บทความ ข่าวสาร กิจกรรม

ภาพรวมผลประกอบการ

PRIME หรือ บริษัท ไพร์ม โรด เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) ประกาศผลประกอบการไตรมาส 2 ปี 2568 รายได้รวมลดลง 32% เหลือ 207 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า และขาดทุนสุทธิ 45 ล้านบาท สาเหตุหลักมาจากการจำหน่ายเงินลงทุนในบริษัทย่อยที่ไต้หวัน และส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมลดลง

รายได้และกำไรที่เปลี่ยนแปลง

รายได้จากการขายไฟฟ้าให้การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (PPA) ลดลง 37% ในไตรมาส 2 ขณะที่รายได้จากการขายไฟฟ้าระหว่างเอกชน (Private PPA) ใกล้เคียงกับปีก่อน รายได้จากธุรกิจรับเหมาก่อสร้างแบบเบ็ดเสร็จลดลง 30% แต่รายได้จากธุรกิจซื้อขายสินค้าที่เกี่ยวข้องกับพลังงานลดลงถึง 30% ส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมลดลง 18% เนื่องจากการหมด Adder และสิทธิประโยชน์ทางภาษี (BOI) อย่างไรก็ตาม รายได้อื่นเพิ่มขึ้น 33% จากการจำหน่ายโครงการและทรัพย์สินของบริษัทย่อย

สินทรัพย์และหนี้สิน

ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2568 สินทรัพย์รวมของ PRIME มีจำนวน 7,254 ล้านบาท ลดลง 3% โดยสินทรัพย์หมุนเวียนลดลง 36% เนื่องจากการจ่ายชำระหนี้และการลดลงของสินทรัพย์ที่เกิดจากสัญญา หนี้สินรวมมีจำนวน 5,164 ล้านบาท ลดลง 4% เนื่องจากการจัดประเภทรายการใหม่ของหุ้นกู้และการลดลงของเงินกู้ยืมระยะยาว ส่วนของผู้ถือหุ้นรวมมีจำนวน 2,090 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1% และอัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (D/E Ratio) อยู่ที่ 2.47 เท่า

สถานการณ์ที่ต้องจับตา

PRIME ผิดนัดชำระดอกเบี้ยและเงินต้นบางส่วนของหุ้นกู้ ทำให้หุ้นกู้ถูกขึ้นเครื่องหมาย DP และหลักทรัพย์ของบริษัทฯ ถูกขึ้นเครื่องหมาย CB อย่างไรก็ตาม ผู้ถือหุ้นกู้ 4 รุ่น ได้อนุมัติขอปรับเงื่อนไขการชำระหนี้หุ้นกู้ ไม่ให้ถือเป็นเหตุผิดนัดตามข้อกำหนดสิทธิ ปัจจุบันบริษัทฯ ยังคงดำเนินการตามแผนการขายทรัพย์สินและเงินลงทุนบางส่วน เพื่อนำมาชำระหนี้และเสริมสภาพคล่องทางการเงิน