BAFS
บริษัท บริการเชื้อเพลิงการบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน)

สรุปงบการเงิน
ไตรมาสที่ 4 ปี 2567

สรุป OPPDAY

```html

สรุป Oppday บาฟ: ฟื้นตัวแข็งแกร่ง, ขยายลงทุน, มุ่งสู่การเติบโตยั่งยืน

สวัสดีครับท่านผู้ถือหุ้นและท่านนักวิเคราะห์ทุกท่าน กลับมาพบกับผม หม่อมหลวง ณัฐสิทธิ์ ดิศกุล กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท บริการเชื้อเพลิงการบินกรุงเทพ จำกัด มหาชน หรือ บาฟ วันนี้ผมมาพร้อมกับคุณศักดิ์สนิท ตรีสอาดใจ รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่สายงานบัญชีและการเงินขององค์กร

วันนี้พวกเรามีเรื่องที่จะมาอัปเดตท่านนักวิเคราะห์และนักลงทุนทุกท่านเกี่ยวกับผลประกอบการประจำไตรมาส 4 ของปี 2567 รวมถึงจะถือโอกาสสั้นๆ ในการอัปเดตสถานการณ์ที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มบริษัทของเราและมุมมองของผู้บริหารในช่วงเวลาข้างหน้าที่จะเกิดขึ้นในปีนี้

ก่อนอื่นขออนุญาตเกริ่นโดยสรุปก่อนว่ากลุ่มบริษัทของเรา หรือ บาฟกรุ๊ป มีกลุ่มธุรกิจอยู่ 3 กลุ่มหลัก:

  1. กลุ่มธุรกิจการบิน: เป็นผู้ให้บริการในเรื่องการให้บริการเติมน้ำมันอากาศยานแบบครบวงจร มีระบบการขนส่งผ่านระบบท่อ มีการจัดเก็บผ่านคลังน้ำมันที่ได้รับมาตรฐานระดับโลก และจ่ายน้ำมันไปยังสนามบินหลักของประเทศ 5 แห่ง มีบริษัทในเครือ 4 บริษัท รวมถึงบริษัทที่ร่วมทุนกับ AOT และ OR และบริษัทที่ประกอบรถเติมน้ำมันอากาศยานของตัวเอง
  2. กลุ่มสาธารณูปโภคและพลังงาน: มี 2 บริษัท คือ บริษัท บาฟ ขนส่งทางท่อ จำกัด (BPT) ผู้ให้บริการขนส่งน้ำมันผ่านระบบท่อใต้ดินไปยังพื้นที่ภาคเหนือ มีคลังน้ำมันและระบบการจ่ายน้ำมันที่ทันสมัยและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และบริษัท บาฟ คลีน เอ็นเนอร์ยี่ คอร์เปอเรชั่น ที่ลงทุนในพลังงานสะอาดและพลังงานหมุนเวียน มีโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศและอยู่ระหว่างการขยายการลงทุนทั้งในไทยและต่างประเทศ โดยเฉพาะพลังงานสะอาด เช่น พลังงานแสงอาทิตย์ หรือโรงไฟฟ้าที่ใช้พลังงานจากขยะชุมชน
  3. กลุ่ม Business Service: มี 2 บริษัท คือ บริษัท บาฟ Professional Service (BPS) ผู้ให้บริการ HR Outsourcing, รับจ้างซ่อมบำรุงและงานปฏิบัติการ ดูแลโรงไฟฟ้าในต่างจังหวัด และการเติมน้ำมันในสนามบินภูมิภาค เช่น สมุย สุโขทัย และตราด รวมถึงดูแลการซ่อมบำรุงอาคารสำนักงาน และบริษัท BID (Bafs Innovation Development) ผู้นำในการพัฒนาด้านนวัตกรรมและ Digital Solution โดยเฉพาะงาน Digital ที่เกี่ยวข้องกับการให้บริการเติมน้ำมันอากาศยาน ซึ่งในปีนี้จะมีผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เพิ่มเติมจากบริษัท BID ที่จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของทั้งกลุ่มบริษัทและลูกค้าภายนอกองค์กร

ไฮไลท์ของปีที่ผ่านมาคือ กลุ่มบริษัทมีรายได้รวม 3,507 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 103 ล้านบาท ซึ่งเป็นการบันทึกกำไรสุทธิในรอบ 5 ปีครั้งแรกตั้งแต่เกิดเหตุการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 ปีที่ผ่านมาเป็นปีที่เราเห็นสัญญาณการฟื้นตัวอย่างชัดเจนของธุรกิจ Aviation โดยมีปริมาณน้ำมันที่ให้บริการเพิ่มขึ้น 17% จากปีก่อนหน้า ไปอยู่ที่ 5,047 ล้านลิตร ซึ่งเป็นการเติบโตที่เกินกว่าเป้าหมายที่ฝ่ายบริหารได้วางไว้ที่ 5,000 ล้านลิตร ระดับ 5,047 ล้านลิตรนี้คิดเป็นประมาณ 82% เมื่อเทียบกับระดับก่อนเกิดเหตุการณ์ COVID-19

ไฮไลท์ที่สองคือโครงการเชื่อมโยงระบบท่อขนส่งน้ำมันของบริษัท BPT กับบริษัท Thappline ซึ่งได้บรรลุการเจรจาเรื่องการเชื่อมต่อท่อ และได้มีการเริ่มต้นการก่อสร้างและวางศิลาฤกษ์ไปแล้วเมื่อวันที่ 17 มกราคม 2568 ปัจจุบันกำลังอยู่ในระหว่างการก่อสร้างซึ่งคาดว่าจะสามารถก่อสร้างให้เสร็จสิ้นและเปิดให้บริการเชิงพาณิชย์ได้ภายในปี 2569 เมื่อเสร็จสมบูรณ์ โครงข่ายท่อขนส่งน้ำมันของ BPT จะเป็นโครงข่ายท่อที่มีความสมบูรณ์ที่สุดในภูมิภาคอาเซียน ครอบคลุมระยะทางกว่า 726 กิโลเมตร ซึ่งเป็นการเพิ่มโอกาสทางเศรษฐกิจให้กับประเทศไทย ทำให้ผู้ค้าน้ำมันสามารถขนส่งน้ำมันไปยังพื้นที่ห่างไกล พื้นที่ภาคเหนือในต้นทุนที่มีประสิทธิภาพและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม คือลดการปล่อยก๊าซ ลดเรื่องการปล่อยไอระเหยน้ำมัน และรองรับการเติบโตของภูมิภาคและการเชื่อมโยงทางการค้าและการลงทุนของไทยและอาเซียน

อีกไฮไลท์หนึ่งคือ บริษัท บาฟ อินเทค ซึ่งมีการขยายตลาดอย่างต่อเนื่องและทำการตลาดเชิงรุกตลอดปีที่ผ่านมา ทำให้สามารถมีลูกค้าที่สั่งรถจากเราทั้งในและต่างประเทศ ปัจจุบันมี Backlog ค้างอยู่ 16 คัน คิดเป็นมูลค่าประมาณ 187 ล้านบาท ซึ่งทางโรงงานจะต้องเร่งประกอบและส่งมอบให้ได้ภายในปีนี้

ธุรกิจการบินเห็นสัญญาณการฟื้นตัวที่ชัดเจนมาก จากปัจจัยหนุนคือเรื่องของการทำมาตรการฟรีวีซ่าที่รัฐบาลออกมา และเรื่องของการเปิดให้บริการ Runway ที่ 3 ของสนามบินสุวรรณภูมิ อีกปัจจัยหนึ่งที่เราเชื่อมั่นเป็นอย่างยิ่งว่าเป็นปัจจัยหนุนและกำลังหนุนอย่างต่อเนื่องในปีนี้ คือการเพิ่มขึ้นของจำนวนอากาศยานใน Fleet ของสายการบินที่เป็น Homebase ในประเทศไทยและใช้ Homebase หลักอยู่ที่สนามบินสุวรรณภูมิและดอนเมือง คือทั้งการบินไทย Thai AirAsia Bangkok Airways Thai Lion Air Thai Vietjet และ Nok Air จากตัวเลขที่ปรากฏ ปีที่แล้วมีจำนวนอากาศยานเพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า 9% ไปอยู่ที่ 231 ลำ ในปีนี้จากข้อมูลที่ได้รับแจ้งมาจะเพิ่มขึ้นไปอีกอย่างน้อยๆ ประมาณ 19% ไปอยู่ที่ 275-279 ลำ ซึ่งแน่นอนว่าพอมีจำนวนอากาศยานเพิ่มขึ้น ปริมาณน้ำมันที่เราให้บริการอยู่ก็คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้นด้วยเช่นเดียวกัน สอดคล้องกับที่หลายสำนักรวมถึง ททท. ออกมาแจ้งเป้าหมายว่าจำนวนนักท่องเที่ยวในปีนี้ตั้งเป้าอยู่ใกล้เคียง 40 ล้านคน ซึ่งใกล้เคียงกับตอนปี 2019 มากเลย เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้าที่ผู้ที่เดินทางเข้ามาในประเทศไทย 36 ล้านคนถึง 11%

ในไตรมาส 4 ปริมาณน้ำมันที่เห็นการฟื้นตัวชัดเจนคือ ปริมาณน้ำมันของเที่ยวบินภายในประเทศที่เห็นตัวเลข 95% คือเทียบกับระดับก่อนการเกิดการแพร่ระบาดของ COVID-19 ส่วนเที่ยวบินระหว่างประเทศตอนนี้เราเห็นอยู่ที่ กลับมาแล้วอยู่ที่ 87% ก็เพิ่มขึ้นทุกๆ ไตรมาสเลย

เราคาดการณ์ต่อเนื่องไปถึงปีนี้ว่า จากอัตราการเติบโตของจำนวนนักท่องเที่ยวและจำนวนอากาศยานที่เข้ามาใน Fleet ของสายการบิน Homebase ในปีนี้เราคาดการณ์อย่าง Conservative ว่าน่าจะมีปริมาณน้ำมันที่เราให้บริการได้ อย่างน้อยๆ ที่ 5,400 ล้านลิตร ก็คือเติบโตขึ้นประมาณ 17% ใน 2 เดือนแรกของปีนี้ คือเดือนมกราคมและกุมภาพันธ์ 2568 เราให้บริการไปแล้วทั้งสิ้น 946 ล้านลิตร คิดเป็นประมาณ 18% ของเป้าหมายทั้งปี

ตลาดที่เป็น Top 5 ของประเทศไทยและสอดคล้องมาในเรื่องของปริมาณน้ำมันที่เราให้บริการ ก็จะเป็นตลาดในเอเชียเป็นหลัก นำโดยจีน ซึ่งมีปริมาณน้ำมันที่เราให้บริการทั้งสิ้นในปีที่แล้ว 915 ล้านลิตร เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้าถึง 52% ตลาดที่สองของเราก็คือตลาดเที่ยวบินภายในประเทศ มีปริมาณน้ำมันที่เราให้บริการไปทั้งสิ้น 655 ล้านลิตร ติดลบจากปีก่อนหน้า 4% อาจจะเป็นผลมาจากเรื่องของภาษีสรรพสามิตที่เรียกเก็บกับเชื้อเพลิงอากาศยานที่ใช้สำหรับเที่ยวบินภายในประเทศ ตลาดที่ 3 คือตลาดของประเทศญี่ปุ่น ซึ่งมีจำนวนปริมาณน้ำมันอยู่ที่ 418 ล้านลิตร เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า 23% ตามไปด้วยเกาหลีใต้ 257 ล้านลิตร เพิ่มขึ้น 7% และสุดท้ายในลำดับ 5 คืออินเดีย ซึ่งมีปริมาณน้ำมันอยู่ที่ 244 ล้านลิตร เพิ่มขึ้น 19%

กราฟสีแดงคือเป็นระดับของการเปรียบเทียบกับการให้บริการในช่วงก่อนการเกิดการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 จะเห็นว่าในช่วงต้นปี จีนฟื้นตัวช้ากว่าตลาดอื่นๆ ต้นปีที่ผ่านมาอยู่ที่ 67% แต่พอแต่ละเดือนๆ ก็ค่อยๆ เพิ่มขึ้นไปเรื่อยๆ แม้ธุรกิจการบินจะเป็นลักษณะเป็นแบบตามฤดูกาลเป็น Seasonal มีขึ้นมีลง ช่วงหน้าฝนอาจจะลดลงบ้าง ช่วงหน้าร้อนอาจจะเพิ่มขึ้นบ้าง แต่ในช่วงปลายปีจะเห็นเลยว่าปรับขึ้นมาอยู่ที่ระดับประมาณ 80% ของระดับก่อนการเกิด COVID-19 เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา ตลาดจีนเพิ่มขึ้นเป็น 89% แล้ว ก็ถือว่าเป็นสัญญาณบวกอย่างมาก

ปีที่แล้วเรามีการขนส่งน้ำมันทุกประเภท ทั้งน้ำมันเบนซิน แก๊สโซลีน ดีเซล ผ่านระบบท่อของเราขึ้นภาคเหนือสูงถึง 1,226 ล้านลิตร เพิ่มขึ้น 46% ถ้าเทียบกับปีก่อนหน้า และสูงกว่าเป้าหมายที่ฝ่ายบริหารตั้งไว้ที่ 1,100 ล้านลิตร ทำให้เราสามารถ Capture ส่วนแบ่งตลาดของการขนส่งน้ำมันขึ้นภาคเหนือได้ถึง 36% ในปีนี้เราเชื่อมั่นค่อนข้างมั่นใจว่าเราน่าจะสามารถขนส่งน้ำมันขึ้นภาคเหนือได้อย่างน้อยๆ 1,290 ล้านลิตร ก็เพิ่มขึ้นพอประมาณ พยายามจะ Conservative ในช่วงเป้าหมาย แต่ตอนนี้ถ้าท่านนักลงทุนลองดูตัวเลข 2 เดือนแรกของปี มกราคมและกุมภาพันธ์ เรามีการขนส่งน้ำมันผ่านระบบท่อของไปแล้ว 235 ล้านลิตร คิดเป็น 18% ของเป้าหมายทั้งปี ในไตรมาส 4 เรามีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นจากไตรมาส 3 เนี่ย 5% แต่ถ้าเทียบกับปีก่อนหน้าเติบโตขึ้นถึง 30% เป็นการให้บริการอยู่ที่คลังน้ำมันพิจิตร 217 ล้านลิตร และเป็นการให้บริการที่คลังน้ำมันนครลำปาง 114 ล้านลิตร

สรุปผลการดำเนินงานทางการเงิน

คุณศักดิ์สนิท ตรีสอาดใจ กล่าวว่าบาร์ฟกรุ๊ปฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งในไตรมาสที่ 4 และทั้งปี รายได้ยังเติบโตขึ้น Q on Q 12% มาอยู่ที่ 955 ล้านบาท และทั้งปีเติบโตถึง 14% มาอยู่ที่ 3,507 ล้านบาท รายได้ส่วนใหญ่ 80% ยังคงมาจากกลุ่มธุรกิจ Aviation ซึ่งฟื้นตัวต่อเนื่องชัดเจน 13% มาจากขนส่งน้ำมันทางท่อ ซึ่งปริมาณน้ำมันขึ้นภาคเหนือของเรายังคงทำจุดสูงสุดอย่างต่อเนื่องมาจนถึงปีที่แล้ว และคาดว่าจะเป็นปีนี้ด้วยซ้ำ

EBITDA ในไตรมาสที่ 4 ของเรายังเติบโตขึ้น 1% Q on Q มาอยู่ที่ 401 ล้านบาท และทั้งปีเติบโตถึง 17% มาอยู่ที่ 1,651 ล้านบาท EBITDA Margin ของเราก็ขยายตัวขึ้นประมาณ 1% มาอยู่ที่ 47% เนื่องจากรายได้ที่เติบโตขึ้นและยังสามารถควบคุมค่าใช้จ่ายได้ดีอยู่

กำไรสุทธิที่มาจากการดำเนินงาน ในกรณีที่ไม่ได้รวมรายได้พิเศษ เราจะมีกำไรถึง 41 ล้านบาท ซึ่งก็ยังเติบโตขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 3 อย่างไรก็ดีในไตรมาสที่ 4 เรามีรายการพิเศษเนื่องจากเป็นผลมาจากในเชิงบัญชี 2 รายการด้วยกัน คือการตั้งด้อยค่าความนิยมของเงินลงทุนในโรงไฟฟ้าประมาณ 40 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลมาจากอายุโรงไฟฟ้าที่ลดลง และตัว Adder ของเราที่หมดอายุไปด้วย และส่วนที่ 2 ก็จะเป็นในเรื่องของการตัดจำหน่ายผลประโยชน์ทางภาษีที่เราคาดว่าจะไม่ได้ใช้ของ BPT ประมาณ 34 ล้านบาท สองส่วนรวมกันอยู่ที่ 74 ล้านบาท ซึ่งรายการพิเศษในปีนี้ก็ยังน้อยกว่าปีก่อนหน้าที่เราได้มีการบันทึกเอาไว้

ทั้งปีของเรามีกำไรสุทธิอยู่ที่ 103 ล้านบาท แต่หากไม่รวมรายการพิเศษเราจะมีกำไรสุทธิถึง 193 ล้านบาทเลยทีเดียว

ในกลุ่มธุรกิจ Aviation ของเรายังคงฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องตามภาคการท่องเที่ยว และการเพิ่มขึ้นของจำนวนเครื่องบิน EBITDA ของเราก็ฟื้นตัวถึง 23% มาอยู่ที่ 1,396 ล้านบาท EBITDA Margin ของเราก็เติบโตขึ้นเช่นเดียวกันจาก 47% มาเป็น 49% ในส่วนของธุรกิจขนส่งน้ำมันทางท่อ EBITDA ฟื้นตัวเกือบเท่าตัวหนึ่งมาอยู่ที่ 129 ล้านบาท และ EBITDA Margin ขยายตัวเป็นอย่างมากจาก 21% มาเป็น 29%

ในส่วนของธุรกิจการขนส่งน้ำมันทางท่อนะครับ เราก็คาดหวังว่าการเชื่อมท่อของเราจะสามารถ COD ได้ภายในปี 2569 ซึ่งหากเชื่อมท่อได้แล้วก็จะทำให้รายได้และกำไรของเราเติบโตอย่างก้าวกระโดด จากที่เราไปสำรวจมานะครับ ธุรกิจขนส่งน้ำมันทางท่อนะฮะ ในช่วงที่เติบโตเต็มที่นะครับ เป็น Maturity growth เนี่ยนะครับ จะมี EBITDA Margin ถึง 70-75% เลยทีเดียวนะครับ ซึ่งหมายความว่าหลังเชื่อมท่อของเราสำเร็จนะครับและ COD ได้เนี่ย เราคาดหวัง EBITDA Margin อยู่ ถึง 70% เลยทีเดียวนะครับ

ในส่วนของธุรกิจพลังงานนะครับ ก็ ตัว EBITDA ของเราเนี่ยลดลงไปประมาณ 27% นะครับ มาอยู่ที่ 164 ล้านบาท EBITDA Margin ของเราก็หดตัวเล็กน้อยนะครับ มาอยู่ที่ 61% ก็แต่ก็ยังถือใน ถือว่าอยู่ในระดับที่สูงอยู่นะครับ สาเหตุหลักๆ เลยก็คือเนื่องจากมีโรงไฟฟ้าที่อยู่ในระบบ Adder ของเราเนี่ยหมดอายุนนะครับ ก็เลย นะหมดๆๆ หมด Adder ลงนะครับ ก็เลยทำให้ อ่ารายได้ในส่วนของ Adder เนี่ยหายไปนะครับ ก็เลยทำให้ อ่า EBITDA ของเราเนี่ยลดลงครับ

ในเชิงของต้นทุนนะฮะ ต้นทุนที่เรา อ่า ควบคุมได้นะครับ ยังสามารถ อ่าบริหารได้อย่างมีประสิทธิภาพนะครับ อ่า ต้นทุนบางตัวเนี่ยครับ ลดลงด้วยซ้ำนะครับ อย่างเช่นต้นทุนทางการเงินนะฮะ เรา ของเราลดลงไปถึง อ่า ประมาณ อ่า 2% นะครับ 4% นะฮะ ในส่วนของค่าเสื่อมราคาก็ลดลงเช่นเดียวกันนะครับ ลดลงถึง 2% เลยทีเดียวนะครับ จะมี อ่า ต้นทุนบางตัวที่เพิ่มขึ้นนะฮะ อ่า อยู่ประมาณ 2 ตัวนะครับก็คืออ่า ต้นทุน อ่า อ่าค่าพนักงานนะครับ แล้วก็ต้นทุนอื่นๆ แต่เพิ่มขึ้นเพียง เพียง 5-6% เท่านั้นเองนะครับ ซึ่งพูดง่ายๆ คือว่าต้นทุนของเราเนี่ยยังควบคุม สามารถควบคุมต้นทุนได้ ได้ดี ค่อนข้างดีอยู่นะครับ ส่งผลให้ต้นทุนรวมของเราเนี่ยเติบโตเพียงแค่ 3% เท่านั้นนะฮะ

งบการเงินของเรายัง แข็งแกร่ง ขึ้นนะฮะ อ่า หนี้ ภาระหนี้สินของเราลดลงนะครับ อัตราส่วนภาระหนี้สินต่อทุนของเราก็ลดลงเช่นเดียวกันนะฮะ เนื่องจา กว่าเราก็เนื่องจากผลประกอบการของเราดีขึ้นนะฮะ มีกระแสเงินสดจากการดำเนินงานดีมากขึ้นนะฮะ เราก็นำเงินสดกระแส อ่ากระแสเงินสดจากการดำเนินงานเนี่ยนะฮะไปอ่าชำระเร่งชำระคืนอ่าเงินต้นของ ของของราวนะฮะก็ส่งผลให้ต้นทุนทางการเงินของเราลดลงไปด้วยนะครับ ในส่วนของงบลงทุนเองเนี่ยเราก็มีการจำกัดงบลงทุนลงนะฮะจากที่เราได้ตั้งเป้าหมายเอาไว้นะฮะบางส่วนก็ชะลอตัวออกมาด้วยในอ่ามาๆ มาในปีนี้นะครับ ก็ส่งผลให้งบการเงินของเราเนี่ยแข็งแรงขึ้นนะฮะ ในส่วนของสภาพคล่องทางการเงินของเราก็ยังแข็งแรงอยู่นะครับ อ่าทั้งบาร์ฟกรุ๊ปเองเนี่ยมีกระแสเงินสดแล้วก็วงเงินที่เรายังไม่ได้ใช้กับทางธนาคารเนี่ยอยู่ถึง 765 ล้านบาทเลยทีเดียวครับ

ก็จะเป็นผลประกอบการเชิงการเงินนะครับของไตรมาสที่ 4 แล้วก็ทั้งปี ปีที่แล้วครับ

อัพเดทเพิ่มเติมและตอบคำถาม

อัปเดตเพิ่มเติม: บาฟมีความมุ่งมั่นในการตอบโจทย์การเติบโตอย่างยั่งยืนของอุตสาหกรรมการบิน โดยให้ความสำคัญกับ Sustainable Aviation Fuel (SAF) และได้จัดตั้งคณะทำงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและเอกชน เพื่อสนับสนุนการใช้ SAF ให้เป็นรูปธรรมมากขึ้น และรองรับกรอบกติการะหว่างประเทศของ ICAO ที่กำหนดให้สายการบินทั่วโลกที่เป็นสมาชิกต้องใช้ SAF อย่างน้อย 5% ของปริมาณน้ำมันทั้งหมดภายในปี 2573 บาฟ ในฐานะ Logistic Provider มีหน้าที่รองรับในส่วน Supply Chain นี้ โดยไม่ได้มีหน้าที่ในการขายน้ำมัน แต่ให้บริการแบบ Logistics เหมือนผลิตภัณฑ์เป็นของผู้ค้าน้ำมัน เราทำหน้าที่รับจ้างขนส่ง จัดเก็บ ตรวจสอบคุณภาพ และเติมให้ ทำเรื่อง Contract Management ให้กับบริษัทน้ำมันที่ทำสัญญาซื้อขายน้ำมันกับสายการบิน

ในรอบปีที่ผ่านมามีการให้บริการเที่ยวบินปฐมฤกษ์ที่ใช้น้ำมันเชื้อเพลิง SAF มากมาย เช่น ที่สนามบินสมุย โดยกลุ่ม Bangkok Airways ก็มีการเอาเชื้อเพลิง SAF ไปลองทดลองเติมแล้ว และบาฟได้รับการรับรองโดยองค์กร ISCC ซึ่งเป็นมาตรฐานสากลที่ยอมรับในอุตสาหกรรมการบินในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการรับรองความยั่งยืน บาฟได้รับการรับรองในขอบเขตของ Logistic Center ทั้งสถานีจัดเก็บ สถานีเติมที่ดอนเมืองและสุวรรณภูมิ เพื่อรองรับการใช้ SAF ให้เป็นพลังงานทางเลือกที่สามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนได้สูงสุด 80% ตลอด Lifecycle ของการผลิตเชื้อเพลิง

คณะกรรมการบริษัทมีมติเสนอให้ผู้ถือหุ้นอนุมัติการจ่ายเงินปันผลอย่างต่อเนื่องมา 2 ปีแล้ว ในปีนี้ก็มีมติอนุมัติที่ 30 สตางค์ เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า 36% โดยจ่ายไปแล้ว 10 สตางค์ เหลือจ่ายอีก 20 สตางค์ ซึ่งจะจ่ายในวันที่ 22 พฤษภาคม 2568 คิด Dividend Payout อยู่ที่ 22%

สำหรับแผนการขายหุ้นกู้ เนื่องจากงบลงทุนของเราปีนี้ทั้งปีจะอยู่ที่ประมาณ 1,000 ล้านบาท เราก็มีแผนในเรื่องของการระดมทุนในหลากหลายช่องทางด้วยกัน ทั้งเรื่องของการกู้แบงก์ กู้ธนาคาร หนึ่งในนั้นอีกส่วนหนึ่งก็คือจะเป็นในเรื่องของการออกหุ้นกู้นะครับ ซึ่งเราก็มีแผนนะครับ ที่จะ อ่า ออกหุ้นกู้ในปีนี้เช่นเดียวกันนะครับ ซึ่งอ่า เราคาดการณ์ว่าก็อ่าเดี๋ยวนักลงทุน อาจจะฝาก นักลงทุนติดตามด้วยแล้วกันนะครับ อ่าว่าอ่าเราอ่า จะมีการเสนอขายหุ้นกู้นะฮะ อ่าจำนวนเงินประมาณ 1,000 ล้านบาทนะฮะ อ่าก็คาดว่าจะยื่น นะฮะ อ่ากับทางเพื่ออ่ายื่น filing นะครับประมาณอ่าอ่าภายในอ่าต้นไตรมาสที่ 2 นะครับประมาณเมษายนนะครับ แล้วก็จะเสนอขายนะครับ อยู่ในช่วงประมาณอ่าเดือนๆ เดือนพฤษภาคมนะครับ อันนี้ก็จะมาเสริมสภาพคล่องของเราให้แข็งแรงมากขึ้นนะฮะแล้วก็อ่าลดภาระหนี้ของเราบางส่วนนะครับ รวมถึงบางส่วนเนี่ยก็นำไปใช้ลงทุนของบริษัทนะครับ อย่างไรก็ดีนะครับ อ่าเราก็มีการบริหารจัดการในเรื่องของตัวอ่าอัตราส่วนหนี้สินต่อทุนเช่นเดียวกันนะฮะว่าเอิ่ม ไม่ให้เพิ่มขึ้นไปมากนะครับเพราะว่าเราก็มีแผนในเรื่องของการอ่าจ่ายคืนอ่าหนี้เงินกู้นะครับตามตารางเวลาที่เราได้ให้กับทางธนาคารเอาไว้ครับ

บริษัทมีแผนแตกไลน์ธุรกิจ หรือซื้อกิจการ หรือไม่นะครับ หากมีเป็นธุรกิจอะไร ก็เรียนตรงๆ ครับว่ากลุ่มบริษัทเรานะฮะมีการ Structure เป็นกลุ่มธุรกิจ 3 กลุ่มนะครับ กลุ่มการบินอ่ากลุ่มสาธารณูปโภคและพลังงานแล้วก็กลุ่มบริการภาคธุรกิจ

ดังนั้นเนี่ยเราไม่ได้มีแผนที่จะไปแตกไลน์ธุรกิจอะไรเพิ่มเติมนะครับอ่าขอให้ปีนี้เป็นปีที่ฝ่ายบริหารและตัวกระผมเองเนี่ยอ่ามีอ่ามีความมุ่งมั่นนะฮะ มีสมาธิในการดูแลทั้ง 3 กลุ่มให้มีผลตอบแทนที่มั่นคงนะครับ แล้วก็มีการเติบโตอย่างยั่งยืนนะครับอ่าส่วนแผนการซื้อกิจการอ่าหรือไม่ อย่างไรนี้ยังตอบไม่ได้นะครับ

ธุรกิจไฟฟ้าปีนี้จะมีกำลังการผลิตเพิ่มอีกหรือไม่อย่างไร ครับก็เรียนไปแล้วนะครับว่าปีนี้เราตั้งเป้าว่าจะมีการโครงการ อ่า พลังงานหมุนเวียนนะครับโดยเฉพาะอย่างยิ่ง อ่า ที่เป็นระบบ อ่า Solar Roof top อ่า ที่เป็นสัญญาซื้อขายไฟโดยตรง หรือ Private PPA กับลูกค้าองค์กรเนี่ย น่าจะ COD ได้นะครับ อ่า เพิ่มขึ้นทำให้กำลังการผลิตไฟฟ้าของเราเพิ่มขึ้น 4% นะครับ อ่า รายได้ของ อ่าบริษัทลูกของเราชื่อว่า BAFS Clean Energy ในปีนี้ ก็คาดการณ์ว่าน่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้นประมาณ 17% นะครับ อ่า ไปอยู่ที่ อ่า ประมาณ 317 ล้านบาทครับ จากที่เราบันทึกรายได้อยู่ในปีนี้อยู่ประมาณ 270 ล้านนะครับ

บริษัท บาฟ อินเทค ซึ่งเป็น บริษัทซึ่งทำหน้าที่ในการประกอบรถ และอุปกรณ์เติมน้ำมันอากาศยานเนี่ย มีคำถามเข้ามาว่าปีนี้จะมีคำสั่งซื้อใหม่เข้ามาเท่าไหร่นะครับจากปัจจุบัน Backlog 16 คันนะครับอ่า ต้องๆ เรียนว่าในปัจจุบันนะครับ เรามี Back Backlog เนี่ยทั้ง อ่าบริษัทที่เป็นผู้ให้บริการอยู่ในประเทศกัมพูชานะครับ แล้วก็ Backlog ที่เป็นผู้ให้บริการ อ่าในประเทศไทยซึ่งไม่ใช่บาฟนะฮะ จริงๆ ก็เอ่ยชื่อได้คือ OR นะครับอ่าแล้วก็อ่ารวมถึงรถที่ใช้ในกิจการของบาฟเนี่ยทั้งหมดตอนนี้ปัจจุบัน 16 คันนะครับอยู่ระหว่างการอ่ารออ่าผลการเจรจาที่จะปิดการขายนะครับของผู้ให้บริการในภูมิภาคเพิ่มเติมนะครับก็คาดการณ์นะครับว่าน่าจะมีคำสั่งซื้อใหม่เนี่ยอ่า 17 คันนะครับอ่า เป็นธุรกิจที่ผมคิดว่าเป็นโอกาสค่อนข้างดีนะครับของกลุ่มบริษัทเราเนื่องจากเราสะสมความรู้ความเชี่ยวชาญทางเทคนิคมาเนี่ย 40 ปีนะครับ เรารู้ดีว่าอุปกรณ์แบบไหนรถแบบไหนที่อ่าเหมาะสมต่อสรีระของคนเอเชียนะครับ แล้วเราสามารถประกอบรถที่มีคุณภาพสูงในราคาที่เข้าถึงได้นะครับ ถ้าเปรียบเทียบกับคู่แข่งที่อยู่ในตลาดด้วยกันเนี่ยจะเป็นคู่แข่งฝั่งค่ายยุโรปก็ดีค่ายอเมริกันก็ดีหรือว่าค่ายฝั่งออสเตรเลียก็ดีเนี่ยอ่าผลิตภัณฑ์จาก Bafs Intech สามารถ อ่า แข่งขันได้ทั้งนั้นนะครับอ่า ในปีนี้เองนะครับ เราก็มีโครงการที่เราทำร่วมกับทาง อ่ากองทัพบกอยู่นะครับ ในเรื่องของการปรับปรุงอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับระบบเติมน้ำมันอากาศยานของกองทัพนะครับ ก็พร้อมที่จะทำให้เราสามารถเข้าไปสนับสนุนนะครับ กิจกรรมของทาง อ่ากองทัพนะครับ ไม่ว่าจะเป็นกองทัพบกหรือว่ากองทัพอากาศหรือหน่วยงานราชการต่างๆ ครับ

โดยสรุป ในปีนี้เป็นอีกปีหนึ่งที่ บาฟมีมุมมองเชิงบวกว่าธุรกิจของบริษัทจะฟื้นตัวจากภาวะวิกฤตที่หนักหนาที่สุดเท่าที่เคยเจอมาตลอดประวัติการการก่อตั้งของบริษัท และน่าจะมีข่าวดีอีกพอสมควรให้กับท่านนักลงทุนและผู้ถือหุ้นทุกท่าน ปีนี้น้ำมันอากาศยานเติบโตต่อเนื่อง และถึงแม้ปัจจัยภายนอกจะเป็นอย่างไร การเดินทางโดยอากาศยานยังต้องใช้เชื้อเพลิงที่บาฟเป็นผู้ให้บริการอยู่ในสนามบินหลักของประเทศ การขนส่งน้ำมันก็เป็นธุรกิจที่เห็นชัดเจนว่ามีการเติบโตขึ้นเยอะมาก เพราะเมื่อคำนวณดูแล้ว การขนส่งด้วยระบบท่อเป็นโหมดที่ประหยัดที่สุด และธุรกิจพลังงานหมุนเวียนก็ยังคงเติบโตต่อเนื่องเช่นกัน

ช่วงถาม-ตอบ (Q&A Session) เริ่มต้น นาทีที่ 32:48

  • แนวโน้มรายได้และการเติบโตในปี 2568
  • แผนการลงทุนและการประมาณการลงทุนของกลุ่มบริษัทในปีนี้
  • การประเมินราคาขายน้ำมันอากาศยานในปีนี้
  • ปริมาณการขายน้ำมัน SAF ในปีนี้
  • แผนการขายหุ้นกู้
  • แผนการแตกไลน์ธุรกิจหรือซื้อกิจการ
  • กำลังการผลิตไฟฟ้าจากธุรกิจไฟฟ้าในปีนี้

    ขอบพระคุณท่านนักวิเคราะห์ ท่านนักลงทุน และท่านผู้ชมจากทางบ้าน ที่กรุณาเข้ามาชมการแถลงข่าวประจำไตรมาส 4 ของปี 2567 ของเราในวันนี้นะครับ สำหรับตัวผมเอง และคุณจักร พร้อมด้วยทีมงานของทาง BAFS Group นะครับ ก็ขอลาไปก่อน สวัสดีครับ ขอบคุณครับ

    ```