สรุป OPPDAY หุ้น ABM

บริษัท เอเชีย ไบโอแมส จำกัด (มหาชน)
สรุปงบการเงิน
ไตรมาสที่ 4 ปี 2567
สรุป OPPDAY
ABM Oppday: เจาะลึกผลประกอบการปี 2024 และทิศทางธุรกิจพลังงานชีวมวล
สวัสดีค่ะ ยินดีต้อนรับนักลงทุนทุกท่านเข้าสู่งาน Oppday รายงานผลการดำเนินงานประจำปี 2024 ของบริษัท เอเชีย ไบโอแมส จำกัด มหาชน (ABM) โดยมีคุณทิยาดา เมฆพงษ์สธร กรรมการผู้จัดการ และดิฉัน อรมนต์ อดุลยเกษม ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายบัญชีและสารสนเทศ เป็นผู้ให้ข้อมูล
1. ภาพรวมผลกระทบต่อธุรกิจ (Business Impact Overview)
บริษัท เอเชีย ไบโอแมส ดำเนินธุรกิจจัดหาและจัดจำหน่ายเชื้อเพลิงชีวมวล ซึ่งเป็นเชื้อเพลิงสีเขียวที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม 100% ผลิตภัณฑ์หลักของบริษัทมี 5 ประเภท ได้แก่ กะลาปาล์ม ไม้สับ ขี้กบอัดแท่งหรือ Wood Pellets ขี้กบ ขี้เลื่อย และสินค้าใหม่คือเชื้อเพลิงขยะมูลฝอย หรือ RDF (Refuse Derived Fuel) ซึ่งบริษัทจำหน่ายทั้ง RDF 1, 2 และ 3 โดยใช้ในโรงไฟฟ้าขยะ
องค์ประกอบธุรกิจของบริษัทประกอบด้วย ภาคการซื้อมาขายไป (Trading) และบริการด้านโลจิสติกส์ (Logistics Service) โดยมีรถขนส่งของตัวเอง รองรับงานทั้งของบริษัทเอง บริษัทในเครือ และภายนอก นอกจากนี้ยังมีโรงงานผลิต ได้แก่ โรงสับไม้ และโรงสับไม้ยูคาลิปตัสที่เอาไปทำเยื่อกระดาษ
จุดแข็งของ ABM คือประสบการณ์ที่ยาวนานในธุรกิจนี้มากว่า 3 Generations หรือมากกว่า 60 ปี และความแข็งแกร่งด้านโลจิสติกส์และซัพพลายเชนที่มีเครือข่ายพาร์ทเนอร์ขนส่งทางบกและทางน้ำ ทำให้บริษัทสามารถจัดหาและขนส่งเชื้อเพลิงได้ในราคาที่ค่อนข้างถูก เนื่องจากเชื้อเพลิงเป็นสินค้า Bulky ที่ไม่ได้มีมูลค่าสูง การหาค่าขนส่งที่ถูกจึงเป็นปัจจัยสำคัญต่อกำไรของบริษัท นอกจากนี้ ABM ยังมีใบรับรองต่างๆ เช่น FSC COC, Green Industrial และ CSR DIW Continuous มาอย่างต่อเนื่องหลายปี รวมถึงใบ GGL ซึ่งเป็นตัววัด Carbon Footprint ของผู้ใช้
สำหรับปริมาณการขายในปี 2024 อยู่ที่ 832,000 ตัน เพิ่มขึ้นจากปีก่อนประมาณ 25.5% โดยสัดส่วนการขายหลักคือกลุ่มไม้สับ รองลงมาเป็นกะลาปาล์ม และอันดับ 3 คือ RDF ซึ่งเป็นธุรกิจใหม่ที่เข้ามาเพิ่มในปีนี้ สัดส่วนการขายไม้สับเพิ่มขึ้นมากกว่า 30% ในขณะที่สัดส่วนการขายกะลาปาล์มลดลงเล็กน้อยเนื่องจากการแข่งขันด้านราคาที่รุนแรงและการชะลอตัวของสินค้ากะลาปาล์ม
ในส่วนของการส่งออก มีสัดส่วนเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 28% ในปี 2024 จาก 22% ในปีที่แล้ว
รายได้รวมของ ABM อยู่ที่ 2,597 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วประมาณ 8% โดยยอดขายส่งออกเพิ่มขึ้นเป็นหลักมากกว่า 60% ในปี 2024 ซึ่งมาจากการส่งออกสินค้ากะลาปาล์ม ไม้สับ และชีวมวลอัดแท่ง ทั้งทางรถและทางเรือ ในขณะที่ยอดขายในประเทศลดลงประมาณ 200 ล้านบาท ซึ่งสัมพันธ์กับปริมาณการขายกะลาปาล์มที่ลดลง
อัตรากำไรขั้นต้นปีนี้อยู่ที่ 14.3% เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่ 12% เนื่องมาจากการเน้นขายสินค้าที่มีกำไรดีกว่าปีก่อน
EBITDA ปี 2024 อยู่ที่ 46 ล้านบาท หรือ 1.8% ของยอดขาย ซึ่งเป็นผลจากปริมาณการขายที่เพิ่มขึ้น ทำให้อัตรากำไรขั้นต้นดีขึ้น
บริษัทมีผลขาดทุนสุทธิอยู่ที่ 41 ล้านบาท หรือ -2.1% ของยอดขาย แต่ขาดทุนลดลงจากปีก่อน 31% เนื่องจากการโฟกัสสินค้าที่มีกำไรดี แต่ยังคงได้รับผลกระทบจากการแข่งขันด้านราคาตั้งแต่ไตรมาส 1 รวมถึง Fix Cost การลงทุนในเครื่องจักรและการขยายธุรกิจ และการรวมธุรกิจภายใต้การควบคุมเดียวกัน ทำให้มีค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องค่อนข้างสูง
ณ 31 ธันวาคม 2567 ABM มีสินทรัพย์รวมอยู่ที่ 1,604 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อน 9.8% โดยหลักๆ เป็นการลดลงของ Current Asset เนื่องจากการลด Inventory สินค้าคงเหลือถูกขายออกไปในระหว่างปีจำนวนมาก ซึ่งสัมพันธ์กับยอดขายที่เพิ่มขึ้น แต่บริษัทจะลดปริมาณการกักตุนสินค้าให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม ไม่ได้สต็อกไว้เกินความจำเป็น
ในส่วนของ Non-Current Asset เพิ่มขึ้น 7.1% เนื่องมาจากการลงทุนในเครื่องจักรของกลุ่ม RDF และสินทรัพย์สิทธิการใช้เรื่องของอาคารสำนักงาน
หนี้สินรวมลดลงจากปีก่อน เนื่องจากการลด Stock ลง รวมถึงการให้เครดิตกับลูกค้าน้อยลง ทำให้ใช้วงเงินจากสถาบันการเงินน้อยลงและมีการชำระคืนให้อยู่ในสัดส่วนที่เหมาะสม
Current Ratio ปัจจุบันอยู่ที่ 0.78 ลดลงเนื่องจาก Stock ลดลงอย่างมาก แต่เป็นไปตามแผนการลด Stock สินค้าของบริษัท และบริษัทก็ยังคงดำเนินงานในแนวทางการ Trading ซื้อมาขายไป ดังนั้นวงเงินของสินเชื่อจึงยังคงมีการใช้หมุนเวียนอย่างต่อเนื่อง ทำให้สัดส่วนหนี้สินอาจจะไม่ได้ลดลงไปเยอะเท่ากับฝั่งสินค้าที่ลดลงไป
DE Ratio อยู่ที่ 0.85 ลดลงจากปีก่อนค่อนข้างเยอะเนื่องจากมีการเพิ่มทุนในระหว่างปี ซึ่งการเพิ่มทุนตรงนี้ก็คือทำให้เราได้มาซึ่งธุรกิจตัวเชื้อเพลิง และก็ตัวธุรกิจที่เป็นพวกหม้อแปลงไฟฟ้าค่ะ ในช่วงไตรมาส 4 ซึ่งทั้ง 2 ธุรกิจนะคะ ก็สร้างผลกำไรให้กับบริษัทนะคะ
ในส่วนของ ROE และ ROA ค่ะ ยังเป็นติดลบอยู่นะคะ ซึ่งเนื่องมาจากเรามีผลขาดทุนค่ะ แต่ว่าก็เป็นเป็นไปในทิศทางที่ ดีขึ้นค่ะในในเรื่องของ Return จากตัว Asset แล้วก็จากส่วนของ ผู้ถือหุ้นนะคะก็ดีขึ้นจากไตรมาสก่อน ๆ ค่ะ
Cash Cycle ไตรมาส 4 อยู่ที่ 39 วัน ลดลงอย่างมากเมื่อเทียบกับไตรมาส 4 ปีที่แล้วที่อยู่ประมาณ 100 กว่าวัน ก็เนื่องมาจากตัว Inventory ค่ะ ที่เรา ลดลดการ Stock สินค้า เน้นให้มันมีการหมุนเวียนนะคะ ใน ในคลังสินค้า
ช่วยให้เราสามารถใช้บริหาร ในเรื่องของการใช้วงเงินสินเชื่อ ที่มีจำกัดนะคะ ให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นด้วยนะคะ
2. โอกาสทางธุรกิจ (Business Opportunities)
บริษัทมุ่งที่จะเป็น Flagship ของ Renewable Energy โดยมีการ Acquire ตัว RDF เข้ามาด้วย ทำให้พอร์ตของบริษัทเป็น Green Energy ทั้งหมด
ทางด้านไม้ยูคาที่เอาไปทำกระดาษก็เติบโตขึ้นเรื่อยๆ ในปีนี้ บริษัทมุ่งที่จะขยายในส่วนนั้น
3. ความเสี่ยงที่กำลังเผชิญ (Risks and Challenges)
บริษัทจะขยายธุรกิจที่มีกำไร แล้วก็ลดสัดส่วนของธุรกิจที่ไม่มีกำไร ลดการสต็อกของ ทำให้เงินของบริษัทกลับมาเร็วมากขึ้น หมุนเร็วมากขึ้น และเน้นทางด้านการ Lean และ Efficient
4. วิธีการแก้ไขปัญหาผลกระทบ (Problem-Solving and Mitigation)
ABM มองว่าการแข่งขันด้านราคาไม่ยั่งยืน จึงลดสัดส่วนตรงนี้ลง แต่ยังคงสนับสนุนคู่ค้าของบริษัทที่มีความสัมพันธ์ที่ดีอย่างต่อเนื่อง
บริษัทเน้นขายสินค้าที่มีกำไรดีกว่าปีก่อน และคาดหวังว่าปีนี้จะมีกำไรจากการลงทุนใหม่ ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจเชื้อเพลิง หรือ ธุรกิจหม้อแปลงไฟฟ้า โดยเน้นกำไรมากกว่าการแข่งขันด้านราคา
5. แนวโน้มและอนาคต (Outlook and Future Trends)
บริษัทตั้งเป้าที่จะเติบโตอย่างต่อเนื่องในปี 2568 ทั้งในกลุ่มของไม้และ RDF รวมถึงสินค้าชีวมวลดั้งเดิม เช่น กะลาปาล์ม และ Wood Pellets โดยยังคงมีออเดอร์ต่อเนื่อง แม้ยอดขายอาจจะใกล้เคียงกับปีปัจจุบันเนื่องจากสินค้าที่เน้นขายอาจจะมีราคาต่ำกว่า แต่มีกำไรที่ดีกว่า ดังนั้นจึงต้องเพิ่มปริมาณการขายเพื่อให้ได้รายได้ตามเป้าหมาย
Demand ของพลังงานสีเขียว Biomass โตขึ้นเรื่อยๆ ตาม Global Demand แต่สัดส่วนกำไรลดลงเนื่องจากผู้เล่นเข้ามาในตลาดมากขึ้น ทำให้เกิดการ Dump ราคา และ Price War ดังนั้นบริษัทจึงต้องขายสินค้าที่มีกำไรมากขึ้น แม้ว่าราคาต่อหน่วยจะน้อยลง
รายได้ในปี 2568 น่าจะเติบโตใกล้เคียงกับปีที่แล้ว โดยมี Sale Mix ที่เปลี่ยนไป ไม้สับมีสัดส่วนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่กะลาปาล์มอาจจะมีสัดส่วนลดลง และ RDF มีการเติบโตที่สูงและมี Market Share ที่สามารถเข้าไปได้อีกมาก
บริษัทคาดการณ์ว่าปีนี้จะมีกำไร เนื่องมาจากการลงทุนใหม่ในธุรกิจเชื้อเพลิงและหม้อแปลงไฟฟ้า ซึ่งเป็นธุรกิจที่มีกำไรค่อนข้างดี และบริษัทเน้นกำไรในธุรกิจเชื้อเพลิงชีวมวลดั้งเดิม โดยไม่เน้นแข่งขันด้านราคา
6. ช่วงถาม-ตอบ (Q&A Session): [เริ่ม Q&A นาทีที่ 34:43]
แนวโน้มการเติบโตในไตรมาส 1 ปี 2568
ในภาพรวมของการตั้งเป้าหมายปี 2568 คาดว่าการเติบโตจะต่อเนื่องในกลุ่มไม้และ RDF รวมถึงสินค้าชีวมวลดั้งเดิมอย่างกะลาปาล์มและ Wood Pellets ที่ยังมีออเดอร์ต่อเนื่อง หากเทียบยอดขายกับไตรมาส 1 ของปีก่อน น่าจะมีการเพิ่มขึ้น โดยรวมแล้วอาจใกล้เคียงกับปีปัจจุบันเนื่องจากเน้นสินค้าที่มีราคาต่ำแต่มีกำไร ทำให้ต้องเพิ่มปริมาณขายเพื่อให้ได้ตามเป้า
แนวโน้มรายได้และกำไรปี 2568
คาดว่ารายได้จะเติบโตใกล้เคียงกับปีก่อน โดยมี Sale Mix ที่เปลี่ยนไป ไม้สับมีสัดส่วนเพิ่มขึ้น กะลาปาล์มอาจลดลง และ RDF มีการเติบโตสูง คาดว่าปีนี้จะมีกำไรเนื่องจากการลงทุนใหม่ในธุรกิจเชื้อเพลิงและหม้อแปลงไฟฟ้าที่มีกำไรดี และเน้นกำไรในธุรกิจชีวมวลดั้งเดิม โดยไม่เน้นแข่งขันด้านราคา
งบลงทุนและแผนการลงทุนปี 2568
เน้นลงทุนในธุรกิจ RDF โดยจะร่วมทุนกับทางบ่อขยะ สนับสนุนเรื่องเครื่องจักร และมีแผนขยาย 2-3 แห่งในปีนี้ รวมงบลงทุนประมาณ 40-50 ล้านบาท ส่วนคลังสินค้าเดิมเป็นการ Maintenance เพื่อคงประสิทธิภาพการผลิต ไม่ถือเป็นการลงทุนครั้งใหญ่
หากนักลงทุนมีคำถามเพิ่มเติม สามารถส่งมาได้ทางอีเมล ir@asiabiomass.com
วันนี้ขอปิดการรายงานเพียงเท่านี้ และหวังว่าจะได้พบนักลงทุนทุกท่านในการ Oppday ครั้งถัดไป ขอบคุณมากค่ะ