AMATA
บริษัท อมตะ คอร์ปอเรชัน จำกัด (มหาชน)

สรุปงบการเงิน
ไตรมาสที่ 4 ปี 2567

สรุป OPPDAY

สรุป Oppday Amata: ผลประกอบการปี 2567 และทิศทางสู่อนาคตที่ยั่งยืน

1. ภาพรวมผลกระทบต่อธุรกิจ (Business Impact Overview):

  • บริษัทมีการเติบโตอย่างมีนัยสำคัญในปี 2567 ด้วยรายได้รวม 14,491 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 54% จากปีก่อนหน้า และกำไรสุทธิ 2,483 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 32%

  • การเติบโตนี้ได้รับแรงหนุนจากการขายที่ดิน (Land sales) ที่เพิ่มขึ้น 87% และการบริการด้านสาธารณูปโภค (Utility services) ที่เพิ่มขึ้น 23%

  • บริษัทมีการโอนที่ดินให้ลูกค้าไปแล้ว 1,912 ไร่ และมี Backlog ที่รอรับรู้เป็นรายได้ถึง 21,203 ล้านบาท

2. โอกาสทางธุรกิจ (Business Opportunities):

  • บริษัทมองเห็นโอกาสในการขยายธุรกิจนิคมอุตสาหกรรมไปยังพื้นที่ใหม่ๆ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในชลบุรีและระยอง

  • บริษัทยังคงมุ่งมั่นที่จะพัฒนาเมืองอัจฉริยะ (Smart City) ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและสร้างการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน

  • บริษัทมีเป้าหมายที่จะลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก 30% ภายในปี 2573 และเป็นเมืองที่มีความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutral) ในปี 2583

3. ความเสี่ยงที่กำลังเผชิญ (Risks and Challenges):

  • บริษัทเผชิญกับความเสี่ยงจากความผันผวนของเศรษฐกิจโลกและการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานและผลประกอบการ

  • บริษัทต้องเผชิญกับการแข่งขันที่รุนแรงในตลาดนิคมอุตสาหกรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากผู้เล่นรายใหม่ๆ ที่เข้ามาในตลาด

  • บริษัทมีความเสี่ยงด้านการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการโครงการและการควบคุมต้นทุน

4. วิธีการแก้ไขปัญหาผลกระทบ (Problem-Solving and Mitigation):

  • บริษัทมีการปรับตัวเพื่อลดผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ เช่น การสร้างอ่างเก็บน้ำและการรีไซเคิลน้ำเสีย

  • บริษัทมีการพัฒนาสินค้าและบริการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและสอดคล้องกับแนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy)

  • บริษัทมีการบริหารจัดการความเสี่ยงอย่างมีประสิทธิภาพ โดยการประเมินความเสี่ยงและกำหนดแผนการรับมือ

5. แนวโน้มและอนาคต (Outlook and Future Trends):

  • บริษัทคาดการณ์ว่าธุรกิจนิคมอุตสาหกรรมจะยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องในอนาคต โดยได้รับแรงหนุนจากการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานและการพัฒนาเทคโนโลยี

  • บริษัทมีวิสัยทัศน์ที่จะเป็นผู้นำในการพัฒนานิคมอุตสาหกรรมอัจฉริยะที่ยั่งยืนและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

  • บริษัทมีแผนการที่จะขยายธุรกิจไปยังตลาดใหม่ๆ และลงทุนในเทคโนโลยีใหม่ๆ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน

6. ช่วงถาม-ตอบ (Q&A Session): เริ่มต้น นาทีที่ 45:15

  • ยอดขายที่ดินปี 2567 มาจากอุตสาหกรรมใดเป็นหลัก

    • อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ รวมถึง Data Center และเซมิคอนดักเตอร์ โดยส่วนใหญ่เป็นลูกค้าชาวจีน
  • ปี 2568 มอง Demand ที่ดินจากกลุ่มลูกค้าใด

    • ยังคงเป็นอิเล็กทรอนิกส์, Data Center และ Automotive ที่ขยายตัวต่อเนื่อง โดยลูกค้าจีนและไต้หวันยังคงเข้ามา
  • Gross Profit Margin ของนิคมลดลงเพราะอะไร

    • ในไทย: ขายและโอนที่ดินในเฟสที่มีต้นทุนสูงขึ้น
    • เวียดนาม: โอนที่ดินให้ลูกค้ารายเดิมที่ราคาเดิม แต่ปัจจุบันมีการปรับราคาขายใหม่แล้ว
  • รายได้ Utility ใน Q4 ลดลงเพราะอะไร

    • เกิดจากพายุที่เวียดนามทำให้ลูกค้าหยุดดำเนินการ แต่ปัจจุบันกลับมาเป็นปกติแล้ว
  • เป้าหมายการขายที่ดินปีนี้ (2568) แบ่งเป็นไทยและเวียดนามเท่าไหร่

    • เวียดนาม: ใกล้เคียงปีก่อน, Long Thanh 20-30 เฮกตาร์, Ha Long 60-70 เฮกตาร์ รวม 100 เฮกตาร์
    • (ไม่ได้กล่าวถึงเป้าหมายในไทย)
  • นโยบายการปรับราคาขายที่ดิน

    • ไทย: ชลบุรีคงราคาเดิม, ระยองมีโอกาสปรับขึ้นเล็กน้อย (ขึ้นไปแล้วไม่ถึง 10%)
    • เวียดนาม: ยังคงราคาเดิม
  • มี LOI (Letter of Intent) ในมือเท่าไหร่

    • ขึ้นอยู่กับสถานะ หากรับมัดจำหรือจ่ายงวดแรกแล้วจะบันทึกเป็น Presales, จีนต้องรอใบอนุญาตลงทุนจากรัฐบาล
    • ข้อมูล ณ สิ้นเดือนกุมภาพันธ์: Presales ในไทยมากกว่า 200 ไร่ (คาดการณ์ Q1 จะต่ำกว่าปีก่อนเล็กน้อย)
    • เวียดนามยังไม่มีดีล, Presales ใกล้เคียงการรับรู้ทางบัญชี (รอการโอนกรรมสิทธิ์ให้ลูกค้า)
  • Pre-sales ปีนี้ตั้งเป้าไว้เท่าไหร่

    • 2,000 ไร่ เป็นเป้าหมาย Conservative และจะประเมินผลงานรายไตรมาสเพื่อปรับเป้าหมายอีกครั้ง
  • งบลงทุนปีนี้เท่าไหร่

    • เน้นซื้อและพัฒนาที่ดิน, คาดการณ์ในไทยประมาณ 7-8 พันล้านบาท (อาจมากกว่าปีก่อนเล็กน้อย) เพื่อรองรับแผนการขาย
  • Gross Profit Margin ควรจะดีขึ้นในไตรมาสใดของปีนี้

    • คาดว่าจะดีขึ้นเมื่อมีการขายที่ดินในชลบุรีมากขึ้น (Margin ดี) และการขายให้ลูกค้ารายใหม่ๆ
  • งบประมาณในการขายที่ดิน(Pre-Land sale)ในปีนี้เป็นเท่าไร

    • 2,000 ไร่ เป็นเป้าหมายอนุรักษ์นิยม
  • ปัจจุบันอยู่ Letter of Intent ที่อยู่ในมือมีที่ดินในไทยและเวียดนามจำนวนเท่าใด

    • ข้อมูล ณ สิ้นเดือนกุมภาพันธ์ มียอดขายแล้ว 200 ไร่ คาดว่ามีจำนวนน้อยกว่าปีที่แล้วเล็กน้อย แต่ไม่กังวลเนื่องจากเป็นช่วงต้นปี
  • ภาพรวมของตลาดเวียดนามตอนนี้เป็นอย่างไร ปรับราคาที่ดินขึ้นไปเท่าไหร่ และราคาขายปัจจุบันเท่าไหร่

    • ยังคงราคาเดิมอยู่ โดยลองเทอมอยู่ที่ 210 เหรียญสหรัฐต่อตารางเมตร และฮาลองอยู่ที่ 110 เหรียญสหรัฐต่อตารางเมตร
  • บริษัทมีแผนในการพึ่งพิงน้ำจากภายในนิคมเท่าไหร่

    • มีแผนที่จะขยายบ่อน้ำ และจะพยายามใช้น้ำของบริษัทให้เป็นหลัก แต่ตอนนี้ยังมีส่วนผสมของภายนอกอยู่บ้าง
  • พื้นที่ที่กำลังพัฒนาเพื่อขายใน Long Thanh และ Ha Long มีเท่าไหร่

    • Long Thanh: พื้นที่โครงการทั้งหมด 410 เฮกตาร์, มีพื้นที่ขาย 220 เฮกตาร์
    • Ha Long: พื้นที่โครงการทั้งหมด 714 เฮกตาร์, มีพื้นที่ขาย 350 เฮกตาร์ (ตัวเลขไม่แน่นอน)
  • แนวโน้มของ Profit sharing ปีนี้จะเป็นอย่างไร

    • หลักๆ มาจากการรับรู้ส่วนของโรงไฟฟ้าในนิคม ตอนนี้ยังไม่มีแนวโน้มที่ชัดเจน แต่จะแจ้งให้ทราบต่อไป
  • Backlog 2.1 หมื่นล้านบาท จะรับรู้ปีนี้เท่าไหร่

    • อย่างน้อย 50%
  • คาดการณ์การโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินปีนี้จะเพิ่มขึ้นเท่าไหร่

    • อย่างน้อย 50% ของ Backlog และอาจมีลูกค้าใหม่ที่มีความพร้อมเข้ามาเพิ่ม
  • นอกจากซื้อที่ดิน มีลงทุนพิเศษอะไรอีกไหม

    • ดูเรื่อง Utility และ Service ต่างๆ และอาจมีหลายโครงการ แต่จะแจ้งให้ทราบเมื่อชัดเจน
  • ภาพรวมปี 2568 รายได้จะเติบโตอย่างไร

    • เติบโตจากการให้บริการต่างๆ และรายได้จากการโอนที่ดิน (ขึ้นอยู่กับปริมาณการโอน)
  • ยอดขายปี 2567 คือจุดสูงสุดแล้วหรือยัง

    • เป็นไปได้ที่จะขายได้มากกว่าปีก่อน แต่ตัวเลขที่แจ้งต่อสาธารณะจะเป็นตัวเลข Realistic และ Conservative และจะประเมินผลงานเป็นระยะๆ

โดยสรุป Amata ประสบความสำเร็จในการเติบโตอย่างแข็งแกร่งในปี 2567 และมีแนวโน้มที่จะเติบโตต่อไปในอนาคต โดยมุ่งเน้นการพัฒนานิคมอุตสาหกรรมอัจฉริยะที่ยั่งยืนและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม