบริหารจัดการต้นทุนที่สูงขึ้น
* **อัตรากำไรขั้นต้นและอัตรากำไรสุทธิ:** อัตรากำไรสุทธิที่ลดลงเล็กน้อยในภาพรวมปี บ่งชี้ว่าบริษัทฯ อาจเผชิญกับแรงกดดันด้านราคา หรือมีค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารที่เพิ่มขึ้น แต่ในไตรมาส 4 อัตรากำไรสุทธิที่สูงขึ้น แสดงให้เห็นถึงความสามารถในการปรับตัวและเพิ่มประสิทธิภาพ
* **D/E Ratio:** ข้อมูล D/E ที่คงที่ แสดงว่า BBIK ไม่ได้พึ่งพาหนี้สินในการดำเนินงานมากนัก ซึ่งเป็นสัญญาณที่ดี
* **P/E Ratio และ P/BV Ratio:** P/E ที่ลดลง แสดงให้เห็นว่านักลงทุนอาจมองว่า BBIK มีความเสี่ยงมากขึ้น หรือคาดหวังการเติบโตที่ช้าลงในอนาคต P/BV ที่ลดลง ก็บ่งชี้ว่าราคาหุ้นในปัจจุบันอาจไม่ได้สูงเกินมูลค่าทางบัญชีของบริษัท
* **Yield:** อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลที่ค่อนข้างต่ำ อาจไม่ดึงดูดนักลงทุนที่ต้องการรายได้จากเงินปันผลเป็นหลัก

**โอกาส:**

* การเติบโตของตลาดดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชัน
* การขยายธุรกิจไปยังต่างประเทศ
* การพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ ๆ ที่ตอบสนองความต้องการของลูกค้า
* การฟื้นตัวของการลงทุนด้านเทคโนโลยีและดิจิทัลของภาคธุรกิจ

**ความเสี่ยง:**

* การแข่งขันในตลาดที่สูง
* ความผันผวนของเศรษฐกิจโลก
* การเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีที่รวดเร็ว

**ข้อมูลการเงินเพิ่มเติม:**

* ราคาหุ้นเฉลี่ยในช่วงไตรมาสล่าสุด (4Q2567) อยู่ที่ 41.23 บาท
* ลักษณะธุรกิจของบริษัท: ที่ปรึกษาด้านกลยุทธ์ และการจัดการนวัตกรรมและเทคโนโลยี และธุรกิจอื่นที่เกี่ยวข้อง
* P/E ล่าสุดอยู่ที่ 25.56
* P/BV ล่าสุดอยู่ที่ 3.76
* Yield ล่าสุดอยู่ที่ 0.59
* D/E Ratio อยู่ที่ 0.24
* อัตรากำไรสุทธิอยู่ที่ 18.61
* ผลการดำเนินงานไตรมาส 4/2567 เป็นไปตามแผน และเติบโตสูงขึ้น