สรุปงบล่าสุด BAFS

บริษัท บริการเชื้อเพลิงการบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน)
สรุปงบการเงิน
ไตรมาสที่ 4 ปี 2567
สรุปสั้น
ยังไม่มีรายละเอียด อยู่ระหว่างการจัดทำข้อมูล
สรุปด้วย AI(O) BOT
## บทสรุปผลประกอบการและวิเคราะห์หุ้น BAFS (บริษัท บริการเชื้อเพลิงการบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน)) ฉบับรวม (อัพเดทล่าสุด)
**ภาพรวมผลการดำเนินงานปี 2567 และพัฒนาการสำคัญ**
ในปี 2567 BAFS ประสบความสำเร็จในการฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งจากการท่องเที่ยวที่กลับมาคึกคัก โดยมีปริมาณการเติมน้ํามันอากาศยาน 5,047 ล้านลิตร เพิ่มขึ้น 17% จากปีก่อนหน้า ซึ่งเกินเป้าหมายที่ตั้งไว้ที่ 5,000 ล้านลิตร และคิดเป็น 82% ของระดับก่อนโควิด-19 ปัจจัยสนับสนุนหลักมาจากการเปิดใช้งานรันเวย์ 3 ที่สนามบินสุวรรณภูมิ และมาตรการฟรีวีซ่า ส่งผลให้จำนวนเที่ยวบิน โดยเฉพาะจากประเทศจีน เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ นอกจากนี้ ธุรกิจขนส่งน้ํามันทางท่อภาคเหนือเติบโตอย่างโดดเด่น โดยมีปริมาณขนส่ง 1,226 ล้านลิตร เพิ่มขึ้น 46% จากปีก่อนหน้า และประสบความสำเร็จในการขยายโครงข่ายท่อขนส่งน้ํามันสายเหนือระยะที่ 3 (อ่างทอง-สระบุรี) ซึ่งจะเชื่อมต่อกับระบบท่อส่งของ Thappline ในปี 2569 อีกทั้ง BAFS ยังคงมุ่งมั่นในการค้นหาและลงทุนในโอกาสใหม่ ๆ เพื่อเสริมสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน ในปี 2567 กลุ่มบริษัทพลิกฟื้นมีกำไรสุทธิเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เกิดการแพร่ระบาดของ COVID-19 อยู่ที่ 102.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 175% จากปีก่อน และมีรายได้รวม 3,507.0 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14% จากปีก่อนหน้า
โดยรายได้หลักมาจากกลุ่มธุรกิจ Aviation Fuel Service (AVS) ที่มีรายได้ 2,841.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18% จากปีก่อนหน้า ตามปริมาณการเติมน้ํามันอากาศยานและจำนวนเที่ยวบินที่เพิ่มขึ้น ทั้งที่สนามบินดอนเมืองและสุวรรณภูมิ นอกจากนี้ยังมีรายได้จากการขายรถเติมน้ํามันอากาศยานให้แก่ลูกค้าทั้งในและต่างประเทศ EBITDA Margin ของกลุ่มธุรกิจนี้อยู่ที่ 49% เพิ่มขึ้นจาก 47% ในปี 2566
กลุ่มธุรกิจ Pipeline Transportation (PT) มีรายได้ 443.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 19% จากปีก่อนหน้า ตามปริมาณขนส่งน้ํามันรวมทุกผลิตภัณฑ์ของโครงการระบบท่อส่งน้ํามันภาคเหนือ (TPN) ที่เติบโตขึ้น 46% EBITDA Margin ของกลุ่มธุรกิจนี้อยู่ที่ 29% เพิ่มขึ้นจาก 21% ในปี 2566
กลุ่มธุรกิจ Utilities (Power) มีรายได้ 270.6 ล้านบาท ลดลง 30% จากปีก่อนหน้า เนื่องจากสัญญาเงินอุดหนุนส่วนเพิ่มราคารับซื้อไฟฟ้า (Adder) ของบริษัทย่อยสองแห่งได้สิ้นสุดลง รวมถึงไม่มีรายได้จากการขาย Solar Rooftop ให้แก่บริษัทในเครือเหมือนกับปีก่อน EBITDA Margin ของกลุ่มธุรกิจนี้อยู่ที่ 61% ลดลงจาก 67% ในปี 2566
**แผนธุรกิจและกลยุทธ์ในอนาคต**
สำหรับปี 2568 BAFS คาดการณ์ว่าธุรกิจการบินจะเติบโตต่อเนื่องตามการเพิ่มขึ้นของนักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยตั้งเป้าหมายปริมาณการเติมน้ํามันอากาศยานที่ 5,400 ล้านลิตร เติบโต 8% จากปี 2567 ปัจจัยสนับสนุนหลัก ได้แก่ การเพิ่มขึ้นของเที่ยวบินระหว่างประเทศและการเปิดใช้งานรันเวย์ที่ 3 ของสนามบินสุวรรณภูมิเต็มปี นอกจากนี้ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ตั้งเป้าหมายนักท่องเที่ยวต่างชาติในปี 2568 ไว้ที่ 40 ล้านคน ซึ่งเป็นปัจจัยบวกต่อ BAFS อย่างไรก็ตาม กลุ่มบริษัทยังคงต้องติดตามปัจจัยเสี่ยงจากสถานการณ์ความขัดแย้งด้านภูมิรัฐศาสตร์อย่างใกล้ชิด สำหรับธุรกิจขนส่งน้ํามันทางท่อ คาดว่าปริมาณการส่งน้ํามันจะเติบโตขึ้น 5% จากปีก่อน มาอยู่ที่ระดับ 1,290 ล้านลิตร ในปี 2568 นอกจากนี้ BAFS ยังมีรายได้เพิ่มเติมจากการขายรถเติมน้ํามันอากาศยานของ BAFS Intech ซึ่งเริ่มส่งมอบให้แก่ลูกค้าทั้งในและต่างประเทศ และยังคงเดินหน้าสรรหาโอกาสในการลงทุนด้านพลังงานหมุนเวียนอย่างต่อเนื่อง
**โอกาสในการลงทุนและการวิเคราะห์เชิงพรรณา**
จากข้อมูลที่กล่าวมา BAFS แสดงให้เห็นถึงการฟื้นตัวที่แข็งแกร่งและมีศักยภาพในการเติบโตต่อเนื่องในระยะยาว การกลับมาของอุตสาหกรรมการบินและการท่องเที่ยวเป็นปัจจัยบวกที่สำคัญต่อธุรกิจหลักของบริษัท ประกอบกับการขยายธุรกิจไปยังธุรกิจขนส่งน้ํามันทางท่อและพลังงานหมุนเวียน ทำให้ BAFS มีแหล่งรายได้ที่หลากหลายมากขึ้น
* **โอกาส:** การเติบโตของอุตสาหกรรมการบินและการท่องเที่ยว, การขยายธุรกิจไปยังธุรกิจขนส่งน้ํามันทางท่อและพลังงานหมุนเวียน, การควบคุมต้นทุนและค่าใช้จ่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ, การได้รับมาตรฐาน ISCC-CORSIA ซึ่งแสดงถึงความมุ่งมั่นในการบริหารจัดการด้านความยั่งยืน, การดำเนินธุรกิจตามหลัก ESG
* **ความเสี่ยง:** สถานการณ์ความขัดแย้งด้านภูมิรัฐศาสตร์, ความผันผวนของราคาน้ำมัน, การแข่งขันในอุตสาหกรรมการบิน, การเปลี่ยนแปลงนโยบายของภาครัฐ
**การวิเคราะห์ข้อมูลทางการเงินเพิ่มเติม:**
* **ราคาหุ้น:** ราคาหุ้นเฉลี่ยในช่วงไตรมาสล่าสุด (4Q2567) อยู่ที่ 13.8 บาท ซึ่งลดลงจากช่วงก่อนหน้า สะท้อนถึงความกังวลของนักลงทุนเกี่ยวกับปัจจัยเสี่ยงต่าง ๆ
* **P/E Ratio:** P/E Ratio ล่าสุดอยู่ที่ -100 ซึ่งบ่งชี้ว่าบริษัทมีผลกำไรสุทธิเป็นลบในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม หากพิจารณาถึงแนวโน้มการฟื้นตัวของกำไรในอนาคต P/E Ratio อาจปรับตัวดีขึ้นได้
* **P/BV Ratio:** P/BV Ratio ล่าสุดอยู่ที่ 1.06 ซึ่งแสดงว่าราคาหุ้นปัจจุบันใกล้เคียงกับมูลค่าทางบัญชีของบริษัท
* **Yield:** Yield ล่าสุดอยู่ที่ 2.43% ซึ่งเป็นผลตอบแทนที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุนที่ต้องการรายได้จากเงินปันผล
* **D/E Ratio:** อัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (D/E Ratio) อยู่ที่ 2.29 ซึ่งแสดงว่าบริษัทมีภาระหนี้สินในระดับที่ค่อนข้างสูง นักลงทุนควรพิจารณาความสามารถในการชำระหนี้ของบริษัทอย่างรอบคอบ
* **อัตรากำไรสุทธิ:** อัตรากำไรสุทธิล่าสุดอยู่ที่ 1% ซึ่งปรับตัวดีขึ้นจากปีก่อนหน้า แต่ยังอยู่ในระดับที่ค่อนข้างต่ำ บริษัทควรพยายามเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงานและควบคุมต้นทุนเพื่อเพิ่มอัตรากำไร
* **ลักษณะธุรกิจของบริษัท:** ให้บริการระบบจัดเก็บ และเติมนํ้ามันเชื้อเพลิงอากาศยาน
**สินทรัพย์และหนี้สิน:**
* ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2567 กลุ่มบริษัทมีสินทรัพย์รวม 21,800.5 ล้านบาท ลดลง 4% จากปีก่อนหน้า โดยมีที่ดิน อาคารและอุปกรณ์เป็นสินทรัพย์หลัก
* หนี้สินรวม 15,332.8 ล้านบาท ลดลง 4% จากปีก่อนหน้า โดยมีเงินกู้ยืมระยะยาวจากธนาคารเป็นหนี้สินหลัก อัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยต่อส่วนของผู้ถือหุ้นรวม (Interest-Bearing Debt to Equity Ratio) เท่ากับ 2.0 ต่อ 1 เท่า
* ส่วนของผู้ถือหุ้นรวม 6,467.8 ล้านบาท ลดลง 3% จากปีก่อนหน้า
**กระแสเงินสด:**
* เงินสดสุทธิจากกิจกรรมดำเนินงาน 1,406.7 ล้านบาท
* เงินสดสุทธิจากกิจกรรมลงทุน 190.6 ล้านบาท
* เงินสดสุทธิใช้ไปในกิจกรรมจัดหาเงิน (1,564.4) ล้านบาท
**อัตราส่วนทางการเงินที่สำคัญ:**
* อัตรากำไรขั้นต้น: 42.6% (ปี 2567)
* อัตรากำไร EBITDA: 45.5% (ปี 2567)
* อัตรากำไรสุทธิ: 0.7% (ปี 2567)
* อัตราผลตอบแทนผู้ถือหุ้น (ROE): 1.9% (ปี 2567)
* อัตราผลตอบแทนจากสินทรัพย์ (ROA): 0.5% (ปี 2567)
**ESG:**
BAFS มุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจตามหลัก ESG โดยมีเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอนและการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ มีโครงการด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และการกำกับดูแลกิจการที่ดีอย่างต่อเนื่อง
**โดยสรุป:** BAFS เป็นบริษัทที่มีศักยภาพในการเติบโตในระยะยาว จากการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมการบินและการท่องเที่ยว อย่างไรก็ตาม นักลงทุนควรพิจารณาปัจจัยเสี่ยงต่าง ๆ และวิเคราะห์ข้อมูลทางการเงินของบริษัทอย่างรอบคอบ รวมถึงพิจารณาถึงความมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจตามหลัก ESG ก่อนตัดสินใจลงทุน
(11.71%)
(18.98%)
(6.11%)
(40.70%)
(5.03%)
(18.25%)
(40.59%)
(2.88%)
(288.67%)
(74.79%)
(36.94%)
(6.67%)