สรุปงบล่าสุด BAM
บริษัทบริหารสินทรัพย์ กรุงเทพพาณิชย์ จำกัด (มหาชน)
สรุปงบการเงิน
ไตรมาสที่ 3 ปี 2567
สรุปสั้น
BAM มีกำไรสุทธิ 1,079 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเล็กน้อยร้อยละ 0.4 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน รายได้ดอกเบี้ยสุทธิในไตรมาสที่ 3/2567 อยู่ที่ 1,752 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 13.0 จากปีก่อนหน้า อย่างไรก็ตาม กำไรจากการขายทรัพย์สินรอการขายลดลงร้อยละ 34.6 เหลือ 498 ล้านบาท เนื่องจากยอดขายทรัพย์สินที่ชะลอตัว บ.มีผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นเพิ่มจำนวน 227.62 ล้านบาท ส่งผลให้ กำไรแต่ไตรมาสที่ 3 ลดลง
แต่ปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อกำไร 9 เดือนคือรายได้ดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้นจากการบริหารสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ แม้ว่ากำไรจากการขายทรัพย์สินจะลดลง ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานอื่นลดลงร้อยละ 8.1 สะท้อนถึงการควบคุมค่าใช้จ่ายที่มีประสิทธิภาพ
สินทรัพย์รวมเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.9 จากสิ้นปีที่ผ่านมา มาอยู่ที่ 139,900 ล้านบาท สาเหตุหลักมาจากการลงทุนซื้อสินทรัพย์ด้อยคุณภาพใหม่ ขณะที่หนี้สินรวมเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.7 เนื่องจากการกู้ยืมเพื่อใช้ในการลงทุน
บริษัทฯ มีแผนในการเร่งการเรียกเก็บหนี้และการขายทรัพย์สินรอการขายในไตรมาสสุดท้ายของปี 2567 โดยคาดหวังว่าการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐจะช่วยสนับสนุน นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมีแผนจัดแคมเปญและโปรโมชั่นพิเศษเพื่อกระตุ้นความต้องการซื้อทรัพย์สินรอการขาย รวมถึงการเสนอขายแบบผ่อนชำระเพื่อเพิ่มความสะดวกให้กับลูกค้า
สรุปด้วย AI(O) BOT
## บริษัท บริหารสินทรัพย์ กรุงเทพพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) - BAM: วิเคราะห์โอกาสการลงทุน
บริษัท บริหารสินทรัพย์ กรุงเทพพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) หรือ BAM มีรายได้รวมในไตรมาส 3 ปี 2567 อยู่ที่ 2,396 ล้านบาท ลดลง 14.8% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า กำไรสุทธิอยู่ที่ 384 ล้านบาท ลดลง 31.2% สาเหตุหลักของการลดลงของกำไรสุทธิในไตรมาสนี้มาจากการเพิ่มขึ้นของผลขาดทุนด้านเครดิต ซึ่งเกิดจากการที่บริษัทฯ ซื้อ NPL ในปริมาณมากขึ้น ในขณะที่ราคาขายต่อราคาประเมินเฉลี่ยลดลง ส่งผลให้การเรียกเก็บหนี้ในไตรมาส 3 ปี 2567 อยู่ที่ 6,304 ล้านบาท ลดลง 2.8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
BAM มีแผนธุรกิจในอนาคตมุ่งเน้นการบริหารจัดการสินทรัพย์ด้อยคุณภาพและทรัพย์สินรอการขายอย่างมีประสิทธิภาพ โดยจะขยายตลาดในกลุ่มลูกหนี้ที่เคยปรับโครงสร้างหนี้กับ BAM รวมถึงกลุ่มลูกหนี้ที่ไม่เคยปรับโครงสร้างหนี้ BAM ยังมีแผนที่จะเพิ่มทุนจดทะเบียนเพื่อรับโอนหนี้จากธนาคารออมสิน โดยคาดว่าจะรับรู้รายได้จากการรับจ้างบริหารหนี้ในไตรมาส 1/2568 นอกจากนี้ บริษัทยังมีแผนที่จะจัดตั้งบริษัทร่วมทุนกับบริษัท กสิกร วิชัน จํากัด (KVISION) เพื่อประกอบธุรกิจบริหารสินทรัพย์ค้อยคุณภาพ โดยมีทุนจดทะเบียนเบื้องต้น 25 ล้านบาท และคาดว่าจะเริ่มดําเนินงานในไตรมาส 4/2567
BAM มีทรัพย์สินรอการขายกระจายอยู่ในพื้นที่ต่าง ๆ ทัวประเทศ โดย ณ วันที 30 กันยายน 2567 บริษัทฯ มีทรัพย์สินรอการขายอยู่ในกรุงเทพมหานครและปริมณฑล คิดเป็นร้อยละ 37.5 ของมูลค่าตามบัญชีทรัพย์สินรอการขายสุทธิทั้งหมดของบริษัทฯ และมีอสังหาริมทรัพย์ ประเภททีอยู่อาศัย คิดเป็นร้อยละ 57.3 ของมูลค่าตามบัญชีทรัพย์สินรอการขายสุทธิทั้งหมดของบริษัทฯ
ในส่วนของข้อมูลทางการเงิน BAM ปัจจุบันมี P/E อยู่ที่ 13.14 เท่า P/BV อยู่ที่ 0.52 เท่า YIELD อยู่ที่ 5.43% ราคาหุ้น 52 สัปดาห์ สูงสุด/ต่ำสุด อยู่ที่ 21 บาท/7.79 บาท และราคาล่าสุดอยู่ที่ 7.79 บาท จากตัวเลขดังกล่าว BAM ดูจะอยู่ในช่วงพักตัวและอาจมีโอกาสลงทุน แต่เหมาะกับนักลงทุนที่ต้องการถือยาวรอการเติบโตและรับเงินปันผลมากกว่าการเก็งกำไรระยะสั้น เพราะ YIELD สูงและราคาหุ้นอยู่ในระดับต่ำเมื่อเทียบกับ P/E และ P/BV อย่างไรก็ตาม นักลงทุนควรติดตามการเติบโตของรายได้ กำไร และ NPL อย่างใกล้ชิด รวมถึงผลการดำเนินงานของบริษัทร่วมทุน KVISION เพื่อตัดสินใจลงทุน
**จุดเด่น:**
* YIELD สูงถึง 5.43% เหมาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการรับเงินปันผล
* ราคาหุ้นอยู่ในระดับต่ำ เมื่อเทียบกับ P/E และ P/BV อาจมีโอกาสเติบโตในอนาคต
* บริษัทฯ มีแผนธุรกิจที่ชัดเจน และมีโอกาสขยายตลาดในอนาคต
* บริษัทฯ มีความเชี่ยวชาญในธุรกิจบริหารจัดการสินทรัพย์ด้อยคุณภาพและทรัพย์สินรอการขาย
**จุดที่ต้องพิจารณา:**
* กำไรสุทธิในไตรมาส 3 ปี 2567 ลดลง ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อราคาหุ้น
* ผลขาดทุนด้านเครดิตเพิ่มขึ้น ซึ่งอาจสะท้อนถึงความเสี่ยงในธุรกิจ
* ต้องติดตามผลการดำเนินงานของบริษัทร่วมทุน KVISION อย่างใกล้ชิด
**สรุป:** BAM เป็นบริษัทที่มีโอกาสลงทุน แต่เหมาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการถือยาวรอการเติบโตและรับเงินปันผลมากกว่าการเก็งกำไรระยะสั้น นักลงทุนควรศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมและติดตามการดำเนินงานของบริษัทฯ อย่างใกล้ชิดก่อนตัดสินใจลงทุน
**ข้อมูลเพิ่มเติม:**
* BAM มีลูกหนี้เงินให้สินเชื่อจากการซื้อลูกหนี้รายใหญ่ 10 ราย คิดเป็น 6,213 ล้านบาท ซึ่งอาจมีความเสี่ยงในกรณีที่ลูกหนี้รายใดรายหนึ่งเกิดปัญหาในการชำระหนี้
* BAM มีทรัพย์สินรอการขายอยู่ในกรุงเทพฯ และปริมณฑล มากกว่า 37% ของมูลค่าทั้งหมด ซึ่งสะท้อนถึงความเข้มข้นของตลาดในพื้นที่ดังกล่าว
**ข้อเสนอแนะ:** นักลงทุนควรติดตามข้อมูลด้านต่อไปนี้อย่างใกล้ชิด:
* ผลการดำเนินงานของ KVISION
* ผลการดำเนินงานของ BAM ในไตรมาส 4/2567 และปี 2568
* การเปลี่ยนแปลงของ P/E, P/BV และ YIELD
* การเปลี่ยนแปลงของราคาหุ้น 52 สัปดาห์
**หมายเหตุ:** ข้อมูลที่ใช้ในการวิเคราะห์นี้มาจากแหล่งข้อมูลสาธารณะ นักลงทุนควรศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมจากแหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือก่อนตัดสินใจลงทุน
(12.18%)
(2.30%)
(4.85%)
(7.17%)
(8.35%)
(9.70%)
(6.76%)
(26.49%)
(56.30%)
(47.93%)
(212.96%)
(52.38%)