สรุปด้วย AI(O) BOT

บริษัท เอเชีย ไบโอแมส จำกัด (มหาชน) หรือ ABM รายงานผลประกอบการไตรมาส 2/2567 โดยมีรายได้รวม 585.01 ล้านบาท ลดลง 6.3% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน และลดลง 8.7% จากไตรมาสก่อนหน้า กำไรสุทธิ 2.71 ล้านบาท ฟื้นตัวจากขาดทุนสุทธิ 22.53 ล้านบาท ในไตรมาสเดียวกันของปีก่อน อัตรากำไรขั้นต้น 16.08% เพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนที่ 11.07% สาเหตุหลักมาจากสัดส่วนการขายสินค้าที่มีกำไรสูงเพิ่มขึ้น โดยปริมาณการขายรวมอยู่ที่ 170.27 พันตัน ลดลง 4.58% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน และลดลง 13.28% จากไตรมาสก่อน เนื่องจากปริมาณการขายในประเทศลดลงในทุกกลุ่มสินค้าหลัก ส่วนปริมาณการขายต่างประเทศเพิ่มขึ้น 2 เท่าตัว จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเป็นผลมาจากการส่งออกสินค้าไม้สับเพิ่มขึ้น โดยบริษัทฯ มีแผนปรับปรุงโครงสร้างค่าใช้จ่ายพนักงานและการจัดโครงสร้างเงินทุนให้เหมาะสมเพื่อรองรับการเติบโตในอนาคต

ABM วางแผนจะขยายตลาดต่างประเทศให้มากขึ้น โดยเฉพาะตลาดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งมีความต้องการเชื้อเพลิงชีวมวลเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง บริษัทฯ ตั้งเป้าหมายรายได้ในปี 2567 ไว้ที่ 2,500 ล้านบาท โดยมีกลยุทธ์สำคัญคือ การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต การพัฒนาสินค้าใหม่ และการขยายช่องทางการจัดจำหน่าย บริษัทฯ คาดหวังว่า การเติบโตของตลาดเชื้อเพลิงชีวมวลในระดับโลก จะช่วยผลักดันให้ผลประกอบการของบริษัทฯ เติบโตอย่างต่อเนื่องในอนาคต

ABM เป็นบริษัทที่มีความแข็งแกร่งทางฐานะการเงิน โดย D/E อยู่ที่ 1.76 ซึ่งต่ำกว่า 1 สะท้อนถึงฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง บริษัทฯ สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ง่ายขึ้น และมีโอกาสเติบโตได้อย่างยั่งยืน อย่างไรก็ตาม ราคาหุ้นเฉลี่ยย้อนหลังของ ABM อยู่ในระดับที่ต่ำ เมื่อเทียบกับ P/E ล่าสุดที่ -100 และ P/BV ล่าสุดที่ 1.02 รวมถึง YIELD ล่าสุดที่ 0 อาจสะท้อนถึงความกังวลของนักลงทุนต่อการเติบโตของบริษัทฯ โดยเฉพาะผลประกอบการไตรมาสล่าสุดที่ยังไม่สามารถทำกำไรได้ และผลประกอบการปี 2566 ที่ขาดทุนสุทธิ 3.31 ล้านบาท และ เงินสดสุทธิจากกิจกรรมดำเนินงาน และ เงินสดสุทธิจากกิจกรรมการลงทุน ติดลบ สะท้อนถึงการลงทุนต่อยอดธุรกิจ อย่างไรก็ตาม ABM มีโอกาสเติบโตจาก 1) การขยายตลาดต่างประเทศ 2) การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต 3) การพัฒนาสินค้าใหม่ 4) การขยายช่องทางการจัดจำหน่าย แต่บริษัทฯ ต้องเผชิญกับความเสี่ยง เช่น 1) การแข่งขันในตลาดเชื้อเพลิงชีวมวลที่สูง 2) การเปลี่ยนแปลงของนโยบายภาครัฐ 3) ความผันผวนของราคาสินค้าโภคภัณฑ์ 4) ค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการ และ 5) ความเสี่ยงจากการขยายธุรกิจต่างประเทศ ABM เหมาะสำหรับนักลงทุนระยะยาวที่ต้องการลงทุนในบริษัทที่มีความแข็งแกร่งทางฐานะการเงิน และมีโอกาสเติบโตอย่างยั่งยืน แต่ควรติดตามผลประกอบการและข่าวสารของบริษัทฯ อย่างใกล้ชิด เพื่อประเมินความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน

นอกจากนี้ บริษัทฯ มีแผนการลงทุนในการผลิตสินค้าที่มีคุณภาพและได้มาตรฐานตามหลักสากล ดังนี้:

* บริษัทฯ มีแผนลงทุนเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในระบบขนส่งสินค้าของบริษัทอย่างต่อเนื่อง ซึ่งการลงทุนนี้รวมถึงการเพิ่มจำนวนรถขนส่ง และการเพิ่มคลังสินค้า
* บริษัทฯ ได้ทำสัญญาซื้อไม้โตเร็ว (ยูคาลิปตัส) เพื่อเป็นแหล่งวัตถุดิบในการผลิตสินค้า และรองรับความต่อเนื่องของห่วงโซ่อุปทานของบริษัท รวมถึงเพื่อเป็นการป้องกันความเสี่ยงจากการขาดแคลนสินค้าในอนาคต โดยบริษัทฯ ได้ทำสัญญาซื้อไม้โตเร็วจากสวนป่าในสังกัดองค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ภาคใต้ โดยมีพื้นที่ทั้งหมดประมาณ 3,000 ไร่ คาดการณ์ได้ไม้ทั้งหมด 30,000 ตัน และคาดว่าจะได้รับผลผลิตจากสัญญาดังกล่าวในปี 2567


จากข้อมูลข้างต้น บริษัท ABM มีความพยายามที่จะปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนินงาน และขยายตลาดต่างประเทศ โดยมีแผนการลงทุนในด้านต่างๆ เพื่อรองรับการเติบโต อย่างไรก็ตาม ผลประกอบการไตรมาสล่าสุดยังไม่สามารถทำกำไรได้ และราคาหุ้นก็อยู่ในระดับที่ต่ำ ซึ่งอาจสะท้อนถึงความกังวลของนักลงทุน จึงเหมาะสำหรับนักลงทุนระยะยาวที่ต้องการลงทุนในบริษัทที่มีความแข็งแกร่งทางฐานะการเงิน และมีโอกาสเติบโตอย่างยั่งยืน แต่ควรติดตามผลประกอบการและข่าวสารของบริษัทฯ อย่างใกล้ชิด เพื่อประเมินความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน