บทความ ข่าวสาร กิจกรรม
TU (ASPS): คาดกำไรปกติ Q4/67 ใกล้เคียงปีก่อน แม้มีปัจจัยบวก
P/E 10.26 YIELD 5.60 ราคา 12.80 (0.00%)
ASPS ประเมินราคาเป้าหมาย 18.60 บาท มอง Upside 43% และ Dividend yield 5.5%
ไฮไลท์สำคัญ: ASPS คาด TU กำไรปกติ Q4/67 ใกล้เคียงปีก่อน
บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส (ASPS) คาดการณ์กำไรปกติของ TU ในไตรมาส 4 ปี 2567 จะอยู่ที่ 1.2 พันล้านบาท ซึ่งใกล้เคียงกับงวดปีก่อน แม้ว่าจะมีปัจจัยบวกจากมาร์จิ้นที่ดีขึ้นและกำไรจากบริษัทร่วม แต่การแข็งค่าของเงินบาท, การชะลอตัวของธุรกิจ FROZEN, การเพิ่มขึ้นของค่าใช้จ่ายทางการตลาด, ค่าที่ปรึกษา และค่าขนส่ง ยังคงเป็นข้อจำกัดต่อการเติบโตของกำไร
รายละเอียดการวิเคราะห์และปัจจัยที่มีผลกระทบ
ASPS ระบุว่า กำไรในเชิง QOQ ลดลง 18% จากไตรมาส 3 ปี 2567 ตามปัจจัยฤดูกาล, มาร์จิ้นที่อ่อนตัวจากอาหารสัตว์เลี้ยง และค่าใช้จ่ายในการบริหารที่เพิ่มขึ้น แม้ว่าประเด็นเรื่อง @เห1 อาจสร้างความเสี่ยงขาลงต่อประมาณการปี 2568 แต่ ASPS มองว่าตลาดได้รับรู้ประเด็นดังกล่าวไปพอสมควรแล้ว และราคาหุ้นปัจจุบันมี P/E ซื้อขายที่ 10 เท่า และคาดหวัง Dividend yield มากกว่า 5% ประกอบกับแรงขับเคลื่อนจากโครงการซื้อหุ้นคืน
ASPS คาดการณ์รายได้ในไตรมาส 4/2567 จะอยู่ที่ 3.53 หมื่นล้านบาท (-1% YoY, -1.3% QoQ) โดยการลดลง YoY ถูกฉุดจากค่าเงินบาทแข็งค่าและการชะลอตัวของธุรกิจอาหารทะเลแช่แข็ง (Frozen) จากดีมานด์ที่ลดลงในฝั่งสหรัฐฯ อย่างไรก็ตาม การเพิ่มขึ้นของยอดขายในเชิง QoQ มาจากธุรกิจ Frozen ที่ได้อานิสงค์จากช่วงฤดูกาลเฉลิมฉลอง และธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยง (Pet food) มีปริมาณคำสั่งซื้อเพิ่มขึ้น และการเพิ่มสัดส่วนสินค้าพรีเมียมที่มีราคาขายดีกว่าสินค้าอื่น
คำแนะนำการลงทุนและราคาเป้าหมาย
ASPS ยังคงแนะนำ "Outperform" สำหรับ TU โดยมีราคาเป้าหมายปี 2568 ที่ 18.60 บาท อิงจาก PER 14 เท่า โดยมองว่าโครงการซื้อหุ้นคืนของบริษัทจะช่วยจำกัด Downside ของราคาหุ้นได้ เนื่องจากบริษัทจะประกาศเป้าหมายทางการเงินปี 2568 และคาดว่าจะได้ข้อสรุปเบื้องต้นเกี่ยวกับผลกระทบจากประเด็นเรื่อง @!1
ทั้งนี้ ASPS ยังคงประมาณการเดิมสำหรับปี 2568 โดยคาดกำไรปกติ 5.9 พันล้านบาท (+13.7% YoY) ภายใต้การประเมินยอดขายเพิ่ม 4.7% อยู่ที่ 1.45 แสนล้านบาท (5% USD/บาท) โดย ASPS ระบุว่า ต้องรอความชัดเจนจากบริษัทในเรื่องวิธีการคำนวณในการจัดเก็บภาษีจากผู้เชี่ยวชาญ รวมถึงนโยบายจากทั้ง BOL และภาครัฐว่าจะมีแนวทางในการช่วยเหลืออย่างไรบ้าง เพื่อลดผลกระทบจากประเด็นดังกล่าว